05.09.24       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ที่นี่ลูกได้รับความรักของหนทางครอบครัว เพราะพ่อพูดจากหัวใจของท่านว่า ลูกๆของพ่อ ลูกได้รับมรดกจากพ่อ กูรูผู้ที่มีร่างกายไม่สามารถให้ความรักนี้ได้

คำถาม:
อะไรคือสิ่งชี้บอกของลูกผู้ที่ได้ดูดซับความรู้นี้ และมีสติปัญญาที่เฉียบแหลม?

คำตอบ:
พวกเขามีความใส่ใจที่จะถ่ายทอดความรู้แก่ผู้อื่น สติปัญญาของพวกเขาไม่ได้เร่ร่อนไปหาเพื่อนฝูงและญาติมิตร ฯลฯ ผู้ที่มีสติปัญญาที่เฉียบแหลมไม่เคยหาวในขณะศึกษาเล่าเรียน พวกเขาไม่เคยนั่งหลับตาในโรงเรียน ลูกๆผู้ที่นั่งที่นี่เหมือนกับคนบ้า, ที่สติปัญญาของพวกเขานั้นเร่ร่อนไปที่นั่นที่นี่จะไม่เข้าใจความรู้ เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับพวกเขาที่จะจดจำพ่อ

โอมชานติ
นี่คือการพบปะของพ่อกับลูกๆ นี่ไม่ใช่เมล่าของกูรูและสาวกของเขาหรือผู้ติดตามของเขา กูรูเหล่านั้นมองเห็นผู้คนเหล่านั้นว่าเป็นสาวกหรือนักเรียนของพวกเขา วิสัยทัศน์ของเขานั้นจะน้อยกว่า พวกเขามองดูผู้คนเหล่านั้นเพียงด้วยวิสัยทัศน์นั้น พวกเขาจะไม่มองดูที่ดวงวิญญาณ พวกเขาเพียงแต่มองดูร่างกายเท่านั้น และสาวกของเขาเองก็นั่งในสำนึกที่เป็นร่างเช่นกัน สาวกก็จะคิดว่าบุคคลนั้นเป็นกูรูของเขา สายตาของพวกเขาคือผู้นั้นคือกูรูของเรา พวกเขามีความเคารพนับถือต่อกูรูของพวกเขา มีความแตกต่างอย่างมากมายที่นี่ ที่นี่พ่อมีความเคารพนับถือต่อลูกๆ ท่านรู้ว่าท่านต้องสอนลูกๆ ท่านต้องสอนลูกๆว่าวงจรโลกหมุนไปอย่างไร และท่านต้องอธิบายประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ที่ไม่มีขีดจำกัดด้วยเช่นกัน กูรูเหล่านั้นไม่ได้มีความรักในหัวใจของพวกเขา (สำหรับสาวก) เสมือนหนึ่งว่าพวกเขาเป็นลูกของตน พ่อมีความรักอย่างมากมายต่อลูกๆ และลูกๆก็มีความรักต่อพ่อเช่นกัน ลูกรู้ว่าบาบากำลังบอกความรู้ของวงจรโลกแก่ลูก ผู้คนเหล่านั้นสอนอะไร พวกเขานั้นถ่ายทอดคัมภีร์ ฯลฯ มาถึงครึ่งวงจร พวกเขาเคยทำพิธีกรรมทางร่างกายของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาและสอนมันตรากายตรี ฯลฯ พ่อมาและกำลังให้คำแนะนำของท่านแก่ลูก เราไม่รู้จักพ่อเลย เราเคยเรียกท่านว่าอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกถามพวกเขาว่า พระเจ้าอยู่ที่ไหน? พวกเขาก็จะพูดว่าท่านอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน เมื่อผู้คนมาหาลูกและพวกเขาถามลูกว่า: “ลูกสอนอะไรที่นี่?” บอกพวกเขาว่า: เรากำลังสอนราชาโยคะที่จะทำให้คุณเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเทพ นั่นคือคุณกลายเป็นราชา ไม่มีชุมนุมทางจิตอื่นใดที่พวกเขาพูดว่าพวกเขาให้คำสอนเพื่อเปลี่ยนมนุษย์กลายเป็นเทพ เทพมีชีวิตอยู่ในยุคทองและมนุษย์มีชีวิตอยู่ในยุคเหล็ก