03.11.24 Avyakt Bapdada Thai Murli
25.10.2002 Om Shanti Madhuban
พื้นฐานของชีวิตบราห์มินคือความสูงส่งของความบริสุทธิ์
วันนี้
มหาสมุทรแห่งความรักกำลังมองดูลูกๆที่รักของท่าน
ลูกๆที่รักทั้งหมดจากทุกหนแห่งถูกผูกด้วยสายใยทางจิตวิญญาณที่ละเอียดอ่อนได้มาถึงบ้านอันแสนหวานของลูกแล้ว
เช่นที่ลูกๆมาถึงที่นี่ด้วยการถูกดึงด้วยความรัก ในทำนองเดียวกัน
พ่อที่ถูกผูกด้วยสายใยแห่งความรักของลูกๆก็ได้มาอยู่เบื้องหน้าลูกๆเป็นการส่วนตัวเช่นกัน
บัพดาดามองเห็นว่าลูกทุกคนในทุกหนแห่ง
ในขณะที่นั่งอยู่ห่างไกลก็ยังคงดูดซับอยู่ในความรัก
บัพดาดามองเห็นลูกๆที่กำลังอยู่เบื้องหน้าท่านเป็นการส่วนตัว
และมองเห็นลูกๆที่กำลังนั่งอยู่ห่างไกลและพอใจกับพวกเขา
ความรักที่ไม่มีวันสูญสลายทางจิตวิญญาณ ความรักของพระเจ้า
ความรักที่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณนี้จะสัมผัสได้ในตอนนี้ในทั้งวงจรเท่านั้น
บัพดาดากำลังมองเห็นความสูงส่งของความบริสุทธิ์ของลูกทุกคน
ความสูงส่งของชีวิตบราห์มินคือความบริสุทธิ์ ดังนั้น
บาบาจึงมองเห็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งทางจิตวิญญาณบนศีรษะและมงกุฎแห่งแสงของความบริสุทธิ์ของลูกแต่ละคน
ลูกทุกคนมองเห็นมงกุฎแห่งความบริสุทธิ์และมงกุฎแห่งความสูงส่งทางจิตวิญญาณของลูกหรือไม่?
ผู้ที่นั่งด้านหลังมองเห็นไหม? นี่คือชุมนุมที่สวยงามของผู้ที่ได้รับการสวมมงกุฎ
เป็นเช่นนี้ใช่ไหมพันดาวาส? มงกุฎกำลังเปล่งประกายใช่ไหม?
ลูกกำลังมองเห็นชุมนุมเช่นนี้ใช่หรือไม่? กุมารี
ลูกเป็นกุมารีที่สวมมงกุฎใช่หรือไม่? บัพดาดาเห็นว่าราชวงศ์ของลูกๆนั้นสูงส่งมาก
จดจำความสูงส่งที่คงอยู่ตลอดไปของลูกไว้ เมื่อลูกดวงวิญญาณอาศัยอยู่ในอาณาเขตสูงสุด
ความสูงส่งทางจิตวิญญาณในรูปของดวงวิญญาณนั้นพิเศษ
ดวงวิญญาณทั้งหมดก็คือรูปแห่งแสงเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับดวงวิญญาณที่เหลือ
ประกายของลูกนั้นสูงส่ง ลูกจดจำอาณาเขตสูงสุดได้หรือไม่? ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นของเวลา
ประกายและความซาบซึ้งของลูกนั้นพิเศษสุดไม่เหมือนใคร
ลูกต้องเคยเห็นในท้องฟ้าว่าดวงดาวทั้งหมดนั้นเปล่งประกายอย่างไร
และดวงดาวทั้งหมดเหล่านั้นสว่างไสวอย่างไร แต่จากดวงดาวทั้งหมด
ประกายของดวงดาวพิเศษบางดวงนั้นน่ารักและพิเศษสุดมากกว่า ในทำนองเดียวกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับดวงวิญญาณอื่นๆ ประกายของลูกดวงวิญญาณ
ประกายของความบริสุทธิ์และความสูงส่งทางจิตวิญญาณของลูกนั้นพิเศษสุดไม่เหมือนใคร
ลูกจำสิ่งนี้ได้ใช่ไหม? จากนั้นก็มาถึงจุดเริ่มต้นของเวลา
หากลูกจดจำช่วงเวลาในตอนต้นได้
บุคลิกภาพของความสูงส่งทางจิตในรูปที่เป็นเทพของลูกนั้นมีความพิเศษเพียงใด
ตลอดทั้งกัลปะมีใครที่มีความสูงส่งในรูปของเทพบ้างไหม?
