05.05.24 Avyakt Bapdada Thai Murli
15.11.99 Om Shanti Madhuban
ความพยายามที่ง่ายดายที่จะกลับมาทัดเทียมกับพ่อคือการเชื่อฟัง
วันนี้บัพดาดากำลังมองดูชุมนุมของหงส์ศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
ลูกแต่ละคนเป็นหงส์ศักดิ์สิทธิ์ที่จิตใจไตร่ตรองเพชรพลอยแห่งความรู้อยู่เสมอ
หน้าที่ของหงส์ศักดิ์สิทธิ์คือเขี่ยก้อนหินที่ไร้ประโยชน์ออกไปและไตร่ตรองเพชรพลอยแห่งความรู้
เพชรพลอยแต่ละเม็ดมีค่ามาก! ลูกๆแต่ละคนได้กลายเป็นเหมืองแห่งเพชรพลอยแห่งความรู้
ลูกเปี่ยมล้นด้วยเพชรพลอยแห่งความรู้อยู่เสมอ
วันนี้บัพดาดากำลังตรวจสอบประเด็นพิเศษอย่างหนึ่งในลูกทุกคน ประเด็นนั้นคืออะไร?
วิธีที่ง่ายในการปลูกฝังความรู้และโยคะในตัวลูกคือการเคลื่อนไปในขณะที่เชื่อฟังบัพและดาดา
ลูกต้องเชื่อฟังพ่อ เชื่อฟังครู และเชื่อฟังซัทกูรู
การเชื่อฟังทั้งสามรูปนั้นหมายถึงการเป็นผู้เพียรพยายามที่ง่ายดาย
เพราะบาบาในทั้งสามรูปนั้นจะให้คำแนะนำสั่งสอนและแนวทางกับลูกๆสำหรับทุกการกระทำที่ลูกทำตั้งแต่เวลาอมฤตจนถึงเวลากลางคืน
ถ้าลูกยังคงทำทุกสิ่งตลอดเวลาตามคำแนะนำที่ลูกได้รับ
ลูกจะไม่สัมผัสกับความลำบากตรากตรำหรือความยากใดๆ
ลูกได้รับคำแนะนำที่ชัดเจนสำหรับความคิด คำพูด และการกระทำของลูกในทุกขณะ
ลูกแม้กระทั่งไม่จำเป็นต้องคิดว่าลูกควรทำอะไรบางอย่างหรือไม่
ลูกไม่จำเป็นต้องพยายามคิดว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิดด้วยซ้ำ
คำแนะนำสั่งสอนและแนวทางของพระเจ้านั้นสูงส่งเสมอ
ดังนั้นนี่เป็นชุมนุมที่ดีมากของลูกกุมารทุกคนที่มา ทันทีที่ลูกเป็นของพ่อ
ลูกแต่ละคนได้ทำสัญญาอะไรกับพ่อ? ลูกได้ให้คำมั่นสัญญาหรือไม่?
สัญญาแรกที่ลูกทำเมื่อลูกเป็นของพ่อคืออะไร? "บาบา ร่างกาย จิตใจ และเงิน" –
ไม่ว่าในกรณีใด กุมารไม่ได้มีเงินมากมายนัก แต่ถึงกระนั้น - "
สิ่งใดที่ฉันมีก็เป็นของท่านทั้งหมด" ลูกได้ให้สัญญาเช่นนี้ใช่ไหม?
ลูกสัญญาว่าลูกจะให้ "ร่างกาย จิตใจ และเงินทองของลูก
และมีทุกความสัมพันธ์กับท่านหรือไม่?" ในเมื่อร่างกาย จิตใจ
และเงินทั้งหมดของลูกล้วนเป็นของพ่อ แล้วอะไรที่เป็นของลูกล่ะ?
จะมีอะไรที่เป็นของลูกบ้างไหม? มีอะไรอีกไหม? ลูกได้ให้ร่างกาย จิตใจ เงินทอง
และยกความสัมพันธ์ของลูกที่มีกับทุกคนให้กับพ่อหรือไม่?
ผู้ที่ครองเรือนได้ทำเช่นนี้ไหม? ผู้ที่มาจากมธุบันได้ทำเช่นนี้ไหม?
ลูกทำสิ่งนี้อย่างมั่นคงหรือไม่? ในเมื่อจิตใจของลูกเป็นของพ่อด้วย
มันจึงไม่ได้เป็นของลูกใช่ไหม?