เวลานี้เราอธิบายแก่คุณถึงความลับของวงจรโลกที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้ปกครองโลก เราได้แสดงวิธีการที่ดีมากที่จะกลับมาบริสุทธิ์แก่คุณเช่นกัน ไม่มีใครอื่นสามารถสอนวิธีการเช่นนั้นแก่คุณได้ นี่คือราชาโยคะที่ง่ายดาย พ่อคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ท่านนั้นเป็นผู้ทรงอำนาจเช่นกัน และดังนั้นด้วยการจดจำท่านบาปของลูกจะถูกเผาเพราะโยคะคือไฟ ดังนั้นได้มีการสอนสิ่งใหม่ๆ แก่ลูกที่นี่ นี่คือหนทางของความรู้ เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือมหาสมุทรแห่งความรู้ ความรู้และความเลื่อมใสศรัทธานั้นแยกห่างจากกัน พ่อต้องมาเพื่อสอนความรู้แก่ลูก เพราะท่านผู้เดียวเท่านั้นคือมหาสมุทรแห่งความรู้ ท่านผู้เดียวเท่านั้นที่มาและให้คำแนะนำของท่านแก่ลูก พ่อคือพ่อของทุกคน พ่อทำให้ทั้งโลกบริสุทธิ์ด้วยบราห์มา ยุคทองคือโลกที่บริสุทธิ์และยุคเหล็กคือโลกที่ไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นนี่คือการบรรจบกันของตอนสิ้นสุดของยุคเหล็กและตอนเริ่มต้นของยุคทอง สิ่งนี้เรียกว่ายุคก้าวกระโดด เรามีการก้าวกระโดดในยุคนี้ ไปที่ไหน? เรากระโดดจากโลกเก่าสู่โลกใหม่ ผู้คนเหล่านั้นค่อยๆลงบันไดมาทีละน้อย ที่นี่เราได้กระโดดจากโลกที่สกปรกไปสู่โลกใหม่ เราขึ้นไปเบื้องบนโดยตรง เราออกจากโลกเก่าและไปสู่โลกใหม่ นี่คือเรื่องที่ไม่มีขีดจำกัด มีผู้คนมากมายในโลกเก่าที่ไม่มีขีดจำกัด มีมนุษย์น้อยมากในโลกใหม่ที่เรียกว่าสวรรค์ ทุกคนที่นั่นอยู่อย่างบริสุทธิ์ ในยุคเหล็กทุกคนนั้นไม่บริสุทธิ์ ราวันทำให้ลูกไม่บริสุทธิ์ เราได้อธิบายแก่ทุกคน: เวลานี้คุณอยู่ในอาณาจักรของราวัน นั่นคือในโลกเก่า ดั้งเดิมแล้วคุณเคยอยู่ในอาณาจักรของรามที่ซึ่งเรียกว่าเป็นสวรรค์ เวลานี้เราสามารถบอกพวกคุณว่าเราเคยวนไปรอบวงจรของ 84 ชาติเกิดและลงมา ผู้ที่รู้คิดและดีมากนั้นก็จะเข้าใจได้อย่างเร็ว ผู้ที่สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในสติปัญญาของพวกเขาก็จะนั่งที่นั่นเหมือนคนบ้าที่จะมองไปรอบๆที่นั่นที่นี่ พวกเขาจะไม่รับฟังด้วยความใส่ใจ มีคำพูดว่าคุณนั้นเป็นเหมือนคนบ้า เมื่อซันยาสซีถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขา หากใครบางคนนั้นสัปหงกหรือความใส่ใจของเขานั้นไปสู่ที่อื่น ก็จะมีการถามบุคคลนั้นในทันทีว่า ฉันได้พูดอะไร? พ่อเช่นกันก็เฝ้าแต่มองดูทุกคนเพื่อที่ให้แน่ใจว่าไม่มีใครนั่งอยู่ที่นี่เหมือนคนบ้า ผู้ที่เป็นลูกๆที่มีความเฉียบแหลมที่ดีมากนั้นก็จะไม่เคยหาวนอนขณะที่ศึกษาเล่าเรียน ไม่ใช่เรื่องปกติที่ใครจะนั่งในโรงเรียนพร้อมกับหลับตา พวกเขาไม่เข้าใจความรู้เลย จึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะจดจำพ่อ บาปของพวกเขาจะสามารถถูกตัดออกไปได้อย่างไร? ผู้ที่มีสติปัญญาที่เฉียบแหลมก็จะดูดซับทุกสิ่งอย่างดีมาก