ลูกจดจำความสูงส่งทางจิตและบุคลิกภาพของความบริสุทธิ์ของลูกได้ไหม?
ลูกพันดาวาสก็จำได้เช่นกันไหม? ตอนนี้ลูกจำได้หรือไม่? ต่อมาก็เข้ามาสู่ช่วงกลาง
ตั้งแต่ช่วงตอนกลาง นั่นคือตั้งแต่ยุคทองแดงเป็นต้นมา
เมื่อภาพที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาของลูกถูกทำขึ้นมา
มีภาพอื่นใดที่มีความสูงส่งเช่นนั้นหรือมีความสูงส่งของการกราบไหว้บูชาอีกหรือไม่?
มีภาพมากมาย
แต่มีดวงวิญญาณอื่นใดที่ได้รับการกราบไหว้บูชาอย่างถูกต้องตามวิธีที่ถูกต้องเช่นเดียวกับลูกหรือไม่?
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้นำศาสนา ผู้นำทางการเมือง หรือนักแสดง
ก็ได้มีการทำรูปภาพของพวกเขาทั้งหมดขึ้นมา
แต่ลูกเคยเห็นความสูงส่งในรูปภาพเหล่านั้นและความสูงส่งของการกราบไหว้บูชาของภาพของใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่?
ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์เคยเห็นการกราบไหว้บูชาของตนเองหรือไม่?
ลูกทุกคนเคยเห็นหรือแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?
ไม่มีภาพอื่นใดที่มีการกราบไหว้บูชาหรือมีความเปล่งประกายและความเป็นจิตวิญญาณที่ถูกต้องแม่นยำเช่นนี้
และจะไม่มีภาพเช่นนี้อีก เพราะเหตุใด? ลูกมีความสูงส่งของความบริสุทธิ์
ลูกมีบุคลิกภาพของความบริสุทธิ์ อัจชะ ลูกเคยเห็นการกราบไหว้บูชาของตนเองหรือไม่?
หากลูกยังไม่เห็น ก็จงเห็น! ตอนนี้ สุดท้ายนี้ ก็มาถึงยุคบรรจบพบกัน
แม้แต่ในยุคบรรจบพบกัน ทั่วทั้งโลก
ความสูงส่งของความบริสุทธิ์ก็เป็นพื้นฐานของชีวิตบราห์มิน หากไม่มีความบริสุทธิ์
ก็จะไม่มีประสบการณ์ของความรักของพระเจ้า
และไม่มีประสบการณ์ของการบรรลุผลของพระเจ้าทั้งหมด
บุคลิกภาพของชีวิตบราห์มินคือความบริสุทธิ์
และความบริสุทธิ์คือความสูงส่งทางจิตวิญญาณ ดังนั้น
ความสูงส่งทางจิตวิญญาณนี้จึงดำเนินต่อไปชั่วนิรันดร์และดั้งเดิมตลอดทั้งวงจรตั้งแต่ตอนต้นตลอดจนตอนกลางจนถึงตอนจบของวงจร
ดังนั้น ลูกแต่ละคนจึงมองดูตนเอง ลูกแต่ละคนมีกระจกใช่ไหม? ลูกมีกระจกไหม?
ลูกสามารถมองเห็นในกระจกนั้นไหม?
แล้วมองดูว่าลูกมีความสูงส่งของความบริสุทธิ์ภายในตัวลูกกี่เปอร์เซ็นต์?
ประกายของความบริสุทธิ์ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของลูกหรือไม่?
ประกายของความซาบซึ้งของความบริสุทธิ์ปรากฏชัดในพฤติกรรมของลูกหรือไม่?