หรือลูกคิดว่ามันเป็นจิตใจของลูกและลูกสามารถใช้มันได้ตามที่ลูกต้องการ
เพราะลูกพิจารณาว่ามันเป็นของลูกหรือไม่? ในเมื่อลูกให้จิตใจของลูกแก่พ่อ
ในเมื่อลูกได้มอบจิตใจของลูกให้แก่พ่อแล้ว ลูกมอบทุกสิ่งให้กับท่านแล้ว
แล้วทำไมลูกถึงต่อสู้รบรา? "จิตใจของฉันเป็นทุกข์
จิตใจของฉันมีความคิดที่ไร้ประโยชน์ จิตใจของฉันถูกรบกวน"
ในเมื่อจิตใจมันไม่ได้เป็นของลูก แต่เป็นสิ่งที่ลูกได้รับมาด้วยความไว้วางใจ
ดังนั้นมันจึงไม่เป็นความไม่ซื่อสัตย์สำหรับลูกที่จะใช้สิ่งที่ลูกได้รับมาด้วยความไว้วางใจหรือ?
ประตูที่มายาสามารถเข้าไปได้คือ "ฉันและของฉัน"
ในเมื่อแม้กระทั่งร่างกายของลูกก็ไม่ใช่ของลูก แล้วลูกจะมี "ฉัน"
ของจิตสำนึกที่เป็นร่างได้อย่างไร? แม้แต่จิตใจของลูกก็ไม่ได้เป็นของลูก
แล้วลูกจะสามารถพูดได้อย่างไรว่า “ของฉัน! ของฉัน!"?
จิตใจของลูกเป็นของพ่อหรือเป็นของลูก? มันเป็นของพ่อหรือไม่?
หรือที่ลูกบอกว่ามันเป็นของพ่อและเชื่อว่าเป็นของลูก?
มิฉะนั้นสิ่งนี้ก็หมายความว่าลูกพูดว่ามันเป็นของพ่อ
แต่ลูกพิจารณาว่ามันเป็นของลูกเองจริงๆ เพียงจดจำสัญญาแรกที่ลูกได้ให้ไว้
เพื่อที่จะไม่มีทั้ง "ฉัน" หรือ "ของฉัน" ของจิตสำนึกที่เป็นร่าง
ดังนั้นคำแนะนำของพ่อคือ: พิจารณาตัวเองให้ยึดมั่นจิตใจด้วยความไว้วางใจ
พิจารณาตัวลูกเองว่ากำลังยึดมั่นจิตใจของลูกด้วยความไว้วางใจเช่นกัน
แล้วลูกจำเป็นต้องลำบากตรากตรำไหม? ความอ่อนแอใดก็ตามจะมาจากสองคำนี้: "ฉันและของฉัน"
ดังนั้นร่างกายจึงไม่ได้เป็นของลูกและลูกก็ไม่มีจิตสำนึกที่เป็นร่างของ"ฉัน"
ในเมื่อลูกมีความเชื่อฟัง
พ่อได้ให้คำแนะนำสั่งสอนอะไรกับลูกสำหรับความคิดอะไรก็ตามที่อยู่ในจิตใจของลูก?
จงมีความคิดในเชิงบวกและมีความคิดที่มีความเมตตาที่จะให้คุณประโยชน์
พ่อได้ให้คำแนะนำสั่งสอนกับลูกที่จะมีความคิดในเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือไม่? ไม่เลย!
ในเมื่อจิตใจของลูกไม่ใช่ของลูก และลูกยังคงมีความคิดที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น
ถ้าอย่างนั้นลูกคงไม่ได้นำคำแนะนำของพ่อไปปฏิบัติใช่ไหม?
เพียงแค่จดจำคำศัพท์ของการเป็นลูกที่เชื่อฟังผู้เชื่อฟังคำแนะนำสั่งสอนของพระเจ้า
ลองคิดดูว่าบางสิ่งบางอย่างเป็นไปตามคำแนะนำสั่งสอนของพ่อหรือไม่
พ่อจะจดจำลูกที่เชื่อฟังของท่านโดยอัตโนมัติเสมอ
ลูกเช่นนี้จะเป็นที่รักโดยอัตโนมัติและมีความใกล้ชิดกับพ่อของเขาโดยอัตโนมัติ
ดังนั้นตรวจสอบดูว่าลูกใกล้ชิดและเชื่อฟังพ่อหรือไม่
ลูกสามารถจดจำประโยคหนึ่งในเวลาอมฤตได้ "ฉันคือใคร?" ฉันเชื่อฟังไหม?