และมีความใส่ใจที่จะแบ่งปันความรู้กับผู้อื่น เมื่อใครบางคนไม่มีความรู้สติปัญญาก็เร่ร่อนไปหาเพื่อนฝูงและญาติมิตร ที่นี่พ่อพูดว่า ลูกต้องลืมทุกสิ่งอื่น ไม่มีสิ่งใดที่ควรจดจำในเวลาสุดท้าย บาบาได้เห็นซันยาสซี ฯลฯ ผู้ที่เชื่อถืออย่างแรงกล้าในธาตุบราห์ม พวกเขานั่งและจดจำธาตุบราห์มแต่เช้าตรู่และละร่างของพวกเขาในวิธีนั้น ความเงียบสงบของพวกเขามีผลกระทบอย่างมาก อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถหลอมรวมไปกับธาตุบราห์มได้ พวกเขายังคงต้องเกิดผ่านครรภ์มารดา พ่อได้อธิบายแล้วว่า ที่จริงแล้วกฤษณะนั้นถูกเรียกว่าเป็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ผู้คนเพียงแค่พูดเช่นนั้นโดยที่ไม่มีความเข้าใจ พ่ออธิบายว่า: ศรีกฤษณะนั้นปราศจากกิเลสอย่างแท้จริง แต่เขาก็ไม่ได้เรียกว่าซันยาสซี เขาเรียกว่าเทพ ไม่ว่าจะเรียกเขาว่าเป็นซันยาสซีหรือเทพก็มีนัยสำคัญด้วยเช่นกัน เขากลายเป็นเทพได้อย่างไร? เขากลายเป็นเทพจากซันยาสซี เขาเคยมีการสละละทิ้งที่ไม่มีขีดจำกัดแล้วก็ได้จากไปสู่โลกใหม่ ผู้คนเหล่านั้นมีการสละละทิ้งที่มีขีดจำกัด พวกเขาไม่สามารถไปสู่ความไม่มีขีดจำกัดได้ พวกเขาต้องกลับมาใช้ชาติเกิดในความมีขีดจำกัดด้วยกิเลส พวกเขาไม่สามารถกลายเป็นนายของสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด พวกเขาไม่สามารถกลายเป็นราชาหรือราชินีได้เพราะศาสนาของพวกเขานั้นแยกออกไปต่างหาก ศาสนาของการสละละทิ้งไม่ใช่ศาสนาเทพ พ่อพูดว่า พ่อทำลายความไร้ศาสนาและก่อตั้งศาสนาเทพ กิเลสนั้นก็ไร้ศาสนาเช่นกัน เหตุนี้เองพ่อจึงพูดว่า พ่อต้องมาเพื่อทำลายทั้งหมดนั้นเพื่อก่อตั้งศาสนาเทพเดียวที่คงอยู่ตลอดไป เมื่อมียุคทองในบารัตก็มีเพียงศาสนาเดียว และแล้วศาสนานั้นก็กลายเป็นไร้ศาสนา เวลานี้ลูกกำลังก่อตั้งศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าแต่ละคนจะทำความเพียรพยายามมากเพียงใด เขาก็จะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงตามนั้น ลูกต้องมีศรัทธาว่าลูกคือดวงวิญญาณ ลูกอาจจะอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูก แต่ในขณะที่ทำเช่นนั้น ลูกสามารถทำให้สิ่งนี้มั่นคงมากเท่าที่เป็นไปได้ในขณะที่เดินเหินและเคลื่อนไหวไปมา ผู้เลื่อมใสศรัทธาก็ตื่นแต่เช้าตรู่ เข้าไปสู่ความสันโดษและหมุนลูกปัดของลูกประคำ บัญชีของลูกเป็นไปสำหรับทั้งวัน: ในเวลานี้ฉันมีความการจดจำมากมายเท่านี้ ตลอดทั้งวันฉันมีการจดจำระลึกถึงมากเท่านี้ แล้วลูกก็มีผลรวมทั้งหมด ผู้คนเหล่านั้นตื่นในตอนเช้าตรู่และหมุนลูกปัดของลูกประคำ แม้ว่าพวกเขานั้นอาจจะไม่ใช่ผู้เลื่อมใสศรัทธาที่แท้จริง สติปัญญาของบางคนก็เฝ้าแต่เร่ร่อนออกไปภายนอกทุกหนแห่ง เวลานี้ลูกเข้าใจว่าไม่มีประโยชน์ใดๆในการทำความเลื่อมใสศรัทธา