05.04.24       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน จดจำพ่อด้วยความรักแล้วลูกจะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่งได้ การไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยการเหลือบมองหมายถึงการกลายเป็นนายของโลก

คำถาม:
อะไรคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “สวามี สัตกูรู พาดวงวิญญาณไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยการเหลือบมองเพียบแวบเดียว”

คำตอบ:
เมื่อดวงวิญญาณได้รับดวงตาที่สามจากพ่อ และดวงวิญญาณตระหนักรู้จักพ่อด้วยดวงตานั้น เขาก็สามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่ง นั่นคือดวงวิญญาณได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ บาบาพูดว่า ลูกๆ กลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณและเพ่งสายตาของลูกมาที่พ่อ นั่นคือจดจำพ่อ ตัดขาดจากทุกคนอื่นและเชื่อมโยงตนเองกับพ่อผู้เดียวเท่านั้น แล้วลูกจะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่งได้ นั่นคือจากการมีความทุกข์ระทมและยากจนข้นแค้นลูกจะกลายเป็นผู้ที่มั่งคั่ง

โอมชานติ
ลูกๆทางจิตที่สุดแสนหวานไปหาใคร? ไปหาพ่อทางจิต ลูกเข้าใจว่าลูกกำลังจะไปหาชีพบาบา ลูกรู้ว่าชีพบาบาคือพ่อของดวงวิญญาณทั้งหมด ลูกๆควรจะมีศรัทธาว่าผู้เดียวนั้นคือครูสูงสุดและเป็นกูรูสูงสุดด้วยเช่นกัน “พาราม” หมายถึง สูงสุด ลูกต้องจดจำเพียงผู้เดียวเท่านั้น ลูกมีการพบปะด้วยดวงตา มีการจดจำกันว่าสวามี สัตกูรูนั้นได้พาลูกไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยการเหลือบมองเพียงแว๊บเดียว ลูกจำเป็นต้องเข้าใจความหมายของสิ่งนี้ ใครที่ถูกพาไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยการเหลือบมองเพียงแว๊บเดียว? แน่นอนที่จะกล่าวว่าเป็นทั้งโลก เพราะท่านคือผู้ประทานการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์สำหรับทุกคน ท่านคือผู้เดียวที่พาทุกคนออกไปจากโลกที่ไม่บริสุทธิ์นี้ ลูกได้รับการเหลือบมองใด? จากดวงตาเหล่านี้หรือ? ไม่เลย ลูกๆแต่ละดวงวิญญาณได้รับดวงตาที่สามของความรู้ที่ลูกรู้ว่าผู้เดียวนั้นคือพ่อของเราทั้งหมด พ่อได้แนะนำดวงวิญญาณว่า จดจำพ่อ พ่ออธิบายแก่ดวงวิญญาณ เป็นดวงวิญญาณที่ได้กลับมาไม่บริสุทธิ์และตโมประธาน นี่คือชาติเกิดที่ 84 ของลูก และเวลานี้การละเล่นนี้กำลังจบสิ้น แน่นอนที่การละเล่นนี้ต้องจบสิ้นลง ทุกๆวงจรโลกเก่าจะกลับมาใหม่ และแล้วโลกใหม่ก็กลับมาเก่า มีชื่อที่แตกต่างกัน โลกใหม่นั้นเรียกว่ายุคทอง พ่อได้อธิบายแล้วว่า เริ่มแรกลูกเคยอยู่ในยุคทอง และแล้วในขณะที่กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ ลูกก็ได้ไปผ่าน 84 