หรือว่าเป็นบางครั้งที่ลูกเชื่อฟังคำแนะนำของท่านและบางครั้งก็เคลื่อนออกไปจากคำแนะนำเหล่านั้น?
บัพดาดาพูดอยู่เสมอว่า: ถ้าลูกจดจำคำว่า "บาบา" ได้ในทุกความสัมพันธ์
และคำนั้นออกมาจากหัวใจของลูก “บาบา” ลูกก็จะได้สัมผัสกับความใกล้ชิด
อย่าเพียงแค่พูดซ้ำๆเหมือนเป็นมนตราว่า "บาบา บาบา" ผู้คนเหล่านั้นพูดว่า "ราม ราม"
ในขณะที่ลูกพูดว่า "บาบา บาบา" อย่างไรก็ตามให้สิ่งนี้ปรากฏออกมาจากหัวใจของลูก: "บาบา"
ก่อนที่ลูกจะทำสิ่งใด ให้ตรวจสอบก่อนเลยว่าคำแนะนำของบาบาสำหรับจิตใจ ร่างกาย
และเงินของลูกคืออะไร ไม่ว่าลูกกุมารจะมีเงินน้อยเพียงใด
ลูกได้ดูแลสิ่งนั้นตามคำแนะนำและแนวทางที่พ่อได้ให้กับลูกหรือไม่?
หรือลูกเพียงแค่ใช้มันเมื่อลูกต้องการ?
ลูกกุมารแต่ละคนได้รับคำแนะนำให้เก็บบัญชีเงินฝากของลูก:
ว่าจะใช้เงินของลูกอย่างไรและเมื่อใด
ว่าควรจะใช้จิตใจและร่างกายของลูกอย่างไรและเมื่อใด ลูกควรเก็บบัญชีทั้งหมดนี้ไว้
เมื่อดาดี้ให้คลาสเกี่ยวกับธรรมะสำหรับการสร้างเสริมคุณธรรมและความรู้
ดาดี้อธิบายกับลูกว่าลูกควรใช้เงินอย่างไร และลูกควรจะเก็บบัญชีใด
ลูกกุมารรู้วิธีเก็บรักษาบัญชีของลูกอย่างไรและจะใช้เงินของลูกอย่างไรหรือไม่?
ลูกรู้สิ่งนี้หรือไม่? มีลูกเพียงไม่กี่คนที่ยกมือ พวกเขาไม่เข้าใจในสิ่งนี้
มีลูกใหม่อยู่ที่นี่เช่นกัน
ลูกต้องบอกพวกเขาอย่างแน่นอนว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อที่พวกเขาจะได้ไร้กังวล
แล้วพวกเขาจะไม่รู้สึกว่าเป็นภาระใดๆ ลูกทุกคนต้องมีเป้าหมาย: กุมารหมายถึงเบาสบาย
ดับเบิ้ลไลท์ เป็นแสงและเบาสบาย เป้าหมายของลูกกุมารคือการกลายเป็นอันดับหนึ่ง
ลูกมีเป้าหมายนี้หรือไม่?
อย่างไรก็ตามพร้อมกับเป้าหมายนี้ลูกต้องมีคุณสมบัติที่จำเป็นด้วย
หากลูกมีเป้าหมายที่สูงมากแต่ไม่มีคุณสมบัติสำหรับสิ่งนั้น
ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะไปถึงเป้าหมายของลูก
ดังนั้นจงเก็บรักษาคำแนะนำของพ่อไว้ในสติปัญญาของลูกอยู่เสมอก่อนที่ลูกจะกระทำสิ่งใด
บัพดาดา
ได้บอกกับลูกก่อนหน้านี้แล้วว่าสมบัติที่มีค่าหลักที่สำคัญในชีวิตบราห์มินคือ
ความคิด เวลา และลมหายใจของลูก ลมหายใจของลูกเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง
อย่าให้แม้กระทั่งลมหายใจเดียวเป็นไปอย่างธรรมดาหรือสูญเปล่า
บนหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ผู้คนพูดว่า "ระลึกถึงเทพผู้เป็นที่รักเป็นพิเศษของท่านในทุกลมหายใจ"
อย่าปล่อยให้ลมหายใจของลูกสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
มีสมบัติที่มีค่าของความรู้และพลัง แต่ลูกใช้สมบัติหลักทั้งสามเหล่านี้ (เวลา
ความคิด และลมหายใจ) ไปในทางที่มีค่าและเป็นไปตามแนวทางที่ลูกได้รับหรือไม่?