นี่คือความรู้ที่จะทำให้มีคุณประโยชน์อย่างมาก เวลานี้คือสภาพของการขึ้นของลูก พ่อบอกลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า: มานมานะบาฟ! คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวไว้ในกีตะเช่นกัน แต่ไม่มีใครสามารถบอกความหมายของคำเหล่านั้นกับลูกได้ ไม่มีใครรู้ว่าจะตอบลูกอย่างไร ในความเป็นจริง ความหมายของสิ่งนั้นที่มีการเขียนไว้คือ: พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณละทิ้งศาสนาทางร่างทั้งหมดและจดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้นอย่างสม่ำเสมอ เหล่านี้คือคำพูดของพระเจ้า อย่างไรก็ตามในสติปัญญาของพวกเขากฤษณะคือพระเจ้า กฤษณะคือผู้ที่มีร่างกายที่ได้กลับมาใช้ชาติเกิด เขาจะสามารถเรียกว่าพระเจ้าได้อย่างไร? ดังนั้นไม่มีซันยาสซี ฯลฯ ที่มีสายตาของพ่อกับลูก แม้ว่าคานธีจีนั้นจะเรียกว่าเป็นบาบูจี(พ่อ) ลูกก็จะไม่เรียกความสัมพันธ์นั้นว่าเป็นความสัมพันธ์ของพ่อกับลูก เขาคือผู้ที่มีร่างกาย มีการอธิบายแก่ลูกแล้วว่า ลูกต้องพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ พ่อผู้ที่กำลังนั่งอยู่ในผู้นี้คือบาบูจี(พ่อ)ที่ไม่มีขีดจำกัด ลูกได้รับมรดกจากทั้งพ่อทางโลกและพ่อเหนือโลก ลูกไม่ได้รับสิ่งใดจากบาบูจี อัจชะ บารัตนั้นก็ได้รับเอกราช แต่นั่นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมรดก มันควรที่จะได้รับความสุข มีสองมรดก หนึ่งมาจากพ่อที่มีขีดจำกัดและอีกหนึ่งมาจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด ลูกไม่ได้รับมรดกจากบราห์มา แม้ว่าเขาคือพ่อของมวลมนุษยชาติ เขาก็เรียกว่าเป็นปู่ของปู่ของปู่ เขาเองก็พูดว่า ลูกไม่ได้รับมรดกใดๆจากเขา เมื่อผู้นี้เองพูดว่าลูกไม่ได้รับสิ่งใดจากเขา ลูกจะสามารถได้รับอะไรจากบาบูจีนั้น? ไม่มีสิ่งใดเลย! ชาวอังกฤษก็จากไปแล้ว มีอะไรในเวลานี้? มีการอดอาหารประท้วง การถือป้ายประท้วงและการนัดหยุดงาน ฯลฯ เฝ้าแต่เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ จะมีความก้าวร้าวรุนแรงมากมายอย่างต่อเนื่อง พวกเขาไม่เกรงกลัวผู้ใด พวกเขาฆ่าแม้กระทั่งข้าราชการอาวุโส แทนที่จะมีความสุขกลับมีความทุกข์มากขึ้น เป็นเรื่องของความไม่มีขีดจำกัดที่นี่เท่านั้น พ่อพูดว่าก่อนอื่นใดจงมีศรัทธาที่มั่นคง: ฉันเป็นดวงวิญญาณ ไม่ใช่ร่างกาย พ่อได้นำฉันมาเลี้ยงดู ฉันคือบุตรบุญธรรม ได้มีการอธิบายแก่ลูกแล้วว่าพ่อผู้เป็นมหาสมุทรแห่งความรู้ได้มาและท่านได้อธิบายความลับของวงจรโลกแก่ลูก ไม่มีใครอื่นสามารถอธิบายสิ่งนี้ได้ พ่อพูดว่า ลืมร่างของลูกและศาสนาทางร่างทั้งหมดและจดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้นอย่างสม่ำเสมอ ลูกต้องกลับมาสโตประธานอย่างแน่นอน ลูกรู้เช่นกันว่าโลกเก่าจะถูกทำลายอย่างแน่นอน