02.03.25    Avyakt Bapdada     Thai Murli     15.10.2004     Om Shanti     Madhuban


เพื่อที่จะเปิดเผยผู้เป็นหนึ่งเดียว จงทำให้สภาพของลูกมั่นคงและสม่ำเสมอ
คงอยู่ในความเคารพตนเองและให้ความเคารพต่อทุกคน


วันนี้ บัพดาดา ได้เห็นดวงดาวแห่งโชคสามดวงที่เปล่งประกายบนหน้าผากของลูกแต่ละคน ดวงแรกคือโชคของการหล่อเลี้ยงพระเจ้า ดวงที่สองคือโชคของการศึกษาของพระเจ้า และดวงที่สามคือโชคของพรของพระเจ้า ในลักษณะนี้ ท่านกำลังเห็นดวงดาวทั้งสามที่อยู่ตรงกลางหน้าผากของแต่ละคน ลูกเห็นดวงดาวแห่งโชคที่เปล่งประกายของลูกเช่นกันหรือไม่? ลูกเห็นไหม? ลูกจะไม่สามารถเห็นดวงดาวแห่งโชคอันสูงส่งเช่นนี้ส่องประกายบนหน้าผากของใครก็ตามในโลกนี้ ดวงดาวแห่งโชคเหล่านี้เปล่งประกายบนหน้าผากของลูกทุกคน อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี ก็มีประกายที่แตกต่างกัน ประกายของบางคนทรงพลังมาก ในขณะที่ประกายของคนอื่นก็ปานกลางหรือธรรมดา ผู้ประทานโชคได้ให้โชคแก่ลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ท่านไม่ได้ให้สิ่งใดพิเศษแก่ใครเลย การหล่อเลี้ยงก็เหมือนกัน ลูกทุกคนศึกษาเล่าเรียนด้วยกันและลูกทุกคนก็ได้รับพรเดียวกัน ในทุกมุมของโลกมีการศึกษาเหมือนกันในทุกหนแห่ง เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่มุรลีเดียวกันของวันเดียวกัน และเวลาในเวลาอมฤตตามประเทศของแต่ละคนก็เหมือนกันเช่นกัน พรที่ลูกได้รับก็เหมือนกัน คติพจน์ก็เหมือนกัน มีความแตกต่างหรือไม่? มีความแตกต่างกันในสิ่งนี้ระหว่างอเมริกากับลอนดอนหรือไม่? ไม่มี แล้วทำไมถึงมีความแตกต่างกัน?

บัพดาดาให้การหล่อเลี้ยงเดียวกันแก่ทุกคนในเวลาอมฤต ทุกคนได้รับวิธีเดียวกันในการมีการจดจำระลึกถึงที่สม่ำเสมอ แล้วทำไมถึงตามลำดับกันไป? ถ้าวิธีการเหมือนกัน ทำไมจึงมีความแตกต่างกันในการบรรลุความสำเร็จ? บัพดาดามีความรักที่เท่าเทียมกันต่อลูกทุกคนในทุกหนแห่ง แม้ว่าบางคนจะอยู่ในอันดับสุดท้ายตามความพยายามของเขา บัพดาดาก็ยังคงมีความรักเหมือนกันแม้กระทั่งคนสุดท้าย อันที่จริง พร้อมกับความรักแล้ว ท่านยังมีความเมตตาต่ออันดับสุดท้ายด้วยว่าคนที่อยู่สุดท้ายนี้ควรไปเร็วและมาเป็นคนแรก ลูกทุกคนที่เดินทางมาจากที่ไกลแสนไกลมาถึงที่นี่ได้อย่างไร? ความรักของพระเจ้าได้ดึงลูกมาที่นี่ใช่หรือไม่? ลูกมาที่นี่โดยถูกดึงด้วยสายใยแห่งความรักนี้ ดังนั้น บัพดาดาจึงมีความรักต่อทุกคน ลูกเชื่อในสิ่งนี้ไหม? หรือลูกมีคำถามว่าบาบารักลูกหรือไม่ หรือว่าท่านมีความรักน้อยกว่า? ความรักของบัพดาดาที่มีต่อลูกทุกคนนั้นมากกว่าลูกคนต่อไป และความรักจากพระเจ้านี้คือพื้นฐานของการหล่อเลี้ยงพิเศษของลูกๆ ลูกแต่ละคนคิดอย่างไร? คิดว่าความรักของลูกที่มีต่อพ่อนั้นมากกว่า หรือว่าความรักของคนอื่นนั้นมากกว่าและความรักของลูกนั้นน้อยกว่าไหม? ลูกคิดในลักษณะนี้หรือไม่? ลูกเชื่อว่าความรักของลูกที่มีต่อบาบานั้นมากกว่าใช่หรือไม่? มันเป็นเช่นนี้ใช่ไหม? พันดาวาส ลูกแต่ละคนจะพูดว่า "บาบาของฉัน!" ลูกจะไม่พูดว่าท่านเป็นบาบาของผู้ดูแลศูนย์ ท่านเป็นบาบาของดาดี้หรือบาบาของดาดี้จางกี ลูกจะพูดเช่นนี้ไหม? ไม่เลย! ลูกจะพูดว่า "บาบาของฉัน!" เมื่อลูกพูดว่า "ของฉัน" และพ่อก็พูดว่า "ของฉัน" ด้วยเช่นกัน แล้วด้วยคำเพียงคำเดียวนี้ "ของฉัน" ลูกๆก็เป็นของพ่อและพ่อก็เป็นของลูกๆ สิ่งนี้ต้องใช้ความพยายามใดๆหรือไม่? ต้องใช้ความพยายามใดๆหรือไม่? บางทีอาจจะใช้เล็กน้อยไหม? ไม่เลย? บางครั้งลูกเห็นว่ามันต้องใช้ความพยายามไหม? ลูกเห็นว่ามันไม่ต้องใช้ความพยายามใช่ไหม? ลูกเห็นว่ามันต้องใช้ แล้วลูกจะทำอย่างไรเมื่อลูกเห็นว่ามันต้องใช้ความพยายาม? ลูกเหนื่อยไหม? พูดจากหัวใจของลูกด้วยความรักว่า "บาบาของฉัน" และความพยายามจะเปลี่ยนเป็นความรัก ทันทีที่ลูกพูดว่า "บาบาของฉัน" เสียงนั้นจะไปถึงบาบา และพ่อจะให้ความช่วยเหลือพิเศษ อย่างไรก็ตาม มันเป็นข้อตกลงของหัวใจ มันไม่ใช่ข้อตกลงของคำพูด มันเป็นข้อตกลงที่ทำด้วยหัวใจ ดังนั้น ลูกฉลาดในการทำข้อตกลงกับหัวใจของลูกใช่ไหม? ลูกรู้วิธีในการทำข้อตกลงหรือไม่? ผู้ที่นั่งด้านหลังรู้วิธีในการทำข้อตกลงหรือไม่? ด้วยเหตุนี้ลูกจึงมาถึงที่นี่ อย่างไรก็ตาม ใครอาศัยอยู่ไกลที่สุด? (ผู้ที่มาจาก) อเมริกา? ผู้ที่มาจากอเมริกาอยู่ไกลที่สุดหรือพ่ออยู่ไกลที่สุด? อเมริกาอยู่ในโลกนี้ พ่อมาจากอีกโลกหนึ่ง ดังนั้นใครคือผู้ที่อยู่ไกลที่สุด? ไม่ใช่ผู้ที่มาจากอเมริกา บัพดาดาคือผู้ที่อยู่ห่างไกลที่สุด รูปหนึ่งมาจากอาณาเขตที่ละเอียดอ่อนและอีกรูปหนึ่งมาจากที่อยู่สูงสุด แล้วอเมริกาเมื่อเทียบกับสิ่งนั้นแล้วเป็นอย่างไร? ไม่มีอะไรเลย!