ลูกไม่ได้สูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปใช่ไหม? หากลูกสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป
ลูกก็ไม่สามารถสะสมสิ่งใดได้
บัญชีออมทรัพย์ของลูกจะต้องมีการสร้างขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ในยุคบรรจบกัน
หากลูกต้องการที่จะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงส่งในยุคทองและยุคเงิน
หรือแม้กระทั่งถ้าลูกต้องการจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพของการมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาในยุคทองแดงและยุคเหล็ก
ลูกต้องสร้างบัญชีของลูกขึ้นมาสำหรับทั้งสองยุคในเวลานี้ ดังนั้นในมุมมองของสิ่งนี้
ลูกควรพิจารณาว่า เวลา ความคิด
และลมหายใจของลูกของชีวิตอันสั้นในยุคบรรจบพบกันนี้มีค่าเหลือล้นเพียงใด
อย่าได้ไม่ระมัดระวังเกี่ยวกับสิ่งนี้ อย่าใช้เวลาของลูกไปวันๆเช่นนั้น
เพราะนั่นจะไม่ใช่แค่วันที่ผ่านไป แต่จะเป็นวันที่ลูกจะต้องสูญเสียเป็นอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่ลูกมีความคิดที่ไม่จำเป็นใดๆหรือเมื่อใดก็ตามที่ลูกสูญเสียเวลาของลูกไป
อย่าเพียงแค่คิดว่ามันเป็นการสูญเสียเวลาไปแค่ห้านาที
แต่ลูกต้องประหยัดเวลาเหล่านั้นไว้ ตามเวลาในปัจจุบัน
ธรรมชาติทำงานของเธออย่างเร็วมาก
เธอแสดงให้เห็นอยู่เสมอว่าเธอเล่นบทบาทของเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เธอแสดงให้เห็นว่าเธอเล่นบทบาทของเธออย่างไรในที่ใดที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตามลูกบราห์มินผู้เป็นนายแห่งธรรมชาติ
มีเพียงการละเล่นเดียวของสภาพที่โบยบิน
ดังนั้นแม้ว่าธรรมชาติแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังเล่นบทบาทของเธออย่างไร
ลูกบราห์มินก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่าลูกเล่นบทบาทของสภาพที่โบยบินอย่างไรใช่ไหม?
ลูกคนหนึ่งเขียนจดหมายถึงบัพดาดา บอกบาบาเกี่ยวกับพายุไซโคลนที่เข้ามาในรัฐโอริสสา
ดังนั้นบัพดาดาจึงถามลูกว่า: ลูกได้เห็นธรรมชาติเล่นบทบาทของเธออย่างไร
ลูกเพียงแค่ดูธรรมชาติเล่นบทบาทของเธออย่างไรหรือลูกยุ่งอยู่กับการเล่นบทบาทของลูกในสภาพที่โบยบิน?
หรือลูกเพียงแต่คอยฟังข่าวต่อไป? ลูกจะต้องฟังข่าวทั้งหมด
แต่ลูกใส่ใจที่จะรักษาสภาพที่โบยบินของลูกได้เหมือนกับที่ลูกฟังข่าวหรือไม่?
ลูกบางคนเป็นโยคีที่แฝงตัวและพวกเขาได้รับความช่วยเหลือมากมายจากบัพดาดา
อย่างไรก็ตามยังมีลูกบางคนที่ไม่สั่นคลอนเช่นกัน และในฐานะผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง
พวกเขาช่วยรักษาบรรยากาศให้สงบในเวลานั้น
เช่นที่รัฐบาลและรัฐใกล้เคียงพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทางกายภาพ
ในทำนองเดียวกันลูกบราห์มินทั้งหลายได้ทำหน้าที่ของตนในการทำงานที่สูงส่งของพระเจ้าในการให้ความร่วมมือของความสงบและความสุขหรือไม่?
ผู้คนเหล่านั้นเริ่มประกาศทันทีว่ารัฐบาลนั้นๆทำสิ่งนี้ และคนนั้นคนนี้ทำสิ่งนั้น
ในทำนองเดียวกัน บัพดาดาถามว่า: ลูกบราห์มินได้ดำเนินหน้าที่ของลูกหรือไม่?