ชาติเกิด เวลานี้ลูกๆดวงวิญญาณได้กลับมาตโมประธาน หากลูกจดจำพ่อลูกจะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่ง พ่อได้บอกลูกเป็นการส่วนตัวว่า จดจำฉัน ใครคือ “ฉัน”? พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด พ่อพูดว่า ลูกๆ จงกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ อย่าได้มีสำนึกที่เป็นร่าง กลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ และเพ่งรวมดวงตาของลูกมายังพ่อและลูกจะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่งได้ เฝ้าแต่จดจำพ่อต่อไป ไม่มีความยากลำบากใดๆในสิ่งนี้ เป็นดวงวิญญาณที่ศึกษาเล่าเรียนและเล่นบทบาทของเขา ดวงวิญญาณนั้นเล็กมาก เมื่อลูกดวงวิญญาณลงมาที่นี่ลูกก็เล่นบทบาทของ 84 ชาติเกิด และแล้วลูกต้องซ้ำรอยสิ่งเหล่านี้ เวลานี้ลูกดวงวิญญาณกลับมาไม่บริสุทธิ์ในขณะที่เล่นบทบาทของ 84 ชาติเกิดของลูก เวลานี้ดวงวิญญาณไม่มีพละกำลังหลงเหลืออยู่เลย เวลานี้แทนที่จะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่ง,ดวงวิญญาณกลับมามีความทุกข์ระทม นั่นคือยากจนข้นแค้น ดังนั้นพวกเขาจะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่งได้อย่างไร? คำพูดเหล่านี้เป็นของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาและพ่ออธิบายสิ่งเหล่านั้นแก่ลูก พ่ออธิบายพระเวท คัมภีร์ และภาพลักษณ์ต่างๆ ฯลฯ แก่ลูกด้วยเช่นกัน ลูกได้ให้มีการทำรูปภาพเหล่านี้ขึ้นมาตามศรีมัท พวกเขาได้ทำภาพสัญลักษณ์ต่างๆมากมายด้วยการทำตามการกำหนดที่เป็นเช่นปีศาจ พวกเขาไม่มีหน้าที่การงานใดๆ พ่อมาที่นี่และสอนลูกๆ มีคำกล่าวว่า พระเจ้าพูดและดังนั้นนั่นก็เป็นความรู้ของท่าน นักเรียนรู้ว่ามีใครบางคนเป็นครูคนนั้นครูคนนี้ ที่นี่ลูกรู้ว่าพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและสอนการศึกษาที่มหัศจรรย์เช่นนั้นแก่ลูก มีความแตกต่างของกลางวันและกลางคืนระหว่างการศึกษานั้นและการศึกษานี้ ขณะที่กำลังศึกษาเล่าเรียนการศึกษานั้นมันก็กลายเป็นกลางคืนและด้วยการศึกษานี้ลูกก็เข้าไปสู่กลางวัน ลูกได้เคยศึกษาเล่าเรียนการศึกษานั้นมาเป็นเวลาชาติแล้วชาติเล่า ที่นี่พ่อบอกลูกอย่างชัดเจนว่า เมื่อดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์ดวงวิญญาณก็จะสามารถซึมซับความรู้ได้ มีคำกล่าวว่าน้ำนมของราชสีห์สามารถบรรจุในภาชนะทองคำเท่านั้น ลูกๆเข้าใจว่าเวลานี้ลูกกำลังจะกลายเป็นภาชนะทองคำ ลูกจะยังคงเป็นมนุษย์ แต่ลูกดวงวิญญาณต้องกลับมาบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ลูกเคยมี 24 กะรัตและเวลานี้ลูกได้กลับมามี 9 กะรัต แสงของดวงวิญญาณที่เคยสว่างไสวในเวลานี้ได้ดับลง