ดังนั้นวันนี้พ่อผู้อาศัยอยู่ในดินแดนอันไกลโพ้นได้มาพบลูกๆที่อาศัยอยู่ห่างไกลในโลกที่มีตัวตนนี้ ลูกมีความซาบซึ้งว่าวันนี้บัพดาดาได้มาหาลูกหรือไม่? ชาวบารัตเป็นของพ่ออยู่แล้ว แต่บัพดาดามีความพอใจเป็นพิเศษที่ได้เห็นดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ ทำไมท่านจึงพอใจ? บัพดาดาตระหนักว่าเป็นเพราะพ่อมาในบารัต ชาวบารัตจึงมีความซาบซึ้งเป็นพิเศษนี้ อย่างไรก็ตาม บาบามีความรักต่อดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะมาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาก็ได้เปลี่ยนไปเป็นวัฒนธรรมบราห์มินแล้ว ลูกได้รับการเปลี่ยนแปลงแล้วใช่หรือไม่? ลูกไม่ได้มีความคิดอีกต่อไปแล้วใช่ไหมว่านี่คือวัฒนธรรมของบารัต และวัฒนธรรมของลูกแตกต่างออกไป? ไม่เลย ผลลัพธ์ที่บัพดาดาเห็นนั้นก็คือทุกคนกลายเป็นผู้ที่มีวัฒนธรรมเดียวกัน ไม่ว่าลูกจะมาจากที่ใด ประเทศต่างๆนั้นก็แตกต่างกันในแง่ของร่างกายของลูก แต่ดวงวิญญาณเป็นของวัฒนธรรมบราห์มิน ลูกรู้หรือไม่ว่ามีสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ที่บัพดาดาชอบมาก? ลูกรู้ไหมว่าสิ่งนั้นคืออะไร? (พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในงานรับใช้อย่างรวดเร็ว) พูดอีกอย่างหนึ่ง (พวกเขามีงานทำและยังทำงานรับใช้ด้วย) พวกเขาทำสิ่งนี้ในอินเดียเช่นกัน ในอินเดียเช่นกัน พวกเขามีงานทำและทำงานรับใช้ (ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะพูดถึงความอ่อนแอของพวกเขาอย่างซื่อสัตย์ พวกเขาซื่อสัตย์มาก) อัจชะ คนอินเดียไม่ซื่อสัตย์อย่างนั้นหรือ?

บัพดาดาได้เห็นว่าถึงแม้ว่าลูกจะอยู่ห่างไกล แต่เพราะความรักที่มีต่อพ่อ ลูกส่วนใหญ่จึงสอบผ่านในวิชาของความรัก บารัตมีโชคนั้นอยู่แล้ว แต่ในขณะที่อยู่ห่างไกล ทุกคนสอบผ่านในความรัก หากบัพดาดาถามลูกว่าความรักของลูกมีเปอร์เซ็นต์หรือไม่? มีเปอร์เซ็นต์ในวิชาของความรักที่มีต่อพ่อหรือไม่? ผู้ที่เชื่อว่าตนเองมีความรัก 100 เปอร์เซ็นต์ ยกมือขึ้น มี 100 เปอร์เซ็นต์ไหม? ชาวบารัตไม่ได้ยกมือขึ้น! ดูสิ บารัตได้รับโชคนี้ โชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับคือพ่อมาในบารัต พ่อไม่ได้เลือกอเมริกาสำหรับสิ่งนี้ ท่านเลือกบารัต คนนี้ (ไกตรีเบน จากนิวยอร์ก) นั่งอยู่ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ห่างไกล ลูกก็มีความรักที่ลึกล้ำ ปัญหาเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อลูกพูดว่า "บาบา บาบา" ลูกก็จบสิ้นปัญหาเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม บัพดาดาได้ให้คะแนนลูกสอบผ่านในวิชาของความรัก แล้วลูกต้องสอบผ่านอะไรอีกในตอนนี้? ลูกต้องสอบผ่าน! ลูกผ่านแล้วและลูกต้องสอบผ่าน ตามเวลาในปัจจุบัน บัพดาดาต้องการให้เปอร์เซ็นต์ของพลังในการเปลี่ยนแปลงตนเองของลูกแต่ละคนมากเท่ากับตอนที่ลูกยกมือขึ้นสำหรับพลังแห่งความรัก ลูกทุกคนยกมือขึ้นสำหรับสิ่งนั้นใช่ไหม? ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงตนเองของลูกเร็วเท่ากันหรือไม่? ลูกจะยกมือขึ้นอย่างเต็มที่หรือยกเพียงครึ่งเดียวสำหรับสิ่งนี้? ลูกจะยกมือขึ้นมากแค่ไหน? ลูกนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องใช้เวลา ตามเวลาที่ใกล้เข้ามา พลังของการเปลี่ยนแปลงตนเองควรจะเร็วมากถึงขนาดนั้น ต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการใส่จุดฟูลสต๊อปบนกระดาษหนึ่งแผ่น? ใช้เวลานานเท่าไหร่? ใช้เวลานานแค่ไหนในการใส่จุดฟูลสต๊อป? ไม่ถึงแม้กระทั่งหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ ถูกต้องไหม? แล้วลูกมีความเร็วถึงขนาดนั้นไหม? ควรขอให้ลูกยกมือขึ้นไหม? ลูกจะยกมือขึ้นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ความเร็วของเวลานั้นเร็วมาก พลังของการเปลี่ยนแปลงตนเองจะต้องเร็วเช่นกัน และเมื่อลูกพูดถึงการเปลี่ยนแปลง ให้จำคำว่า "ตนเอง" ก่อนคำว่า "การเปลี่ยนแปลง" เสมอ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเอง บัพดาดาจำได้ว่าลูกๆ ได้สัญญากับท่านว่าภายในหนึ่งปี พวกเขาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโลกโดยการเปลี่ยนแปลงของซันสการ์ของพวกเขา ลูกจำได้ไหม? ลูกเฉลิมฉลองปีนั้นใช่ไหม? การเปลี่ยนแปลงโลกด้วยการเปลี่ยนแปลงซันสการ์ ความเร็วของโลกกำลังก้าวไปสู่จุดสุดขีด แต่ความเร็วของการเปลี่ยนแปลงซันสการ์ของลูกนั้นเร็วเท่ากันหรือไม่? ความพิเศษของดินแดนต่างประเทศโดยทั่วไปคือทุกสิ่งที่นั่นรวดเร็ว พวกเขาทำทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว ดังนั้นพ่อจึงถามว่า: ลูกรวดเร็วไหมเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงซันสการ์ของลูก? เวลานี้ บัพดาดาต้องการเห็นความเร็วในการเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างรวดเร็ว ลูกทุกคนถามใช่ไหมว่า "บัพดาดาต้องการอะไร"? ลูกต่างพูดคุยกันเองและถามกันและกันว่า บัพดาดาต้องการอะไร? บัพดาดาต้องการให้ลูกสามารถใส่จุดฟูลสต๊อปได้ภายในหนึ่งวินาที เช่นเดียวกับที่ลูกใส่จุดฟูลสต๊อปลงบนกระดาษ ดังนั้นสิ่งนี้ควรจะเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ เมื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ให้ใส่จุดฟูลสต๊อปกับสิ่งใดก็ตามที่ไม่ถูกต้อง ลูกรู้วิธีใส่จุดฟูลสต๊อปหรือไม่? ลูกรู้ใช่ไหม? อย่างไรก็ตามบางครั้งก็กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม ลูกใส่จุดฟูลสต๊อปแล้วมันก็กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม "ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?" "นี่คืออะไร?" คำถามเหล่านี้ "ทำไม? และอะไร?" ทำให้จุดฟูลสต๊อปกลายเป็นเครื่องหมายคำถาม บัพดาดาเคยบอกลูกไว้ก่อนหน้านี้ว่า อย่าพูดว่า "ทำไม? ทำไม?" ลูกควรพูดว่าอะไรแทน "โบยบิน" หรือ "ว้า!". พูดว่า "ว้า!" หรือ "โบยบิน" ก็ได้. อย่าพูดว่า "ทำไม? ทำไม?" ลูกรู้วิธีพูดว่า "ทำไม? ทำไม?" ได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นใช่ไหม? เมื่อใดก็ตามที่ "ทำไม" ปรากฏขึ้น ให้พูดคำว่า "ว้า ว้า!" แทน ถ้าใครทำอะไรหรือพูดอะไร - "ว้า ละคร ว้า!" ไม่ใช่พูดว่า "ทำไมคนนี้ถึงทำสิ่งนี้ ทำไมคนนี้พูดอย่างนี้ ฉันจะทำสิ่งนี้ถ้าคนอื่นทำ" ไม่เลย!