ประกายของความซาบซึ้งหมายถึงความซาบซึ้ง ในพฤติกรรมของลูกเช่นกัน
ประกายของความซาบซึ้งและความซาบซึ้งทางจิตวิญญาณปรากฏชัดหรือไม่?
ลูกเคยเห็นตัวเองหรือไม่? ใช้เวลานานแค่ไหนในการมองดู? หนึ่งวินาทีไหม?
แล้วลูกทุกคนเคยเห็นตัวเองหรือไม่?
กุมารี: ลูกมีประกายและความซาบซึ้งไหม? นี่เป็นสิ่งที่ดี ลูกทุกคน ลุกขึ้น! ยืนขึ้น!
(กุมารีแต่ละคนจะมีสายสะพายสีแดงซึ่งมีข้อความเขียนว่า "เอก-วราตา" –
การให้คำมั่นสัญญาต่อผู้เป็นหนึ่งเดียว มันดูสวยงามใช่หรือไม่? เอก-วราตา หมายถึง
ความสูงส่งของความบริสุทธิ์ ดังนั้น ลูกได้ทำให้บทเรียนของเอก-วราตามั่นคงแล้วหรือยัง?
เมื่อลูกกลับไป อย่าได้กลับมาอ่อนแอ ตอนนี้กลุ่มกุมารี ยืนขึ้น!
กลุ่มกุมารีก็ดีเช่นกัน กุมารีได้ผูกแถบของคำสัญญาไว้ในหัวใจของพวกเธอ
และกุมารีเหล่านี้ก็ได้ผูกไว้ภายนอก ลูกได้ผูกแถบแห่งคำสัญญาแล้วหรือยัง?
ว่าลูกเป็นกุมารีที่จะคงอยู่เสมอ นั่นคือ อยู่ในบุคลิกภาพของความบริสุทธิ์อยู่เสมอ
เป็นเช่นนี้หรือไม่? พูดว่า"ฮาจี!" ไม่หรือใช่?
หรือลูกจะเขียนจดหมายเมื่อลูกกลับไปแล้วบอกว่าลูกเริ่มหย่อนยานเล็กน้อยหรือไม่?
อย่าทำเช่นนั้น ในขณะที่ลูกใช้ชีวิตอย่างบราห์มิน
ลูกต้องคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ลูกได้ให้คำมั่นสัญญาเช่นนั้นหรือไม่?
หากคำมั่นสัญญาของลูกมั่นคงแล้ว ก็ให้โบกมือข้างหนึ่ง
ภาพถ่ายของลูกกำลังถูกถ่ายโดยทีวี ภาพเหล่านี้จะส่งไปให้กับผู้ที่หย่อนยาน
ดังนั้นอย่าได้หย่อนยาน จงเข้มแข็งไว้ ใช่แล้ว ลูกเข้มแข็ง พันดาวาสเข้มแข็งเสมอ
พันดาวาสที่เข้มแข็ง ดีมาก
ทัศนคติของความบริสุทธิ์คือความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์
ไม่ว่าใครจะเป็นเช่นไร
ทัศนคติที่บริสุทธิ์ก็หมายถึงความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์
การมีสายตาที่บริสุทธิ์หมายถึงการเห็นทุกคนอยู่ในรูปของจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณหรือในรูปที่เป็นเทวดานางฟ้าอยู่เสมอ
ดังนั้น ทัศนคติ สายตา และประการที่สามคือการกระทำ ดังนั้น ในการกระทำของลูกเช่นกัน
จงให้ความสุขกับทุกดวงวิญญาณอย่างสม่ำเสมอและได้รับความสุข
นี่คือสิ่งชี้บอกของความบริสุทธิ์ ให้มีดาร์น่านี้ในทัศนคติ สายตา
และการกระทำของลูก ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม
แม้ว่าเขาจะทำให้ลูกเป็นทุกข์หรือดูหมิ่นลูก หน้าที่ของลูกคืออะไร?
ลูกต้องทำตามคนที่ทำให้ลูกเป็นทุกข์หรือทำตามบัพดาดา? ลูกต้องทำตามพ่อใช่หรือไม่?
