01.08.24 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ลูกไม่สามารถกลับบ้านได้โดยที่ไม่กลับมาบริสุทธิ์
ดังนั้นจงชาร์จแบตเตอรี่ของดวงวิญญาณด้วยการจดจำระลึกถึงพ่อและกลับมาบริสุทธิ์อย่างเป็นธรรมชาติ
คำถาม:
พ่อสอนอะไรแก่ลูกก่อนที่จะพาลูกกลับบ้าน?
คำตอบ:
ลูกๆ ก่อนที่ลูกจะกลับบ้าน จงตายในขณะที่มีชีวิต!
นี่คือเหตุผลที่บาบาทำให้ลูกฝึกฝนที่จะอยู่เหนือสำนึกของร่างกายก่อนล่วงหน้า
นั่นคือท่านสอนลูกให้ตายในขณะที่มีชีวิต การขึ้นไปสู่เบื้องบนหมายถึงการตาย
เวลานี้ลูกได้รับความรู้ของการมาและการไป
ลูกดวงวิญญาณรู้ว่าลูกมาจากเบื้องบนเพื่อเล่นบทบาทของลูกด้วยร่างกายเหล่านั้น
ดั้งเดิมแล้วเราคือผู้อาศัยของสถานที่นั้นและเวลานี้เราต้องกลับไปที่นั่น
โอมชานติ
ไม่มีความยากลำบากในการพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ
ลูกต้องไม่สะอึกกับสิ่งนั้น สิ่งนี้เรียกว่าการจดจำระลึกถึงที่ง่ายดาย
ก่อนอื่นใดลูกต้องพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ
เป็นดวงวิญญาณที่นำร่างมาใช้และเล่นบทบาท ซันสการ์ทั้งหมดคงอยู่ในดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณเป็นอิสระ พ่อพูดว่า พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำฉัน,พ่อของลูก
เพียงในเวลานี้เท่านั้นที่ลูกได้รับความรู้นี้ ลูกจะไม่ได้รับความรู้นี้อีกครั้ง
โลกไม่รู้ว่าลูกกำลังนั่งอยู่ในความสงบ สิ่งนี้เรียกว่าความสงบที่เป็นธรรมชาติ
เราดวงวิญญาณได้มาจากเบื้องบนเพื่อเล่นบทบาทของเราทางร่างกาย
เราดวงวิญญาณคือผู้อาศัยของสถานที่นั้นแต่ดั้งเดิม ความรู้นี้อยู่ในสติปัญญาของลูก
ไม่มีเรื่องของหะฐะโยคะ ฯลฯ ในสิ่งนี้ สิ่งนี้ง่ายดายอย่างยิ่ง
เวลานี้เราดวงวิญญาณต้องกลับบ้าน
แต่เราไม่สามารถไปที่นั่นได้โดยที่ไม่กลับมาบริสุทธิ์
ในการที่จะกลับมาบริสุทธิ์ลูกต้องจดจำพ่อ ดวงวิญญาณสูงสุด
บาปของลูกจะถูกลบออกไปได้ด้วยการจดจำท่าน ไม่มีเรื่องของความยากลำบาก
เมื่อลูกออกไปเดินเล่นจงอยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่อ
เป็นเพียงในเวลานี้เท่านั้นที่ลูกสามารถกลับมาบริสุทธิ์ด้วยการจดจำระลึกถึง
ที่นั่นเป็นโลกที่บริสุทธิ์
ที่นั่นในโลกที่บริสุทธิ์นั้นไม่มีความจำเป็นสำหรับความรู้นี้เพราะที่นั่นไม่มีการทำกรรมที่เป็นบาปใดๆ
มันคือที่นี่ที่บาปจะต้องได้รับการปลดเปลื้องด้วยการจดจำระลึกถึง
ที่นั่นลูกทำทุกสิ่งอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่ลูกทำที่นี่
และแล้วลูกก็ลงมาทีละน้อยๆ ไม่ใช่ว่าลูกจะต้องมีการฝึกฝนนี้ที่นั่นเช่นกัน
เป็นเวลานี้ที่ลูกต้องมีการฝึกฝนนี้ แบตเตอรี่ต้องได้รับการชาร์จในเวลานี้
และแล้วกระแสไฟก็จะค่อยๆไหลออกมาจากแบตเตอรี่อย่างแน่นอน
เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในเวลานี้ที่ลูกได้รับความรู้ว่าจะชาร์จแบตเตอรี่อย่างไร