ทุกวันนี้ บัพดาดาได้เห็น… พ่อควรบอกลูกไหม? ลูกต้องการที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม? ดังนั้นในทุกวันนี้ผลลัพธ์ไม่ว่าจะในอินเดียหรือในต่างประเทศก็คือมีคลื่นของสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นในทั้งสองที่และนั่นคืออะไร? "ควรมีสิ่งนี้ ฉันควรได้รับสิ่งนี้ คนนี้ควรทำสิ่งนี้ สิ่งที่ฉันคิดและพูดเท่านั้นที่จะเกิดขึ้น" ความคาดหวังในสิ่งเหล่านี้ที่ยังคงเกิดขึ้นในความคิดของลูกเป็นความคิดที่ไร้ประโยชน์และไม่ปล่อยให้ลูกกลายเป็นคนที่ดีที่สุด บัพดาดาจดบันทึกชาร์ทของความไร้ประโยชน์ของทุกคนในช่วงเวลาสั้นๆ ท่านตรวจสอบ บัพดาดามีเครื่องจักรที่ทรงพลัง ท่านไม่ได้มีคอมพิวเตอร์เหมือนลูกทุกคน คอมพิวเตอร์ของลูกอาจเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม บัพดาดามีเครื่องจักรที่ตรวจสอบได้รวดเร็วมาก บัพดาดาเห็นว่าลูกส่วนใหญ่มีความคิดที่ไร้ประโยชน์ตลอดทั้งวันเป็นครั้งคราว สิ่งที่เกิดขึ้นคือน้ำหนักของความคิดที่ไร้ประโยชน์จะหนักและน้ำหนักของความคิดที่ดีที่สุดจะน้อย ดังนั้นความคิดที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ที่ลูกมีเป็นครั้งคราวทำให้หัวของลูกหนัก มันทำให้ความพยายามของลูกหนัก มีภาระและนั่นก็ดึงลูกเข้าหาตัวมันเอง ด้วยเหตุนี้เมื่อมีความคิดที่บริสุทธิ์น้อยลงซึ่งจะเป็นลิฟต์สำหรับความก้าวหน้าของตนเอง - ไม่ใช่แม้แต่บันได แต่เป็นลิฟต์ - ลูกต้องปีนบันไดแห่งความพยายามนั้น เพียงแค่จดจำสองคำ เพื่อที่จะจบสิ้นความไร้ประโยชน์ เพียงแค่ใช้สองคำในความคิด คำพูด การกระทำ และพฤติกรรมของลูกตั้งแต่เวลาอมฤตจนถึงกลางคืน นำสิ่งนี้มาใช้ในรูปปฏิบัติ สองคำนี้คือ ความเคารพตนเองและความเคารพผู้อื่น ลูกต้องอยู่ในความเคารพตนเองและให้ความเคารพผู้อื่น "ไม่ว่าคนอื่นจะเป็นเช่นไร ฉันต้องให้ความเคารพแก่คนนั้น ฉันต้องให้ความเคารพและอยู่ในสภาพของความเคารพตนเอง" ต้องมีความสมดุลของทั้งสองสิ่ง บางครั้ง ลูกอยู่ในความเคารพตนเองเป็นอย่างมาก แต่ลูกไม่ได้ให้ความเคารพผู้อื่นมากพอ ไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นที่ลูกให้ความเคารพถ้าบุคคลนั้นให้ความเคารพลูก ไม่เลย "ฉันต้องเป็นผู้ประทาน" กองทัพชีพชักตีพันดาฟเป็นผู้ประทาน ลูกของผู้ประทาน การพูดว่า "ฉันจะให้ถ้าผู้อื่นให้" กลายเป็นเรื่องธุรกิจ นั่นไม่ใช่ผู้ประทาน ดังนั้น ลูกเป็นนักธุรกิจหรือผู้ประทาน? ผู้ประทานไม่เคยเป็นผู้รับ ในทัศนคติและสายตาของลูก ให้มีเป้าหมายนี้ว่า: "ฉันต้อง... ไม่ใช่ผู้อื่น" ฉันต้องมีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ต่อทุกคนอยู่เสมอ นั่นคือ สำหรับทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นญาณี (ผู้มีความรู้) หรือไม่เป็นญาณี (ผู้ไม่มีความรู้) จริงๆแล้ว ลูกมีความปรารถนาดีต่อผู้ที่ไม่เป็นญาณี แต่ขอให้มีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ต่อทุกดวงวิญญาณญาณีด้วยเช่นกันในทุกขณะ ให้สายตาของลูกเป็นเช่นนั้น ให้ทัศนคติของลูกเป็นเช่นนั้น ลูกมีรูม่านตาในดวงตาแต่ละข้าง รูม่านตาเหล่านั้นเคยหายไปหรือไม่? ลูกจะกลายเป็นอะไรหากรูม่านตานั้นหายไปจากดวงตาของลูก? ลูกจะสามารถมองเห็นได้หรือไม่? ดังนั้น เช่นเดียวกับที่มีรูม่านตาในดวงตาของลูก ในทำนองเดียวกัน ดวงวิญญาณและพ่อ ผู้เป็นจุด หลอมรวมอยู่ในดวงตาของลูก เช่นเดียวกับจุด (ดวงวิญญาณ) ที่มองเห็นก็ไม่เคยหายไป ในทำนองเดียวกัน อย่าปล่อยให้จุดของการตระหนักรู้ของดวงวิญญาณและพ่อหายไปจากทัศนคติหรือสายตาของลูก ลูกต้องทำตามพ่อใช่ไหม? ดังนั้น เช่นเดียวกับที่พ่อมีความเคารพต่อลูกทุกคนในสายตาและทัศนคติของท่าน ท่านก็มีความนับถือเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน ให้มีความเคารพตนเองและความเคารพผู้อื่นในสายตาและทัศนคติของลูก ความคิดที่ลูกมีในจิตใจว่าคนนี้ควรเปลี่ยนแปลง - ที่เขาไม่ควรทำเช่นนั้น ที่คนนี้เป็นอย่างนี้ - จะไม่เกิดขึ้นโดยการได้รับคำสั่งสอน โดยการที่ลูกให้ความเคารพต่อผู้อื่นพวกเขาจะเริ่มเติมเต็มความคิดที่ลูกมีในจิตใจของลูก - ว่าคนนั้นควรเปลี่ยนแปลงหรือทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงโดยผ่านทัศนคติของลูก ไม่ใช่ผ่านคำพูดของลูก ดังนั้น ลูกจะทำอย่างไร? ความเคารพตนเองและความเคารพผู้อื่น ลูกจะจำทั้งสองใช่ไหม? หรือลูกจะจำแค่ความเคารพตนเองเท่านั้น? การให้ความเคารพหมายถึงการได้รับความเคารพ การให้ความเคารพหมายถึงการมีค่าควรแก่การเคารพ สิ่งชี้บอกของความรักที่มีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณคือการเปลี่ยนแปลงความอ่อนแอของผู้อื่นด้วยความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของลูก ในข้อความสุดท้ายเช่นกัน บัพดาดากล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ ขอให้รูปของลูกมีเมตตา แม้กระทั่งในชาติเกิดสุดท้ายของลูก ภาพลักษณ์ที่ไม่มีชีวิตของลูกก็มีเมตตาและเมตตาต่อผู้เลื่อมใสศรัทธา ในเมื่อภาพลักษณ์ที่ไม่มีชีวิตมีเมตตามาก แล้วรูปที่มีชีวิตจะเป็นเช่นไร? รูปที่มีชีวิตจะเป็นเหมืองแห่งความเมตตา จงกลายเป็นเหมืองแห่งความเมตตา ใครก็ตามที่เข้ามา ให้ความเมตตาแก่พวกเขา นี่คือสิ่งชี้บอกของความรัก ลูกต้องการทำเช่นนั้นใช่หรือไม่? หรือลูกเพียงแค่ต้องการฟังเท่านั้น? ลูกต้องทำเช่นนั้น ลูกต้องกลายเป็นสิ่งนั้น! ดังนั้นบาบาจึงตอบลูกว่า "บัพดาดาต้องการอะไร" ลูกถามคำถามนี้ บัพดาดาจึงให้คำตอบลูก