แล้วพ่อบราห์มาทำให้เกิดความทุกข์หรือให้ความสุข? ท่านให้ความสุขใช่หรือไม่?
ดังนั้น ลูกผู้เป็นนายบราห์มา ลูกดวงวิญญาณบราห์มินต้องทำอะไร?
ถ้าหากใครทำให้ลูกเป็นทุกข์ ลูกจะทำอย่างไร? ลูกจะทำให้เกิดความทุกข์ไหม?
ลูกจะไม่ทำให้เกิดความทุกข์ใช่ไหม?
จะเป็นอย่างไรถ้ามีใครบางคนทำให้ลูกเป็นทุกข์อย่างมากหรือดูหมิ่นลูกอย่างมาก?
หากมีใครมาดูหมิ่นลูกเป็นอย่างมาก ลูกจะมีความรู้สึกเล็กน้อยบ้างหรือไม่?
ลูกที่เป็นกุมารีจะรู้สึกถึงสิ่งนี้บ้างหรือไม่? บางทีอาจจะรู้สึกบ้าง? ดังนั้น
จงทำตามพ่อ คิดว่า: หน้าที่ของฉันคืออะไร?
อย่าลืมหน้าที่ของตนเองด้วยการมองหน้าที่ของผู้อื่น คนอื่นกำลังดูหมิ่นลูก
ดังนั้นก็แค่กลายเป็นเทวี (เทพ – ผู้หญิง) แห่งความอดทน กลายเป็นเทวา (เทพ – ผู้ชาย)
แห่งความอดทน ด้วยความอดทนของลูก ผู้ที่ดูหมิ่นลูกจะโอบกอดลูก
ความอดทนมีพลังมากถึงขนาดนั้น แต่ลูกต้องอดทนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้น
ลูกจึงเป็นเทพ (เทวาและเทวี) แห่งความอดทนใช่หรือไม่? ลูกเป็นหรือไม่?
จงมีสำนึกรู้นี้อยู่เสมอ: ฉันเป็นเทพ (devta) แห่งความอดทน ฉันเป็นเทพีแห่งความอดทน
ดังนั้น เทพจึงหมายถึงผู้ประทานที่ให้ ถ้ามีคนดูหมิ่นลูกและไม่เคารพลูก
นั่นก็เป็นเรื่องไร้สาระเป็นขยะใช่หรือไม่? หรือว่ามันเป็นสิ่งที่ดี?
แล้วทำไมลูกถึงรับมันไว้? ขยะควรรับจากคนอื่นหรือไม่? ถ้ามีคนให้ขยะกับลูก
ลูกจะรับมันไหม? ลูกจะไม่รับใช่ไหม? ถ้ามีคนไม่เคารพลูก
ถ้ามีคนดูหมิ่นลูกหรือด่าทอลูก ถ้ามีคนมารบกวนลูก ทั้งหมดนั้นคืออะไร?
มันเป็นสิ่งที่ดีไหม? แล้วทำไมลูกถึงรับมันไว้? ลูกรับไปเล็กน้อยใช่หรือไม่?
ลูกรับไปเล็กน้อยแล้วลูกก็คิดว่า "ฉันไม่น่ารับสิ่งนั้นเลย" เวลานี้
อย่าได้รับสิ่งนั้น!
การรับหมายถึงการที่จิตใจของลูกซึมซับสิ่งนั้นและรู้สึกถึงสิ่งนั้น ดังนั้น
จงจดจำช่วงเวลาที่คงอยู่ตลอดไปของลูก ช่วงเวลาในตอนเริ่มต้น ช่วงเวลาในตอนกลาง
และช่วงเวลาของยุคบรรจบพบกัน
จงจดจำความสูงส่งของความบริสุทธิ์ของลูกและบุคลิกภาพของลูกตลอดทั้งวงจร
ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครสามารถมาพรากบุคลิกภาพของลูกไปได้
ลูกมีความซาบซึ้งทางจิตวิญญาณนี้ใช่หรือไม่?
ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ลูกมีความความซาบซึ้งเป็นสองเท่าใช่หรือไม่?