ใช้เวลานานเท่าไรที่ลูกจะกลับมาสโตประธานจากตโมประธาน
จากตอนเริ่มต้นแบตเตอรี่ก็ลดลงเรื่อยๆทีละน้อย
มีเพียงดวงวิญญาณเท่านั้นในโลกที่ไม่มีตัวตน ไม่มีร่างกายที่นั่น
ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องของแบตเตอรี่ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติหรือการชาร์จแบตเตอรี่จะลดลง
เป็นเพียงเมื่อรถยนต์วิ่งเท่านั้นที่แบตเตอรี่จะคายปะจุนั่นคือกระแสไฟจะค่อยๆไหลออกมาจากแบตเตอรี่
เมื่อรถยนต์จอดอยู่กับที่ แบตเตอรี่จะไม่ทำงาน
แบตเตอรี่จะเริ่มทำงานเมื่อรถยนต์เคลื่อนที่
ในรถยนต์แบตเตอรี่จะชาร์จอย่างต่อเนื่อง
แต่แบตเตอรี่ของลูกจะได้รับการชาร์จเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในเวลานี้
และเวลาเมื่อลูกเริ่มทำกรรมผ่านร่างกาย แบตเตอรี่จะลดลงเล็กน้อย
ก่อนอื่นให้อธิบายว่าท่านคือพ่อสูงสุดผู้ที่ดวงวิญญาณทั้งหมดจดจำ พวกเขาพูดว่า โอ้
พระเจ้า! ท่านคือพ่อและเราคือลูกๆ ที่นี่ได้มีการอธิบายแก่ลูกๆ
แล้วว่าลูกต้องชาร์จแบตเตอรี่อย่างไร
ลูกสามารถท่องทัวร์ไปทั่วและจดจำพ่อและลูกก็จะกลับมาสโตประธาน
หากลูกไม่เข้าใจสิ่งใดเลยลูกก็สามารถถามได้ นี่เป็นสิ่งที่ง่ายดายมาก
แบตเตอรี่ของเรากำลังลดลงทุกๆ 5000 ปี พ่อมาและชาร์จแบตเตอรี่ของทุกคน
ทุกคนจดจำพระเจ้าในเวลาของการทำลายล้าง ตัวอย่างเช่น เมื่อมีน้ำท่วม
ผู้เลื่อมใสศรัทธาทั้งหมดพยายามที่จะจดจำพระเจ้า
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเขาจะไม่สามารถมีการจดจำระลึกถึงพระเจ้าได้
จะมีเพียงเพื่อนฝูงญาติมิตร,ทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งเท่านั้นที่จะถูกจดจำ
แม้ว่าพวกเขาจะพูดว่า “โอ้ พระเจ้า” นั่นก็เป็นเพียงแค่ต้องการจะพูดเท่านั้น
พระเจ้าคือพ่อและเราเป็นลูกของท่าน พวกเขาไม่รู้สิ่งนี้เลย
พวกเขาได้รับความรู้ที่ไม่ถูกต้องของการอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน
พ่อมาและให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ลูก
แผนกของความเลื่อมใสศรัทธานั้นแยกจากกันโดยสิ้นเชิง
พวกเขาต้องสะดุดล้มไปทั่วในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
กลางคืนของบราห์มาคือกลางคืนของบราห์มิน กลางวันของบราห์มาคือกลางวันของบราห์มิน
จะไม่มีคำกล่าวว่า กลางวันของศูทรและกลางคืนของศูทร
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายความลับเหล่านี้ นี่คือกลางคืนและกลางวันที่ไม่มีขีดจำกัด
เวลานี้กลางคืนกำลังจะจบลงและลูกกำลังจะเข้าไปสู่กลางวัน
คำพูดเหล่านี้ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์
พวกเขาพูดถึงกลางวันของบราห์มาและกลางคืนของบราห์มา แต่พวกเขาไม่รู้สิ่งใดเลย
เวลานี้สติปัญญาของลูกได้เข้าไปสู่ความไม่มีขีดจำกัดแล้ว