ในปัจจุบัน มีการขยายตัวของงานรับใช้ที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นในบารัตหรือในต่างประเทศ บัพดาดาต้องการให้ลูกทำให้ใครบางคนกลายเป็นเครื่องมือเพื่อทำงานพิเศษ ทำให้ใครบางคนให้ความร่วมมือ เป็นคนที่จนถึงตอนนี้ต้องการที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง แต่ตอนนี้ใครจะแสดงให้เห็นในทางปฏิบัติ ลูกมีโปรแกรมมากมาย ไม่ว่าลูกจะจัดโปรแกรมที่ไหน บัพดาดาก็แสดงความยินดีกับผู้ที่ดำเนินโปรแกรมเหล่านั้นทั้งหมด เวลานี้แสดงความใหม่มากขึ้น เพื่อที่พวกเขาจะได้เปิดเผยพ่อในนามของลูก,เช่นเดียวกับที่ลูกทำ ให้สิ่งนี้ปรากฏออกมาจากริมฝีปากของพวกเขาด้วยว่า "การศึกษานี้เป็นของพระเจ้า" ให้ "บาบา บาบา" ปรากฏออกมาจากหัวใจของพวกเขา พวกเขาให้ความร่วมมือ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่คือ “ผู้นี้คือผู้เดียวเท่านั้น นี่คือผู้เดียว นี่คือผู้เดียว…” ให้เสียงนี้แพร่กระจายออกไป "บราห์มากุมารีกำลังทำงานที่ดีมาก พวกเขาสามารถทำสิ่งนี้ได้" พวกเขามาถึงจุดนี้แล้ว แต่เวลานี้ให้พวกเขาพูดว่า "นี่คือผู้เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น นี่คือความรู้ของพระเจ้า" ให้ผู้ที่ต้องเปิดเผยพ่อพูดสิ่งนี้อย่างไม่เกรงกลัว ลูกบอกว่าพระเจ้ากำลังทำให้งานนี้เกิดขึ้น นั่นคืองานของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม เวลานี้ให้พวกเขาพูดว่าพวกเขารู้จักพระเจ้า ผู้เป็นพ่อ ซึ่งทุกคนกำลังร้องเรียกหา เวลานี้ให้ประสบการณ์นั้นแก่พวกเขา ลูกมีอะไรอยู่ในหัวใจของลูกทุกขณะ? “บาบา บาบา บาบา!” ให้กลุ่มเช่นนั้นปรากฏออกมา นี่เป็นสิ่งที่ดี ลูกสามารถทำเช่นนี้ได้ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจนถึงจุดนี้ก็ดี การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายคือ “นี่คือผู้เป็นหนึ่งเดียว นี่คือผู้เป็นหนึ่งเดียว นี่คือผู้เป็นหนึ่งเดียว” สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อครอบครัวบราห์มินมีสภาพที่สม่ำเสมอ ในขณะนี้ สภาพยังคงเปลี่ยนแปลง สภาพที่สม่ำเสมอจะเปิดเผยผู้เป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้โอเคไหม? ดังนั้น ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ จงเป็นตัวอย่าง เป็นตัวอย่างในการให้ความเคารพและอยู่ในความเคารพตนเอง ประกาศสิทธิ์ในอันดับในสิ่งนี้ พวกเขาแสดงตัวอย่างของครอบครัวที่เอาชนะความผูกพันยึดมั่น ที่ซึ่งผู้ส่งสารและคนรับใช้และคนอื่นๆทุกคนกลายเป็นผู้เอาชนะความผูกพันยึดมั่น ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน - อเมริกา ออสเตรเลีย ทุกประเทศ - ประกาศสิทธิ์ในอันดับในการมีความสม่ำเสมอ รวมกันเป็นหนึ่งเดียวในทิศทางเดียวกัน อยู่ในความเคารพตนเองและให้ความเคารพผู้อื่น ลูกสามารถประกาศสิทธิ์ได้ใช่ไหม? ประกาศสิทธิ์ได้เลย ลูกต้องการประกาศสิทธิ์ในอันดับหรือไม่?