ลูกมีความความซาบซึ้งสองเท่าในทุกสิ่ง ความความซาบซึ้งสองเท่าของความบริสุทธิ์
ความซาบซึ้งสองเท่าของการเป็นเทวีหรือเทพแห่งความอดทน ลูกมีสองเท่าใช่หรือไม่?
เพียงแค่อยู่อย่างเป็นอมตะในสิ่งนี้ อย่าลืมพรของการเป็นอมตะ
อัจชะ ผู้ที่เป็นผู้ครองเรือน นั่นคือผู้ที่เป็นคู่ -
อันที่จริงลูกอยู่อย่างเป็นโสดอยู่โดยลำพัง แต่ลูกได้รับการกล่าวว่าเป็นคู่ -
ลุกขึ้น! ยืนขึ้น มีผู้ที่เป็นคู่มากมายและมีกุมารและกุมารีน้อยกว่า
มีผู้ที่เป็นคู่มากกว่ากุมารมากมาย ดังนั้นผู้ที่เป็นคู่
เพราะเหตุใดบัพดาดาจึงให้แนวทางแก่ลูกในการอยู่ที่บ้านกับครอบครัว?
ทำไมลูกถึงได้รับอนุญาตให้อยู่อย่างเป็นคู่ได้?
ลูกรู้หรือไม่ว่าทำไมลูกถึงได้รับอนุญาตให้อยู่ในครอบครัวของลูก?
เพราะในขณะที่อยู่อย่างเป็นคู่ ลูกต้องทำให้มหามานเดชวาร์ก้มลงที่เท้าของลูก
ลูกมีความกล้าหาญมากถึงขนาดนั้นหรือไม่?
ผู้คนบอกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ด้วยกัน แต่ยังคงรักษาความบริสุทธิ์
แล้วลูกล่ะบอกว่าอะไร? ว่ามันยากไหม? หรือว่ามันง่ายไหม? (มันง่ายมาก)
ลูกแน่ใจหรือไม่? หรือบางทีก็ง่าย บางทีก็เกียจคร้าน? เหตุนี้เองตามละคร
เพื่อที่จะท้าทายพวกเขา บัพดาดาจึงทำให้ลูกทุกคนเป็นตัวอย่างเบื้องหน้าโลก
ดังนั้นจงอยู่อย่างเป็นอิสระในขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านของลูก
ลูกสามารถอยู่อย่างเป็นอิสระจากความไม่บริสุทธิ์ได้หรือไม่? ดังนั้น
ลูกคือผู้ที่ยื่นคำท้าทายใช่หรือไม่? ลูกทุกคนคือผู้ที่จะท้าทายพวกเขา
ลูกไม่กลัวเลยสักนิดใช่ไหมว่าบางทีเมื่อลูกท้าทายพวกเขาแล้วลูกไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
จงท้าทายโลก
เพราะมันเป็นสิ่งใหม่ที่จะอยู่ด้วยกันแต่ก็ยังไม่เคยมีความคิดเรื่องความไม่บริสุทธิ์เลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งในความฝัน
นี่คือคุณสมบัติพิเศษของชีวิตบราห์มินในยุคบรรจบพบกัน ดังนั้น
ลูกทุกคนจึงเป็นตัวอย่างในตู้โชว์ของโลก ลูกเป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่าง เมื่อเห็นลูก
ทุกคนจะได้รับพละกำลังที่พวกเขาก็สามารถกลายเป็นเช่นนี้ได้ สิ่งนี้โอเคไหม?
ลูกชักตีโอเคไหม? ลูกคือพักก้า (มั่นคง) ใช่หรือไม่? ลูกไม่ได้แข็งแกร่งบางครั้ง
และอ่อนแอบางครั้งใช่ไหม? พักก้า (มั่นคง) บัพดาดาก็ยินดีที่ได้พบลูกเช่นกัน
ขอแสดงความยินดี ดูสิ มีลูกมากมายเหลือเกิน ดีมาก
ตอนนี้ครูยังคงอยู่ ไม่มีการหลุดพ้นได้หากไม่มีครู ครูทั้งหลาย ยืนขึ้น! อัจชะ
มีพันดาวาสที่ดีมากเช่นกัน ว้าว!