มีความแตกต่างระหว่างผู้ที่แสงของเขานั้นสว่างไสวและผู้ที่แสงของเขานั้นดับลง เพียงพ่อเท่านั้นที่อธิบายว่าจะสามารถมีการจุดแสงให้สว่างได้อย่างไรและลูกจะสามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพได้อย่างไร พ่อพูดว่า จดจำพ่อ พ่อจะจดจำเป็นอย่างดีกับผู้ที่จดจำพ่อเป็นอย่างดี ลูกๆรู้เช่นกันว่าเป็นเพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นสวามี ผู้ที่พาลูกไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยการเหลือบมองเพียงแว๊บเดียว ดวงวิญญาณของผู้นี้ก็สามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยเช่นกัน ลูกทั้งหมดคือแมลงเม่าและท่านก็ถูกเรียกว่าเป็นเปลวไฟ แมลงเม่าบางตัวก็เพียงแต่บินวนไปรอบๆ ในขณะที่แมลงเม่าอื่นๆได้ตระหนักรู้จักพ่อเป็นอย่างดีมากและตายในขณะที่มีชีวิต บ้างก็บินวนไปรอบๆและจากไปแล้วจะกลับมาใหม่ในบางครั้งเท่านั้นแล้วก็จากไปอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เป็นการจดจำเกี่ยวกับยุคบรรจบพบกัน มีการทำคัมภีร์ขึ้นมาจากสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นในเวลานี้ พ่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและจากไปเมื่อได้ให้มรดกแก่ลูกแล้ว พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดจะให้มรดกที่ไม่มีขีดจำกัดแก่ลูกอย่างแน่นอน มีการจดจำวลีว่า “เป็นเวลา 21 ชั่วอายุคน” ใครที่ได้ให้มรดกในยุคทองแก่ลูก? พระเจ้า ผู้สร้างได้ให้มรดกเป็นเวลาครึ่งวงจรแก่สิ่งสร้างของท่าน ทุกคนจดจำท่าน ท่านคือพ่อ ครู สวามีและสัตกูรูด้วยเช่นกัน ลูกอาจจะเรียกคนอื่นว่าสวามีหรือสัตกูรู แต่เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือสัจจะ พ่อเรียกว่าเป็นสัจจะเสมอ พ่อมาและให้สัจจะใด? พ่อทำให้โลกเก่าเป็นดินแดนแห่งสัจจะ เรากำลังทำความเพียรพยายามเพื่อดินแดนแห่งสัจจะ เมื่อเป็นดินแดนแห่งสัจจะก็ไม่มีดินแดนอื่นคงอยู่ ดินแดนทั้งหมดนั้นปรากฎขึ้นภายหลัง ไม่มีใครรู้ถึงดินแดนแห่งสัจจะ ทุกคนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับดินแดนที่คงอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้จักผู้ก่อตั้งของศาสนาของเขาเองแต่ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับสุริยวงศ์,จันทราวงศ์หรือสกุลบราห์มินของยุคบรรจบพบกัน ผู้คนนั้นเชื่อในประชาบิดาบราห์มา พวกเขาพูดว่า บราห์มินคือลูกๆของบราห์มา อย่างไรก็ตามพวกเขาคือสิ่งสร้างทางร่างกายในขณะที่ลูกคือสิ่งสร้างที่เกิดจากปาก พวกเขาไม่บริสุทธิ์ในขณะที่ลูกสิ่งสร้างที่เกิดจากปากนั้นบริสุทธิ์ ลูกได้กลายเป็นสิ่งสร้างที่เกิดจากปากแล้วก็ออกไปจากโลกที่สกปรกของอาณาจักรของราวัน อาณาจักรของราวันไม่ได้คงอยู่ที่นั่น เวลานี้ลูกจะไปสู่โลกใหม่ นั่นเรียกว่าโลกที่ปราศจากกิเลส โลกนั้นกลับมาใหม่และเก่า เวลานี้ลูกรู้ว่าโลกได้กลายเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในสติปัญญาของใครอื่น ไม่มีใครสามารถรู้สิ่งใดของหลายแสนปีได้ นี่คือเรื่องของเวลาสั้นๆ พ่อนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆ พ่อพูดว่า พ่อมาเมื่อเป็นการประณามศาสนาอย่างที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบารัต ในสถานที่อื่นไม่มีใครแม้กระทั่งรู้ว่าดวงวิญญาณสูงสุดผู้ไม่มีตัวตนคือใคร พวกเขาได้ทำลิงกัมที่ใหญ่โตและวางลิงกัมไว้ที่นั่น ได้เคยมีการอธิบายแก่ลูกแล้วว่าขนาดของดวงวิญญาณนั้นไม่มีวันใหญ่กว่าหรือเล็กกว่า เช่นที่ดวงวิญญาณไม่สูญสลายดังนั้นพ่อก็ไม่สูญสลายเช่นกัน ท่านคือดวงวิญญาณสูงสุด สูงสุดหมายถึงท่านบริสุทธิ์และปราศจากกิเลสเสมอ ลูกดวงวิญญาณเคยปราศจากกิเลสด้วยเช่นกัน โลกก็เคยปราศจากกิเลสเช่นกัน นั่นเรียกว่าเป็นโลกใหม่ที่ปราศจากกิเลสอย่างสมบูรณ์ และแล้วโลกก็กลับมาเก่าอย่างแน่นอน องศาก็ลดลงมาเรื่อยๆ อาณาจักรสุริยะวงศ์ก็ได้ลดน้อยลงไป 2 องศาและแล้วก็เก่าลงเรื่อยๆ และแล้วแผ่นดินอื่นๆทั้งหมดก็ปรากฏขึ้น สิ่งเหล่านั้นเรียกว่าเป็นส่วนประกอบ(by plots) อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ปะปนกัน ไม่ว่าอะไรก็ตามเกิดขึ้นตามแผนของละครจะซ้ำรอย เมื่อหัวหน้าของชาวพุทธได้มาเขาก็ได้เปลี่ยนผู้คนมากมายไปสู่ศาสนาพุทธ เขาได้เปลี่ยนศาสนาของบุคคลเหล่านั้น ชาวฮินดูเปลี่ยนศาสนาของพวกเขาเองเพราะการกระทำของพวกเขานั้นตกต่ำ พวกเขาจึงกลายเป็นคนที่เสื่อมลงในศาสนาของเขาด้วยเช่นกัน พวกเขาไปสู่หนทางแห่งบาป ผู้คนนั้นก็จะไปที่วัดจากันนาทแต่ไม่มีใครในบรรดาพวกเขาที่คิดเกี่ยวกับสิ่งนั้น พวกเขาเองมีกิเลสและดังนั้นพวกเขาจึงได้วาดภาพลักษณ์ที่มีกิเลส พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหล่าเทพได้กลายเป็นเช่นนั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปสู่หนทางแห่งบาป ภาพลักษณ์เหล่านั้นเป็นของเวลานั้น ชื่อ“เทพ”นั้นดีมาก ฮินดูนั้นเป็นชื่อที่ได้มาจากคำว่าฮินดูสถาน เหตุนี้เองพวกเขาจึงเรียกตนเองว่าฮินดู นี่เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่มากเช่นนั้น เหตุนี้เองพ่อพูดว่า เมื่อใดก็ตามที่มีความไม่ถูกต้องและไร้ศีลธรรมอย่างที่สุดพ่อจะมา… บาบามาในบารัต ท่านไม่ได้พูดว่าท่านมาในฮินดูสถาน นี่คือบารัต ไม่มีฮินดูสถานหรือศาสนาฮินดู ผู้คนของอิสลามก็ได้ให้ชื่อนั้นว่าฮินดูสถาน สิ่งนี้ก็ถูกกำหนดไว้ในละครเช่นกัน ลูกควรจะเข้าใจสิ่งนี้อย่างดีมาก นี่คือความรู้ด้วยเช่นกัน ขณะที่กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่และไปสู่หนทางแห่งบาป