ในความเป็นจริงลูกสามารถพูดถึงเหล่าเทพว่า กลางวันของวิษณุและกลางคืนของวิษณุ
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างบราห์มาและวิษณุได้มีการอธิบายแก่ลูกแล้ว
ไม่มีใครอื่นสามารถเข้าใจว่าหน้าที่การงานของตรีมูรติคืออะไร
พวกเขานำพระเจ้าไปไว้ในปลาและจระเข้และเข้าไปสู่วงจรของการเกิดและการตาย
ราเด้และกฤษณะ ฯลฯ ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน แต่พวกเขามีคุณธรรมที่สูงส่ง
เวลานี้ลูกต้องกลับมาเป็นเช่นเดียวกับพวกเขา
แล้วลูกจะกลายเป็นเทพในชาติเกิดต่อไปของลูก มีบัญชีของ 84 ชาติเกิด
แต่เวลาสิ่งนั้นนี้ได้จบลงไปแล้ว เวลานี้มันจะซ้ำรอย
เวลานี้ลูกกำลังจะได้รับคำสอนเหล่านี้ พ่อพูดว่า
ลูกๆที่สุดแสนหวานมีศรัทธาว่าลูกคือดวงวิญญาณ พวกเขาพูดว่าพวกเขาเป็นนักแสดง
แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าดวงวิญญาณลงมาจากเบื้องบนอย่างไร
พวกเขาพิจารณาว่าตนเองคือผู้มีร่างกาย เราดวงวิญญาณลงมาจากเบื้องบน
แต่เมื่อไรเราจะกลับไปอีกครั้ง? การไปอยู่เบื้องบนหมายถึงการตาย, การละร่างของลูก
ใครต้องการตายหรือ? พ่อได้กล่าวว่า เพียงแค่ลืมร่างของลูกเรื่อยๆ
ท่านสอนลูกถึงวิธีที่จะตายในขณะที่มีชีวิต ไม่มีใครอื่นสามารถสอนสิ่งนี้แก่ลูกได้
ลูกได้มาที่นี่เพื่อไปบ้านของลูก
เป็นเพียงในเวลานี้เท่านั้นที่ลูกได้รับความรู้ถึงวิธีที่จะกลับบ้าน
นี่คือชาติเกิดสุดท้ายของลูกในดินแดนของความตาย
ยุคทองเรียกว่าดินแดนของความเป็นอมตะ
เวลานี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่าลูกต้องกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
ก่อนอื่นใดลูกต้องไปยังบ้านของลูกดินแดนแห่งการหลุดพ้น
ที่นี่ที่ลูกต้องละเครื่องแต่งกายของร่างกายและดวงวิญญาณจะกลับบ้าน
เมื่อละครที่มีขีดจำกัดจบลงนักแสดงก็ถอดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเขาออกแล้วทิ้งไว้ที่นั่นและสวมใส่เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ที่บ้านและกลับบ้าน
ในทำนองเดียวกันเวลานี้ลูกก็ต้องถอดเครื่องแต่งกายเหล่านั้นและกลับบ้าน
มีเทพน้อยมากในยุคทอง ที่นี่มีมนุษย์นับไม่ถ้วน
ที่นั่นจะมีเพียงศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปเดียวเท่านั้น
เวลานี้พวกเขาเรียกตัวเองว่าฮินดู
พวกเขาได้ลืมศาสนาและการกระทำที่สูงส่งและเหตุนี้เองพวกเขาจึงไม่มีความสุข
ในยุคทองศาสนาและการกระทำของลูกสูงส่ง
เวลานี้ในยุคเหล็กศาสนาของลูกได้กลับมาเสื่อมลง
สิ่งนั้นได้เข้าไปในสติปัญญาของลูกหรือไม่ว่าลูกได้ตกต่ำลงมาอย่างไร?
เวลานี้ลูกได้ให้คำแนะนำของพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด
พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดมาและสร้างโลกใหม่นั่นก็คือสวรรค์ พ่อพูดว่า มานมานะบาฟ!