ลูกต้องอยู่อย่างตื่นตัวด้วยเช่นกัน
มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะให้ความช่วยเหลือทางกายภาพ
และบัพดาดาก็ไม่ได้บอกลูกว่าอย่าทำเช่นนั้น
แต่งานพิเศษของลูกดวงวิญญาณบราห์มินคือการให้ความร่วมมือในลักษณะที่ไม่มีใครสามารถทำได้
ดังนั้นลูกอยู่อย่างตื่นตัวและให้ความร่วมมือในลักษณะนี้หรือไม่?
ลูกต้องให้ความร่วมมือในลักษณะนี้ใช่ไหม?
หรือว่ามันเป็นเช่นนั้นที่พวกเขาต้องการเพียงแค่เสื้อผ้าและอาหาร?
ก่อนอื่นพวกเขาต้องการพลังและความสงบของจิตใจเพื่อที่จะเผชิญกับสถานการณ์
ดังนั้นพร้อมกับการค้ำจุนทางกายภาพแล้ว
พวกเขายังต้องการที่จะได้รับความร่วมมือที่ละเอียดอ่อนด้วยเช่นกันซึ่งเพียงบราห์มินเท่านั้นที่สามารถให้ได้
ไม่มีใครสามารถให้ความร่วมมือนี้ได้ สิ่งนั้นไม่มีอะไร
มันเป็นเพียงแค่การซักซ้อมเท่านั้น ของจริงยังมาไม่ถึง
พ่อและเวลากำลังทำให้ลูกซักซ้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ดังนั้นลูกรู้วิธีใช้พลังและสมบัติที่มีค่าที่ลูกมีในเวลาที่ถูกต้องหรือไม่?
ลูกกุมารจะทำอย่างไร?
ลูกได้สะสมพลังหรือไม่? ลูกได้สะสมความสงบหรือไม่? ลูกยกมือของลูกได้ดีมาก
เวลานี้แสดงสิ่งนี้ให้เห็นในทางปฏิบัติ ลูกต้องเห็นทุกสิ่ง ได้ยินทุกสิ่ง
และร่วมมือกันอย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง ในเวลาที่ของจริงกำลังเกิดขึ้น
ลูกต้องเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ไม่เกรงกลัวและละวาง และเล่นบทบาทของลูกด้วยเช่นกัน
บทบาทอะไร?
ลูกๆของผู้ประทานจะต้องเป็นผู้ประทานและให้ดวงวิญญาณในสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ดังนั้นลูกเป็นนายผู้ประทานใช่หรือไม่? สะสมสต็อกของลูก!
ลูกสามารถกลายเป็นผู้ประทานได้ตามสต็อกที่ลูกได้สะสมไว้เท่านั้น
หากลูกยังคงสะสมสิ่งของเพื่อตนเองต่อไปจนถึงเวลาสุดท้าย
ลูกจะไม่สามารถเป็นผู้ประทานได้
ลูกจะไม่สามารถที่จะได้มาซึ่งสถานภาพที่สูงส่งที่ลูกต้องได้รับเป็นเวลาหลายชาติเกิด
ดังนั้นเก็บสต็อกของหนึ่งสิ่งไว้กับตัวเอง
ให้คลังสมบัติที่มีค่าของความปรารถนาดีและความรู้สึกที่สูงส่งของลูกเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ
ประการที่สองลูกต้องสามารถให้พลังพิเศษแก่ทุกคนได้ตามที่พวกเขาต้องการ
ขณะนี้ตามเวลานำความคิดและเวลาของลูกไปสู่ความพยายาม
พร้อมกันนั้นจงกลายเป็นผู้ประทานและให้ความร่วมมือของลูกแก่โลก
ลูกแต่ละคนได้รับการบอกแล้วว่าลูกต้องใช้ความพยายามอะไรเพื่อตัวลูกเอง ในเวลาอมฤต
ให้คิดว่าตัวเองเป็นลูกที่เชื่อฟัง ลูกได้รับคำแนะนำสำหรับทุกสิ่งที่ลูกทำ
ลูกได้รับการบอกว่าจะตื่นขึ้นมาอย่างไร จะไปนอนอย่างไร จะกินอย่างไร
และจะเป็นคาร์มาโยคีอย่างไร ลูกได้รับคำแนะนำสำหรับการกระทำทุกอย่างที่ลูกทำ
การเชื่อฟังพ่อคือการกลับมาทัดเทียมกับพ่อ เพียงทำตามศรีมัท!