พวกเขาก็กลับมาตกต่ำ และแล้วผู้คนก็ไปอยู่เบื้องหน้าของรูปปั้นบูชาและพูดว่า ท่านปราศจากกิเลสอย่างสมบูรณ์ในขณะที่เราเป็นคนบาปที่มีกิเลส ไม่มีใครในแผ่นดินอื่นที่จะพูดว่าพวกเขาตกต่ำและพวกเขาไม่มีคุณธรรมใดๆเลย ลูกจะไม่มีวันได้ยินใครในบรรดาพวกเขาพูดเช่นนั้น ชาวซิกข์เองก็นั่งอยู่เบื้องหน้าคัมภีร์กรันท์แต่พวกเขาไม่เคยพูดว่า นานัคท่านนั้นปราศจากกิเลสในขณะที่เรามีกิเลส ผู้ที่เป็นสาวกของนานัคก็จะใส่กำไลมือ นั่นคือสัญลักษณ์ของผู้ที่ปราศจากกิเลส แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีกิเลส พวกเขาเพียงแต่เก็บสัญลักษณ์นั้นไว้อย่างผิดๆ เช่นที่ชาวฮินดูผูกเส้นด้ายศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ทุกวันนี้พวกเขาไม่มีความเชื่อในศาสนา เวลานี้หนทางความเลื่อมใสศรัทธายังคงดำเนินต่อไป สิ่งนี้เรียกว่าเป็นลัทธิของความเลื่อมใสศรัทธา ลัทธิของความรู้นั้นคงอยู่ในยุคทอง เหล่าเทพของยุคทองปราศจากกิเลสอย่างสมบูรณ์ ในยุคเหล็กไม่สามารถมีใครที่ปราศจากกิเลสอย่างสมบูรณ์ได้ เพียงพ่อเท่านั้นที่ก่อตั้งหนทางครอบครัวที่บริสุทธิ์ กูรูอื่นๆทั้งหมดคือผู้ที่เป็นของหนทางสันโดษ พลังของหนทางครอบครัวก็กลับมาแข็งแกร่งขึ้น พ่อพูดว่า ลูกไม่สามารถบรรลุถึงพ่อได้จากสิ่งที่ลูกเคยศึกษาเล่าเรียนมา เมื่อพ่อมาพ่อพาทุกคนไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยการเหลือบมองเพียงแว๊บเดียว มีการจดจำกันว่าสวามี,สัตกูรูพาทุกคนข้ามฟากไปด้วยการเหลือบมองเพียงแว๊บเดียว เหตุใดลูกจึงได้มาที่นี่? เพื่อที่จะสามารถอยู่เหนือทุกสิ่ง เพื่อที่จะกลายเป็นนายของโลก จดจำพ่อและลูกจะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่มีใครจะพูดว่าด้วยการทำสิ่งนั้นท่านจะกลายเป็นเช่นนี้ เพียงพ่อเท่านั้นที่พูดว่า ลูกต้องกลายเป็นสิ่งนี้ ลักษมีและนารายณ์กลายเป็นอย่างที่พวกเขาเป็นได้อย่างไร? ไม่มีใครรู้ พ่อบอกทุกสิ่งแก่ลูกๆ ผู้นี้ใช้ 84 ชาติเกิดและกลับมาไม่บริสุทธิ์ เวลานี้พ่อมาเพื่อทำให้ลูกเป็นสิ่งนี้ พ่อให้คำแนะนำของตัวพ่อเองแก่ลูกและพาลูกไปอยู่เหนือด้วยการเหลือบมองเพียงแว๊บเดียวด้วยเช่นกัน ลูกพูดสิ่งนี้กับใคร? กับสัตกูรูผู้เดียว มีกูรูเหล่านั้นอยู่มากมายและผู้เป็นแม่ที่น่าสงสารก็ไร้เดียงสา ลูกทั้งหมดคือลูกของพระเจ้าผู้ไร้เดียงสา พวกเขาพูดถึงชางก้าว่าเขาได้เปิดตาและการทำลายล้างก็เกิดขึ้น นั่นก็จะเป็นบาป พ่อจะไม่ให้แนวทางปฏิบัติสำหรับงานเช่นนั้น การทำลายล้างจะเกิดขึ้นด้วยสิ่งอื่น พ่อไม่ได้ให้แนวทางปฏิบัติเช่นนั้น วิทยาศาสตร์ทั้งหมดนั้นมีการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเข้าใจว่าพวกเขากำลังทำลายวงศ์สกุลของตนเอง