มีผู้คนน้อยนิดมากในโลกใหม่ มีความแตกต่างอย่างมากมายระหว่างดวงวิญญาณนับล้านกับเพียง 900,000 ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นจะไปที่ไหน? เวลานี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่า เราดวงวิญญาณทั้งหมดเคยอยู่เบื้องบนนั้น และแล้วเราก็มาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของเรา ดวงวิญญาณถูกเรียกว่าเป็นนักแสดง ดวงวิญญาณแสดงผ่านร่างกายนี้ ดวงวิญญาณต้องการอวัยวะของเขา ดวงวิญญาณนั้นเล็กมาก ไม่ได้มี 8.4 ล้านชาติเกิด หากทุกคนต้องใช้ 8.4 ล้านชาติเกิด บทบาทนั้นจะซ้ำรอยได้อย่างไร? ลูกจะไม่จดจำสิ่งใดเลย มันจะอยู่เหนือความทรงจำของลูก ลูกไม่สามารถจดจำได้แม้แต่ 84 ชาติเกิด ลูกลืมสิ่งเหล่านั้น เวลานี้ลูกต้องจดจำพ่อและกลับมาบริสุทธิ์อย่างแน่นอน บาปของลูกจะถูกเผาด้วยไฟโยคะนี้ ลูกมีศรัทธาเช่นกันว่าลูกได้ประกาศสิทธิ์ในมรดกที่ไม่มีขีดจำกัดของลูกจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดทุกๆวงจร เวลานี้เพื่อที่ลูกจะกลายเป็นชาวสวรรค์ พ่อได้พูดว่า จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้นอย่างสม่ำเสมอ เพราะพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ลูกเคยเรียกหาพ่อ และดังนั้นพ่อจึงมาเพื่อทำให้ลูกบริสุทธิ์ เทพนั้นบริสุทธิ์ในขณะที่มนุษย์นั้นไม่บริสุทธิ์ ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์และไปสู่ดินแดนแห่งความสงบ ลูกต้องการจะไปสู่ดินแดนแห่งความสงบหรือดินแดนแห่งความสุข? ซันยาสซีพูดว่าความสุขเป็นเหมือนกับมูลกาและพวกเขาต้องการความสงบ ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถไปสู่ยุคทองได้ ในยุคทองมีศาสนาของหนทางของการครองเรือน เหล่าเทพนั้นปราศจากกิเลสและพวกเขาก็กลับมาไม่บริสุทธิ์ในขณะที่พวกเขาได้กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ เวลานี้พ่อพูดว่า ลูกต้องกลับมาปราศจากกิเลส หากลูกต้องการจะไปสวรรค์จงจดจำพ่อและบาปของลูกจะถูกตัดออกไป และลูกจะกลายเป็นดวงวิญญาณบุญที่บริสุทธิ์ และจากนั้นลูกก็จะไปสู่ดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุข เคยมีความสงบพร้อมกับความสุขที่นั่น เวลานี้เป็นดินแดนแห่งความทุกข์ พ่อมาและก่อตั้งดินแดนแห่งความสุขอีกครั้งและทำลายดินแดนแห่งความทุกข์ ภาพลักษณ์ก็อยู่เบื้องหน้าลูกเช่นกัน ถามพวกเขาว่า: เวลานี้คุณยืนอยู่ที่ไหน? เวลานี้เป็นตอนสิ้นสุดของยุคเหล็กและการทำลายล้างเพียงแต่อยู่ข้างหน้า จะเหลือเพียงชิ้นเล็ก ๆ มีทวีปไม่มากนักที่นั่น พ่อผู้เดียวเท่านั้นนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกถึงประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของโลก นี่คือโรงเรียน พระเจ้าพูด: ก่อนอื่นใดลูกต้องให้คำแนะนำของพ่อ เวลานี้ลูกต้องไปจากยุคเหล็กสู่ยุคทอง ที่นั่นไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความสุข การจดจำผู้เดียวคือการจดจำระลึกถึงที่ไม่มีสิ่งใดเจือปน ลูกต้องลืมร่างกายของลูกด้วยเช่นกัน ลูกมาจากดินแดนแห่งความสงบและลูกก็ต้องกลับไปยังดินแดนแห่งความสงบ ไม่มีผู้ที่ไม่บริสุทธิ์สามารถไปที่นั่น ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์โดยการจดจำพ่อและไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้น ลูกต้องนั่งและอธิบายสิ่งนี้อย่างชัดเจนมาก ก่อนหน้านี้ลูกไม่ได้มีภาพทั้งหมดนี้ ทุกสิ่งที่เคยอธิบายให้แก่ลูกสั้นๆโดยไม่มีภาพ ลูกต้องเปลี่ยนจากมนุษย์ให้กลายเป็นเทพในโรงเรียนนี้ นี่คือความรู้สำหรับโลกใหม่ เพียงพ่อเท่านั้นที่ให้ความรู้นี้ สายตาของพ่อจะคงอยู่กับลูกๆ ท่านสอนเราดวงวิญญาณ ลูกอธิบายด้วยเช่นกันว่าพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดกำลังอธิบายแก่ลูก ชื่อของท่านคือชีพบาบา เมื่อลูกพูดว่า “บาบาที่ไม่มีขีดจำกัด” พวกเขาก็จะสับสน เพราะมีบาบาอยู่มากมาย แม้แต่นายกเทศมนตรีก็เรียกว่าบาบา พ่อพูดว่า พ่อเข้ามาในผู้นี้ แต่ถึงอย่างนั้นชื่อของพ่อก็ยังคงเป็นชีวา พ่อให้ความรู้แก่ลูกผ่านพาหนะนี้ พ่อได้รับผู้นี้มาดูแลและให้ชื่อเขาว่าประชาบิดาบราห์มา เขาก็ได้รับมรดกจากพ่อเช่นกัน อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ถึงเวลาที่จะกระโดดจากโลกเก่าสู่โลกใหม่แล้ว ดังนั้นจงมีการสละละทิ้งที่ไม่มีขีดจำกัดต่อโลกเก่า นำสิ่งนั้นออกไปจากสติปัญญาของลูก

2. ให้ความใส่ใจอย่างเต็มที่ต่อการศึกษา ไม่ใช่เรื่องปกติที่นักเรียนจะนั่งในโรงเรียนด้วยการปิดตาของเขา ให้ความใส่ใจว่าสติปัญญาของลูกไม่ได้เร่ร่อนไปที่นั่นที่นี่ในเวลาของการศึกษาเล่าเรียนและลูกไม่ได้หาว ไม่ว่าลูกจะได้ยินอะไรจงเฝ้าแต่ดูดซับสิ่งนั้น

พร:
ขอให้ลูกมีสิทธิ์ต่ออำนาจของการปกครองโลก ด้วยการมีอำนาจของการปกครองตนเองและด้วยความซาบซึ้งทางจิตของลูก ลืมโลกเก่า

ผู้ที่ประกาศสิทธิ์ในมรดกของพ่อในยุคบรรจบพบกันคือผู้ที่มีสิทธิ์ต่ออำนาจการปกครองตนเอง และมีสิทธิ์ต่ออาณาจักรของโลก วันนี้ลูกมีอำนาจของการปกครองตนเองและพรุ่งนี้ลูกจะมีอาณาจักรของโลก นี่เป็นเพียงเรื่องของวันนี้และพรุ่งนี้ ลูกดวงวิญญาณผู้ที่มีสิทธิ์เช่นนั้นคงอยู่ในความซาบซึ้งทางจิตและความซาบซึ้งนั้นทำให้ลูกลืมโลกเก่าได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่มีสิทธิ์ไม่มีวันขึ้นอยู่กับวัตถุ, ผู้คนหรือสันสการ์ใดๆ พวกเขาไม่ต้องทำความเพียรพยายามที่จะทิ้งสิ่งที่มีขีดจำกัด เพราะสิ่งเหล่านั้นจะทิ้งพวกเขาไปโดยอัตโนมัติ

คติพจน์:
ผู้ที่ใช้ทุกวินาที ทุกลมหายใจ และสมบัติทั้งหมดของพวกเขาในหนทางที่มีค่าเท่านั้นจะกลายเป็นตัวของความสำเร็จ