คำพูดเหล่านี้มาจากกีตะ ได้มีการให้ชื่อของความรู้ของราชาโยคะที่ง่ายดายว่ากีตะ
นี่คือโรงเรียนของลูก เมื่อลูกมาศึกษาที่นี่ พวกเขาก็พูดว่า
นี่เป็นโรงเรียนของบาบาของเรา ตัวอย่างเช่น ลูกของครูใหญ่ก็จะพูดว่า
ฉันกำลังศึกษาในวิทยาลัยของพ่อของฉัน หากแม่ของเขาเป็นครูใหญ่เช่นกัน เขาก็จะพูดว่า
“ทั้งแม่และพ่อของฉันเป็นครูใหญ่” เขาทั้งสองกำลังสอน
นี่เป็นวิทยาลัยของพ่อและแม่ของฉัน ลูกจะพูดว่า
นี่คือโรงเรียนของมาม่าและบาบาของเรา ท่านทั้งสองกำลังสอน
ทั้งสองได้เปิดวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยทางจิตนี้ ทั้งสองกำลังสอนในเวลาเดียวกัน
บราห์มาได้นำลูกมาเลี้ยงดู นี่คือประเด็นของความรู้ที่ลึกล้ำมาก
พ่อไม่ได้อธิบายสิ่งใดใหม่แก่ลูก ท่านได้ให้คำอธิบายนี้แก่ลูกในวงจรที่แล้วเช่นกัน
ใช่ มีความรู้มากมายและความรู้นั้นก็ยิ่งลึกล้ำขึ้นในแต่ละวัน
ดูซิว่าลูกได้รับคำอธิบายของดวงวิญญาณอย่างไร ดวงวิญญาณที่สุดแสนเล็กมีบทบาทของ 84
ชาติเกิดบันทึกไว้ในเขา ดวงวิญญาณไม่เคยถูกทำลาย
ดวงวิญญาณไม่สูญสลายและดังนั้นบทบาทที่อยู่ในเขาก็ไม่สูญสลายเช่นกัน
ดวงวิญญาณได้ยินผ่านหู เมื่อมีร่างกายก็จะมีมีบทบาท
เมื่อดวงวิญญาณแยกออกจากร่างกายของเขา ลูกก็ไม่สามารถตอบสนองได้ เวลานี้พ่อพูดว่า
ลูกๆ เวลานี้ลูกต้องกลับบ้าน เมื่อยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุดนี้มาถึง
ลูกต้องกลับบ้าน ความบริสุทธิ์คือสิ่งหลักที่จำเป็น
เพียงดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่อาศัยในดินแดนแห่งความสงบ
ดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุขทั้งสองคือดินแดนแห่งความบริสุทธิ์
ไม่มีร่างกายใดๆ ที่นั่น ดวงวิญญาณนั้นบริสุทธิ์
ไม่มีแบตเตอรี่ของใครที่จะหมดไปหรือลดลงที่นั่น เมื่อลูกนำร่างกายมาใช้ที่นี่,เครื่องยนต์ก็เริ่มทำงาน
เมื่อเครื่องยนต์หยุดนิ่ง น้ำมันก็ไม่ลดลง
ในขณะนี้แสงของลูกดวงวิญญาณได้กลับมามืดมัวสลัวอย่างมาก แสงไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อมีใครตายผู้คนก็จุดตะเกียงดินเผา
และเขาจะดูแลตะเกียงด้วยความระมัดระวังมากเพื่อไม่ให้ตะเกียงนั้นดับลง
แสงของดวงวิญญาณไม่เคยดับลงอย่างสมบูรณ์ แสงนั้นไม่สูญสลาย
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
บาบารู้ว่าลูกเป็นลูกที่อ่อนหวานอย่างมากและลูกถูกเผาไหม้ด้วยการนั่งอยู่บนกองไฟของตัณหาราคะ
พ่อกำลังปลุกลูกให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ลูกได้กลายเป็นซากศพที่ตโมประธานอย่างสมบูรณ์
ลูกไม่ได้รู้จักพ่อเลย มนุษย์ไม่มีประโยชน์ใดๆเลย
ขี้เถ้าของมนุษย์ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ไม่ใช่ว่าขี้เถ้าของบุคคลสำคัญจะมีประโยชน์ขณะที่ขี้เถ้าของผู้ที่ยากจนไม่มีประโยชน์
ทุกสิ่งปะปนกัน: ขี้เถ้าปนกับขี้เถ้าและฝุ่นปนกับฝุ่นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
บางคนมีพิธีเผาศพในขณะที่คนอื่นทำพิธีฝังศพ
ชาวพาสีเก็บซากศพไว้บนหอคอยเหนือบ่อน้ำแล้วนกก็มากินเนื้อหนัง
และแล้วกระดูกก็ตกลงไปในบ่อ อย่างน้อยสิ่งนั้นก็เป็นประโยชน์
ผู้คนมากมายในโลกนี้ตาย เวลานี้ลูกต้องละร่างของลูกโดยอัตโนมัติ
ลูกมาที่นี่เพื่อละร่างของลูกและกลับบ้าน นั่นคือลูกมาที่นี่เพื่อที่จะตาย
ลูกไปด้วยความสุขเพราะลูกกำลังจะไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้นในชีวิต
ไม่ว่าลูกแต่ละคนจะเล่นบทบาทอะไร ลูกก็จะเล่นบทบาทเดียวกันจนเวลาสุดท้าย
พ่อจะเฝ้าแต่ดลใจให้ลูกทำความเพียรพยายามต่อไปและจะเฝ้าดูอย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง
นี่เป็นเรื่องของความเข้าใจ ไม่มีเรื่องของการอยู่อย่างหวาดกลัวในสิ่งนี้
เรากำลังทำเพียรพยายามที่จะละร่างเพื่อจะไปสวรรค์
ลูกเพียงแค่ต้องเฝ้าแต่จดจำพ่อแล้วความคิดสุดท้ายของลูกจะนำลูกไปสู่จุดหมายปลายทาง
สิ่งนี้ต้องใช้ความเพียรพยายาม ความเพียรพยายามเป็นสิ่งที่จำเป็นในทุกการศึกษา
พระเจ้าต้องมาเพื่อสอนลูก ดังนั้นการศึกษาต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่างแน่นอน
คุณธรรมที่สูงส่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่นี่ ลูกต้องกลายเป็นลักษมีและนารายณ์
พวกเขามีชีวิตอยู่ในยุคทอง ลูกมาที่นี่เพื่อที่จะกลายเป็นเทพในยุคทองอีกครั้ง
เป้าหมายและวัตถุประสงค์นั้นง่ายมาก! ตรีมูรติก็ชัดเจนเช่นกัน
ลูกจะสามารถอธิบายได้อย่างไรหากลูกไม่มีภาพของบราห์มา,วิษณุและชางก้า
บราห์มากลายเป็นวิษณุและวิษณุกลายเป็นบราห์มา พวกเขาได้แสดง 8 แขนของบราห์มาและ 100
แขนของบราห์มาเพราะบราห์มามีลูกมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงได้ทำภาพเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าจะมีมนุษย์ที่มีแขนมากมายเช่นนั้น ราวันมี 10
หัวก็เป็นสัญลักษณ์เช่นกัน ไม่มีมนุษย์คนไหนเป็นเช่นนั้น
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายสิ่งนี้ ผู้คนไม่รู้สิ่งใด นี่คือการละเล่นเช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนี้เริ่มขึ้นเมื่อไหร่
พวกเขาพูดว่าสิ่งนั้นคงอยู่มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ โอ! แล้วนั่นเมื่อไหร่?
พ่อสอนลูกๆที่สุดแสนหวาน ท่านคือครูและเป็นกูรูเช่นกัน
ดังนั้นลูกๆควรจะมีความสุขอย่างมาก พิพิธภัณฑ์เหล่านี้ ฯลฯ
เปิดขึ้นตามคำแนะนำของใคร? ที่นี่มีเพียงพ่อแม่และลูกๆ มีลูกๆมากมาย
ศูนย์ยังคงเปิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำ ผู้คนพูดว่า: ลูกพูดว่า
พระเจ้าพูดผ่านพาหนะ ดังนั้นจงให้นิมิตแก่เรา! โอ!
แต่ลูกเคยมีนิมิตของดวงวิญญาณหรือไม่?
ลูกจะสามารถมีนิมิตของจุดที่สุดแสนเล็กนั้นได้อย่างไร?
ไม่มีความจำเป็นสำหรับสิ่งนั้น เป็นเพียงเรื่องของการรู้จักดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณอาศัยอยู่ที่กึ่งกลางหน้าผากและร่างกายที่แสนจะใหญ่โตทำงานบนพื้นฐานนั้น
เวลานี้ลูกไม่มีทั้งมงกุฎแห่งแสงและมงกุฎที่ประดับด้วยเพชรพลอย
ลูกกำลังทำความเพียรพยายามเพื่อจะประกาศสิทธิ์ในมงกุฎทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง
ลูกประกาศสิทธิ์ในมรดกของลูกจากพ่อทุกๆวงจร บาบาถามลูกว่า เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?