พวกเขาถูกผูกมัดไว้ด้วยสิ่งนั้น พวกเขาไม่สามารถละทิ้งมันไปได้ ชื่อของพวกเขาได้รับการประกาศเกียรติคุณอย่างมาก พวกเขาไปยังดวงจันทร์ แต่ไม่มีประโยชน์อะไรในสิ่งนั้น ลูกๆที่แสนหวานให้สายตาของลูกมุ่งตรงมาที่พ่อ นั่นคือ โอ้ ดวงวิญญาณจดจำพ่อของลูก และลูกจะสามารถไปอยู่เหนือทุกสิ่งได้ พ่อพูดว่า พ่อจดจำผู้ที่จดจำพ่อ พ่อจดจำผู้ที่ทำงานรับใช้เพื่อพ่อและดังนั้นพวกเขาจึงได้รับพลัง จากลูกทั้งหมดที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งจะกลายเป็นราชา ได้มีการจดจำกันว่า ตัดขาดจากทุกคนอื่นและเชื่อมโยงตนเองกับผู้เดียว ผู้เดียวนั้นคือผู้ไม่มีตัวตน ลูกดวงวิญญาณไม่มีตัวตนเช่นกัน พ่อพูดว่า จดจำพ่อ ลูกเองก็พูดว่า โอ้ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์! ลูกพูดสิ่งนี้กับใคร? กับบราห์มา,วิษณุหรือชางก้าหรือไม่? ไม่เลย ผู้ชำระให้บริสุทธิ์คือผู้เดียวเท่านั้นและท่านบริสุทธิ์เสมอ ท่านเรียกว่าเป็นผู้ทรงพลังอำนาจ พ่อเองบอกความรู้ของตอนเริ่ม,ตอนกลางและตอนจบของโลกแก่ลูก ท่านรู้คัมภีร์ทั้งหมด ซันยาสซีได้รับสมญาด้วยการศึกษาคัมภีร์ ฯลฯ ในขณะที่พ่อได้รับสมญาของท่านเรียบร้อยแล้ว พ่อจะไม่ประกาศสิทธิ์ในสมญานั้นโดยการศึกษา อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. กลายเป็นแมลงเม่าที่ตายในขณะที่มีชีวิตในเปลวไฟ ไม่ใช่ผู้ที่เพียงแต่บินวนไปรอบๆ เพื่อที่จะดูดซับการศึกษาของพระเจ้า จงทำให้สติปัญญาของลูกนั้นบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์

2. ตัดขาดจากทุกคนอื่นและคงอยู่ในความเป็นมิตรของพ่อผู้เดียว ไปอยู่เหนือทุกสิ่งด้วยการจดจำระลึกถึงผู้เดียว

พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงตนเองผู้ได้รับพรจากผู้ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจโดยมีการตระหนักรู้ในหัวใจของลูก

เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ลูกต้องมีการตระหนักรู้ที่แท้จริงของสองสิ่งในหัวใจของลูก: 1) การตระหนักรู้ถึงความอ่อนแอของลูก 2) ตระหนักรู้ของสถานการณ์ และความปรารถนาและความรู้สึกในจิตใจของผู้ที่กลายเป็นเครื่องมือสำหรับบางสิ่ง เข้าใจเหตุผลสำหรับข้อสอบของสถานการณ์ที่เลวร้าย และให้การตระหนักรู้ที่สูงส่งนั้นทำให้ตนเองสอบผ่าน สภาพของลูกเองสูงส่งและสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นข้อสอบ การตระหนักรู้นี้จะสามารถทำให้ลูกเปลี่ยนแปลงตนเองได้อย่างง่ายดาย เมื่อลูกตระหนักรู้ในสิ่งนั้นด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์ ลูกจะได้รับพรจากผู้ให้ความอบอุ่นของหัวใจ

คติพจน์:
ทายาทคือผู้ที่พร้อมเสมอและพูดว่า “ จี ฮาซูร์ (ขอรับท่าน) ฉันอยู่นี่” ในทุกสถานการณ์