อย่าได้ทำตามการกำหนดของจิตใจของลูกเอง (มานมัท) หรือการกำหนดของผู้อื่น (พาร์มัท)
อย่าได้เพิ่มสิ่งใดในศรีมัท บางครั้งเมื่อลูกทำตามจิตใจของตนเองหรือของผู้อื่น
ลูกจะต้องลำบากตรากตรำ นั่นจะไม่ง่าย เพราะมานมัทและพาร์มัทจะไม่ปล่อยให้ลูกโบยบิน
ผู้ที่ทำตามมานมัทและพาร์มัทจะมีภาระ และภาระเหล่านั้นจะขัดขวางลูกจากการโบยบิน
ศรีมัททำให้ลูกดับเบิ้ลไลท์-เป็นแสงและเบาสบาย
การทำตามศรีมัทหมายถึงการกลับมาทัดเทียมกับพ่อได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีสถานการณ์ใดที่สามารถทำให้ใครก็ตามที่ทำตามศรีมัทตกลงมาได้
แล้วลูกรู้วิธีทำตามศรีมัทหรือไม่?
อัจชะ
แล้วลูกกุมารจะทำอย่างไร? ลูกได้รับการเชื้อเชิญเป็นพิเศษ
แล้วลูกได้รับการต้อนรับเช่นนั้นหรือไม่? ลูกเป็นที่รักอย่างสุดซึ้ง!
แล้วตอนนี้ลูกจะทำอะไร? ลูกจะให้การตอบสนอง
หรือเมื่อลูกกลับถึงบ้านลูกจะลืมทุกสิ่งหรือไม่?
ไม่ใช่ว่าตอนอยู่ที่นี่ลูกก็จำทุกสิ่งที่นี่และเมื่อลูกกลับบ้านลูกก็จำทุกสิ่งที่นั่นใช่ไหม?
มันไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหม? ลูกมีความสนุกสนานเพลิดเพลินกับตัวเองเป็นอย่างมากที่นี่
ลูกได้รับการปกป้องจากการจู่โจมของมายา
มีใครที่นี่ที่เคยสัมผัสกับมายาแม้กระทั่งในมธุบันบ้างไหม?
มีใครที่ต้องลำบากตรากตรำแม้กระทั่งอยู่ในมธุบันบ้างไหม? ลูกมีความปลอดภัย
เป็นสิ่งที่ดี บัพดาดามีความยินดี
เวลานั้นจะมาถึงเมื่อรัฐบาลจะดึงความสนใจไปที่กลุ่มเยาวชน
อย่างไรก็ตามสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อลูกกลายเป็นผู้ทำลายอุปสรรค
ใครที่เรียกว่าเป็นผู้ทำลายอุปสรรค? มันเป็นชื่อของลูกทุกคนใช่ไหม?
ต่อเมื่อไม่มีอุปสรรคใดกล้าที่จะมาต่อต้านขัดขวางลูกกุมารใดๆแล้วเท่านั้นที่ลูกสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้ทำลายอุปสรรค
อย่าให้อุปสรรคมาจู่โจมลูก ลูกต้องเอาชนะอุปสรรค
ลูกมีความกล้าที่จะเป็นผู้ทำลายอุปสรรคหรือไม่?
หรือมันเป็นเช่นนั้นที่เมื่อลูกกลับบ้าน ลูกจะเขียนจดหมายและพูดว่า "ดาดี้
ที่นั่นดีมาก แต่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!" ลูกจะไม่เขียนสิ่งนี้ใช่ไหม?
เขียนข่าวดีและบอกว่าลูกโอเคและดีมาก ที่ลูกเป็นผู้ทำลายอุปสรรค
เขียนเพียงแค่คำเดียวไม่ใช่ตัวอักษรที่ยาวหรือจดหมายที่ยาว เพียงแค่เขียนว่า "โอเค!"