ลูกพูดว่า ใช่ บาบา เราได้พบกันทุกๆวงจร เพราะเหตุใด?
เพื่อที่จะกลายเป็นลักษมีและนารายณ์ ทุกคนก็จะพูดสิ่งเดียวกัน พ่อพูดว่า อัจชะ
เมื่อลูกกำลังพูดถึงสิ่งที่เป็นสิริมงคล เวลานี้จงทำความเพียรพยายาม!
ไม่ใช่ทุกคนจะกลายเป็นนารายณ์จากมนุษย์ธรรมดา ปวงประชาก็เป็นที่ต้องการเช่นกัน
มีเรื่องราวของนารายณ์ที่แท้จริง ผู้คนถ่ายทอดเรื่องราวนั้น
แต่ไม่มีสิ่งใดเข้าไปสู่สติปัญญาของเขา ลูกๆเข้าใจว่านั่นคือดินแดนแห่งความสงบ,
โลกที่ไม่มีตัวตน จากที่นั่นลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งความสุข
มีเพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่นำลูกไปสู่ดินแดนแห่งความสุข
อธิบายแก่ใครก็ตามและบอกเขาว่า เวลานี้เรากำลังจะกลับบ้าน
เพียงพ่อผู้ปราศจากร่างเท่านั้นที่จะพาดวงวิญญาณทั้งหมดกลับบ้าน
เวลานี้พ่อได้มาแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้จักท่าน พ่อพูดว่า
พวกเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งผู้ที่พ่อได้เข้ามาในร่างกายของเขา มีพาหนะเช่นกัน
ทุกดวงวิญญาณเข้ามาในพาหนะ ดวงวิญญาณของทุกคนอาศัยอยู่ตรงกลางหน้าผากของเขาหรือเธอ
พ่อมาและนั่งอยู่ตรงกึ่งกลางหน้าผากนี้ ท่านอธิบายอย่างง่ายดาย
เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์
ลูกทุกคนของพ่อนั้นเหมือนกันและแต่ละคนมีบทบาทของเขาเอง
ไม่มีใครสามารถแทรกแซงในสิ่งนี้ได้ อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
ขจัดความผูกพันยึดมั่นของลูกออกจากเครื่องแต่งกาย ร่างกายนั้น
และตายในขณะที่มีชีวิต! นั่นคือลูกต้องชำระสะสางบัญชีกรรมในอดีตทั้งหมดของลูก!
2.
เพื่อที่จะกลับมามีมงกุฎสองชั้น,
จงเพียรพยายามที่จะศึกษาเล่าเรียนและสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่ง
ทำความเพียรพยายามตามเป้าหมายของลูกและคำพูดที่เป็นสิริมงคล
พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณที่สามารถใช้ความรู้ได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่ยกระดับผู้ที่ประณามลูกและผู้ที่จบสิ้นความคิดใดๆที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย
แม้ว่าบางคนประณามลูกหรือเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกเสียหายหรือดูถูกลูกทุกวัน
อย่าได้มีความรู้สึกไม่ชอบใดๆต่อผู้นั้นในจิตใจของลูก
การยกระดับผู้ที่ประณามลูกคืองานของดวงวิญญาณที่สามารถใช้ความรู้ได้เป็นอย่างดี
ลูกๆประณามพ่อเป็นเวลา 63 ชาติเกิด
และพ่อก็ยังมองดูลูกด้วยสายตาของการให้คุณประโยชน์ ดังนั้นทำตามพ่อ
ความหมายของดวงวิญญาณที่สามารถใช้ความรู้ได้เป็นอย่างดีคือการมีความรู้สึกของการให้คุณประโยชน์ต่อทุกคน
อย่าได้มีความคิดแม้แต่น้อยที่จะเป็นสาเหตุใดให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายใดๆ
คติพจน์:
ทำให้ตนเองมั่นคงในสภาพของ “มานมานะบาฟ” และลูกจะรู้สึกถึงเจตนาในจิตใจของผู้อื่น