คุณสมบัติพิเศษของครูคืออนาคตปรากฏให้เห็นในรูปลักษณะของครูทุกคน
รูปที่เป็นเทวดานางฟ้าควรปรากฏให้เห็นในรูปลักษณะของครูทุกคน
ลูกมีรูปลักษณะเช่นนั้นใช่หรือไม่? เมื่อเห็นลูกผู้เป็นเทวดานางฟ้า
คนอื่นก็จะกลายเป็นเทวดานางฟ้าเช่นกัน ดูสิ มีครูมากมายเหลือเกิน!
มีครูจากต่างประเทศมากมาย มีครูมากมายในกลุ่มจากต่างประเทศ
เวลานี้มีเพียงไม่กี่คนที่มา บัพดาดายังระลึกถึงผู้ที่ไม่ได้มาเช่นกัน นี่ก็ดี
ครูทั้งหลายวางแผนร่วมกันว่าจะเปิดเผยพ่อผ่านพฤติกรรมและใบหน้าของลูกอย่างไร
ผู้คนในโลกพูดว่าพระเจ้าอยู่ในทุกหนแห่ง แต่ลูกพูดว่าท่านไม่ได้อยู่ในทุกหนแห่ง
อย่างไรก็ตาม บัพดาดากล่าวว่า: ขณะนี้ตามเวลา
พ่อควรจะปรากฏให้เห็นในทางปฏิบัติในครูทุกคน ดังนั้น
ท่านจึงจะถูกมองว่าอยู่ในทุกหนแห่งใช่หรือไม่? ไม่ว่าพวกเขาจะมองใครก็ตาม
พวกเขาควรเห็นแต่พ่อเท่านั้น
ลูกดวงวิญญาณควรซ่อนอยู่ในดวงวิญญาณสูงสุดเพื่อให้มองเห็นเพียงดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้น
เป็นไปได้หรือไม่? อัจชะ สำหรับสิ่งนี้มันคือวันที่เท่าไหร่?
ควรจะกำหนดวันที่ไว้ใช่หรือไม่? ดังนั้นสำหรับสิ่งนี้คือวันที่เท่าไหร่?
ลูกต้องการเวลานานแค่ไหน? (เราจะเริ่มตอนนี้เลย) ลูกจะเริ่มก็ได้
ความกล้าหาญนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ลูกต้องการเวลานานเท่าไหร่? ขณะนี้คือปี 2002
ดังนั้นตอนนี้มันจะเป็นไปจนถึงปี 2000 แล้วยังไงต่อล่ะ? ดังนั้น เวลานี้ ผู้เป็นครู
ลูกควรมีความใส่ใจที่จะถูกมองเห็นว่าได้มีการหลอมรวมกับพ่อ “ให้เห็นพ่อโดยผ่านตัวฉัน”
ลูกจะวางแผนสำหรับสิ่งนี้ใช่หรือไม่?
ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์มีความฉลาดเมื่อต้องมีการพบปะและประชุมกัน
ตอนนี้มีการประชุมกันสำหรับเรื่องนี้
อย่ากลับไปโดยไม่ได้มีการพบปะและประชุมกันว่าจะสามารถมองเห็นพ่อโดยผ่านลูกแต่ละคนได้อย่างไร
ในปัจจุบัน สามารถมองเห็นบราห์มากุมารีได้ พวกเขาบอกว่าบราห์มากุมารีดีมากเก่งมาก
ตอนนี้ให้พวกเขาได้เห็นว่าบาบาของพวกเขานั้นดีมากเก่งมากแค่ไหน!
และแล้วเมื่อนั้นการเปลี่ยนแปลงโลกจะเกิดขึ้น ดังนั้น
ลูกที่เป็นดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์จะนำแผนนี้ไปใช้ในรูปปฏิบัติใช่หรือไม่?
ลูกจะทำเช่นนั้นหรือไม่? พักก้า อัจชะ และแล้วเมื่อนั้น
ความปรารถนาของดาดี้ของลูกจะได้รับการเติมเต็ม สิ่งนี้โอเคไหม อัจชะ
ดูสิ ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์นั้นเฝ้าแต่ทำงานรับใช้เป็นอย่างมาก! เพราะลูก
ทุกคนจึงได้รับความรักและความระลึกถึง บัพดาดาก็มีความรักที่พิเศษสำหรับลูกเช่นกัน
- ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ทำไมท่านถึงมีความรักต่อลูก?
เพราะดวงวิญญาณดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ที่กลายเป็นเครื่องมือในการทำงานรับใช้ได้กลายเป็นเครื่องมือในการทำให้สาส์นของพ่อสามารถไปถึงมุมต่างๆของโลกได้
มิฉะนั้นดวงวิญญาณทุกหนแห่งในโลกจะอยู่อย่างกระหาย ตอนนี้พ่อจะไม่รับคำพร่ำบ่นใดๆ
ว่าท่านมาที่บารัต แต่ผู้ที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้รับสาส์น ดังนั้น
ลูกเป็นเครื่องมือที่จะจบสิ้นการพร่ำบ่นที่มีต่อพ่อ
จานัคก็มีความกระตือรือร้นมากเช่นกันว่าไม่ควรมีประเทศใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
นี่เป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยลูกก็จบสิ้นการพร่ำบ่นที่มีต่อพ่อได้ อย่างไรก็ตาม
ลูกทำให้มิตรของลูกเหนื่อยมาก ลูกทำให้พวกเขาเหนื่อยใช่ไหม? จายันตี
เธอไม่ทำให้ทุกคนเหนื่อยบ้างหรือไม่? อย่างไรก็ตาม
ความสุขก็หลอมรวมอยู่ในความเหนื่อยล้านี้ ในตอนแรกมันเหมือนราวกับว่า "สิ่งเดียวกันนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าคืออะไร?"
อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกกลับมาพร้อมกับพรหลังจากให้คำบรรยาย ใบหน้าของลูกก็เปลี่ยนไป
นี่เป็นสิ่งที่ดี
ดาดี้ทั้งสองมีคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มความจริงจังและความกระตือรือร้น
พวกเขาไม่สามารถนั่งลงอย่างเงียบๆได้
ยังคงมีงานรับใช้เหลืออยู่ที่จะต้องทำใช่หรือไม่? หากลูกดูแผนที่
ไม่ว่าจะเป็นบารัตหรือต่างประเทศ หากลูกยังคงทำเครื่องหมายแต่ละสถานที่ต่อไป
ลูกจะเห็นว่ายังมีสถานที่อีกมากมายที่เหลืออยู่ ดังนั้น บัพดาดาจึงพอใจ
แต่ท่านยังพูดด้วยว่า อย่าทำให้พวกเขาเหนื่อยเกินไป
ลูกทุกคนมีความสุขในการทำงานรับใช้ใช่หรือไม่? ตอนนี้
ลูกกุมารีก็จะกลายเป็นครูด้วยเช่นกันใช่หรือไม่? ผู้ที่เป็นครูก็เป็นครูอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม
ลูกผู้ที่ไม่ได้เป็นครูก็จะกลายเป็นครูและดูแลศูนย์ใดศูนย์หนึ่งใช่หรือไม่?