อัจชะ
แม้แต่ความพิเศษของมธุบันก็ไปถึงบัพดาดา พวกเขาได้ส่งชาร์ทของพวกเขาแล้ว
สิ่งเหล่านี้ได้ไปถึงบัพดาดาแล้ว
บัพดาดาถือว่าลูกทุกคนเป็นลูกที่เชื่อฟังและเชื่อฟังคำแนะนำสั่งสอนของบาบา
ทันทีที่ลูกได้รับมอบหมายงานพิเศษให้ทำ
ลูกจะต้องทำสิ่งนั้นโดยการมีความพร้อมอยู่เสมอ
ดังนั้นบัพดาดาจึงขอแสดงความยินดีเป็นพิเศษกับลูก
ลูกแต่ละคนได้เขียนชาร์ทของลูกไว้อย่างชัดเจน (พูดกับดาดี้)
ลูกควรดูผลลัพธ์ของพวกเขาและให้คลาสด้วย พวกเขาเขียนเกี่ยวกับสภาพของพวกเขาได้ดีมาก
บัพดาดาขอแสดงความยินดีกับลูกทุกคนด้วย พระเจ้าพอใจกับหัวใจที่ซื่อสัตย์ อัจชะ
ถึงลูกทุกคนที่เชื่อฟังบัพดาดาในทุกหนแห่ง
ถึงลูกทุกคนที่เป็นผู้ทำลายอุปสรรคอยู่เสมอ
ถึงผู้ที่ทำตามศรีมัทอย่างง่ายดายและสม่ำเสมอ
ถึงผู้ที่เป็นอิสระจากการที่ต้องลำบากตรากตรำ
ถึงผู้ที่โบยบินอยู่เสมอและทำให้ผู้อื่นโบยบินอย่างมีความสุข
ถึงผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยสมบัติที่มีค่าทั้งหมด
ถึงลูกที่อยู่อย่างใกล้ชิดและทัดเทียมกับพ่อ รัก ระลึกถึง เป็นอย่างมาก และนมัสเต
ถึงกุมารที่ไม่รู้เหนื่อยโดยเฉพาะและพร้อมเสมอ ถึงผู้ที่โบยบินในสภาพที่โบยบิน
ด้วยความรักและความระลึกถึงเป็นพิเศษจากบัพดาดา
(บัพดาดาเดินไปรอบๆ
ไดมอนด์ฮอลล์เพื่อให้ดริชตีให้กับบราเธอร์และซิสเตอร์ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่น)
บัพดาดามีความรักมากมายต่อลูกแต่ละคน อย่าคิดว่าบัพดาดามีความรักต่อลูกน้อยลง
แม้ว่าลูกจะลืมบาบา บาบาก็จะหมุนลูกประคำของลูกทุกคนอยู่ตลอดเวลา
เพราะคุณสมบัติพิเศษของลูกทุกคนอยู่ตรงหน้าบัพดาดาตลอดเวลา
ไม่ใช่ว่าลูกคนใดคนหนึ่งไม่พิเศษ ลูกทุกคนมีคุณสมบัติพิเศษ
พ่อไม่เคยลืมลูกแม้แต่คนเดียว ดังนั้น
ลูกทุกคนควรก้าวไปข้างหน้าต่อไปโดยพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณพิเศษที่เป็นเครื่องมือสำหรับงานพิเศษ
อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกเป็นดอกกุหลาบทางจิตและอยู่ในสภาพทางจิตอยู่เสมอและมองผู้อื่นเป็นดวงวิญญาณ
กุหลาบทางจิตคือดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทางจิตวิญญาณอยู่เสมอ
ไม่ว่าผู้ที่มีกลิ่นหอมทางจิตวิญญาณจะมองดูที่ใด และไม่ว่าพวกเขาจะมองดูใครก็ตาม
พวกเขาจะมองเห็นแต่ดวงวิญญาณเท่านั้น ไม่ใช่ร่างกาย ดังนั้น
จงอยู่ในสภาพทางจิตอยู่เสมอและมองผู้อื่นเป็นดวงวิญญาณ
เช่นเดียวกับที่พ่อเป็นผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
ดังนั้นสวนของท่านก็สูงที่สุดเช่นกัน และลูกๆ ก็เป็นเครื่องประดับพิเศษ
นั่นคือดอกกุหลาบทางจิตของสวนนั้น
กลิ่นหอมทางจิตวิญญาณของลูกจะเป็นประโยชน์ต่อดวงวิญญาณมากมาย
คติพจน์:
หากลูกทำให้ใครบางคนพอใจโดยการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ระเบียบวินัยข้อใดข้อหนึ่ง
นั่นก็จะสะสมอยู่ในบัญชีแห่งความทุกข์ของลูก