ถึงลูกๆทั้งหมดในทุกหนแห่งที่หลอมรวมอยู่ในดวงตาของพ่อ ถึงลูกๆที่เป็นแสงสว่างของดวงตา ถึงลูกๆที่อยู่อย่างมั่นคงเสมอในสภาพที่สม่ำเสมอ ถึงลูกๆผู้มีโชคที่ดวงดาวแห่งโชคนั้นเปล่งประกายอยู่เสมอ ถึงผู้ที่มีความเคารพตนเองและความเคารพผู้อื่นอย่างเท่าเทียมกัน ถึงลูกๆที่ทำให้ความเร็วของความพยายามของตนนั้นรวดเร็ว รัก ระลึกถึง พร และนมัสเตจากบัพดาดา

พร:
ขอให้ลูกได้อยู่กับมิตรร่วมทางที่แท้จริงของลูก และด้วยเหตุนี้ ลูกจึงเป็นผู้ที่มีความรักและเป็นอิสระจากความผูกพันยึดมั่น

ทุกวันในเวลาอมฤต ขอให้มีความสุขในการมีทุกความสัมพันธ์กับบัพดาดาและให้ความสุขนั้นแก่ผู้อื่นด้วย มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขทุกประเภท และให้สิทธิ์นี้แก่ผู้อื่นด้วย ขณะที่ทำงานทางกายใดๆ อย่าได้จดจำระลึกถึงเพื่อนทางกายใดๆ แต่จงจดจำระลึกถึงพ่อก่อน เพราะพ่อคือเพื่อนที่แท้จริงของลูก เมื่อลูกอยู่กับมิตรร่วมทางที่แท้จริงแล้ว ลูกจะกลับมาละวางและรักทุกคนได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่จดจำพ่อผู้เดียวในทุกความสัมพันธ์ในทุกงานก็จะเป็นอิสระจากความผูกพันยึดมั่นได้อย่างง่ายดาย พวกเขาไม่ผูกพันยึดมั่นกับใครและไม่อยู่ในภาวะจำยอมต่อใคร ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถพ่ายแพ้ต่อมายาได้

คติพจน์:
เพื่อที่จะตระหนักรู้จักมายา จงกลายเป็นตรีกาลดาชิและตรีเนตร แล้วลูกจะกลายเป็นผู้ได้รับชัยชนะ

สัญญาณที่ละเอียดอ่อน: การนำวัฒนธรรมแห่งสัจจะและมารยาทอันดีงามมาใช้

สัญลักษณ์ของสัจจะคือการมีมารยาทที่ดี เมื่อลูกพูดสัจจะและมีพลังแห่งสัจจะ ลูกจะไม่มีวันหยุดมีมารยาทที่ดี ลูกอาจต้องพิสูจน์สัจจะ แต่ทำสิ่งนี้ด้วยมารยาทที่ดี การพยายามพิสูจน์ว่าบางสิ่งเป็นความจริงในขณะที่ละทิ้งมารยาทที่ดีของลูก ลูกจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ สัญญาณของการขาดมารยาทที่ดีคือความดื้อรั้น และสัญญาณของมารยาทที่ดีคือความถ่อมตน ผู้ที่พิสูจน์สัจจะจะอยู่อย่างถ่อมตนและจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วยมารยาทที่ดีกับทุกคนเสมอ