ลูกจะกลายเป็นมือใช่หรือไม่? ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ฝึกฝนการทำงานทั้งสองประเภท
ลูกมีงานทำและลูกก็ดูแลศูนย์ด้วย
เหตุนี้เองบัพดาดาขอแสดงความยินดีกับลูกเป็นสองเท่า อัจชะ
ถึงลูกๆ ที่รักยิ่งในทุกหนแห่ง ถึงผู้ที่ใกล้ชิดที่สุด
ถึงผู้ที่มีสิทธิ์ในความสูงส่งตั้งแต่ตอนต้นจนถึงตอนนี้
ถึงผู้ที่เผยให้เห็นประกายแห่งความบริสุทธิ์บนใบหน้าและพฤติกรรมของพวกเขา
ถึงผู้ที่กลายเป็นอันดับหนึ่งโดยความพยายามอย่างเข้มข้นในการจดจำระลึกถึงและในการทำงานรับใช้
ถึงผู้ที่อยู่อย่างเป็นตัวของทุกพลังและทุกคุณธรรมอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับพ่อ
ถึงลูกๆ ทุกคนในทุกทิศทาง ด้วยความรัก ระลึกถึง และนมัสเตจากบัพดาดา
บัพดาดาพบกับผู้เป็นครูหลักจากต่างประเทศ:
ลูกได้วางแผนสำหรับงานรับใช้ที่ดีมาก
เพราะเมื่องานรับใช้เสร็จสิ้นแล้วเท่านั้นที่อาณาจักรของลูกจะมาถึง ดังนั้น
วิธีการของงานรับใช้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม
งานรับใช้ควรทำด้วยจิตใจและด้วยคำพูด ให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน
ให้ทั้งงานรับใช้และความก้าวหน้าของตนเองอยู่ด้วยกัน
งานรับใช้เช่นนี้นำความสำเร็จให้เข้ามาใกล้
ถึงอย่างไรลูกก็เป็นเครื่องมือสำหรับการทำงานรับใช้อยู่แล้ว
ลูกทุกคนกำลังทำงานรับใช้ได้ดีในสถานที่ของลูกเอง แต่เวลานี้
ให้วางแผนสำหรับงานที่บาบาเพิ่งมอบให้
วางแผนว่าการเติบโตอะไรที่จะต้องเกิดขึ้นในตนเองและในงานรับใช้
และจะต้องเพิ่มอะไรเข้าไปอีก ยังไงก็ตาม
บัพดาดายินดีเสมอที่ได้เห็นผู้รับใช้ทั้งหลาย ทุกศูนย์กำลังก้าวหน้าไปด้วยดีใช่ไหม?
มีการเติบโตใช่ไหม? นี่เป็นสิ่งที่ดี ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีใช่หรือไม่?
ดีและจะดีต่อไป เวลานี้
จงรวบรวมผู้ที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วไปในทุกหนแห่งให้มารวมกันในชุมนุมและทำให้พวกเขาเข้มแข็ง
แสดงข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติให้ทุกคนได้เห็น ไม่ว่าลูกบางคนจะทำอะไรก็ตาม
ลูกก็จัดทำแผนต่างๆ มากมาย ลูกกำลังทำสิ่งนั้นอยู่แล้ว ลูกกำลังก้าวไปได้ด้วยดี
แต่ตอนนี้ จงนำกลุ่มคนเหล่านั้นทั้งหมดมาอยู่เบื้องหน้าบาบา
เพื่อที่ข้อพิสูจน์ของงานรับใช้จะได้ถูกวางเบื้องหน้าครอบครัวบราห์มินทั้งหมด
สิ่งนี้โอเคไหม? อย่างไรก็ตาม ลูกทุกคนก็ดี ลูกดีที่สุดในบรรดาทั้งหมด อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกทำให้สภาพของลูกสูงส่งด้วยติลักของสำนึกรู้สามประเภท
และด้วยเหตุนี้จึงกลับมาไม่ไหวหวั่นสั่นคลอน
บัพดาดาได้มอบติลักแห่งสำนึกรู้สามประเภทให้กับลูกๆทุกคน หนึ่งคือสำนึกรู้ในตนเอง
สองคือสำนึกรู้ในพ่อ และสามคือสำนึกรู้ในกรรมที่สูงส่ง นั่นคือ สำนึกรู้ถึงละคร
ผู้ที่ตระหนักรู้ถึงสำนึกรู้สามประเภทนี้อยู่เสมอจะมีสภาพที่สูงส่ง
พร้อมกับการมีสำนึกรู้ของการเป็นดวงวิญญาณ ลูกก็มีสำนึกรู้ในพ่อด้วย ดังนั้น
พร้อมกับพ่อ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสำนึกรู้ถึงละคร
เพราะหากลูกมีความรู้ถึงละครในกรรมของลูกแล้ว ลูกก็จะไม่มีความแปรปรวนใดๆ
ลูกจะอยู่อย่างมั่นคงและไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนในสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
คติพจน์:
ให้สายตาของลูกเป็นทางจิต ให้จิตใจของลูกเยือกเย็น และให้สติปัญญาของลูกมีเมตตา