05.11.25 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน โลกนี้ทั้งหมดคือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของผู้ที่มีโรคภัย
บาบาได้มาเพื่อทำให้ทั้งโลกปราศจากโรคภัย
คำถาม:
ลูกๆ
ควรมีการตระหนักรู้ใดเพื่อที่ลูกจะไม่มีวันเหี่ยวเฉา
หรือมีประสบการณ์กับคลื่นแห่งความทุกข์?
คำตอบ:
ขณะนี้
พวกเราต้องจากร่างเก่าเหล่านี้และโลกเก่านี้และกลับบ้านแล้วกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ในโลกใหม่
ขณะนี้เรากำลังศึกษาราชาโยคะเพื่อไปสู่อาณาจักร
พ่อกำลังก่อตั้งดินแดนทางจิตวิญญาณของราชา (ราชสถาน) สำหรับพวกเราลูกๆ
เมื่อลูกรักษาการตระหนักรู้นี้ไว้จะไม่มีคลื่นใดๆ ของความทุกข์
เพลง:
ท่านคือแม่และท่านคือพ่อ...
โอมชานติ
เพลงนี้ไม่ใช่สำหรับลูกๆ มีการเปิดเพลงนี้เพื่ออธิบายให้แก่คนใหม่
ไม่ใช่ว่าทุกคนที่นี่จะรู้คิด ไม่เลย ผู้ที่ไม่รู้คิดที่ต้องถูกทำให้รู้คิด ลูกๆ
เข้าใจว่าลูกได้กลายเป็นผู้ที่ไม่รู้คิดมากแค่ไหน ขณะนี้พ่อกำลังทำให้ลูกรู้คิด
เช่นที่นักเรียนในโรงเรียนได้กลายเป็นผู้ที่รู้คิดด้วยการศึกษาเล่าเรียน
เขากลายเป็นนักกฎหมายหรือวิศวกรตามความเข้าใจของพวกเขา ที่นี่ลูกๆ
ดวงวิญญาณต้องกลับมารู้คิด เป็นดวงวิญญาณที่ศึกษาด้วยร่างกาย อย่างไรก็ตาม
การศึกษาที่ลูกได้รับภายนอกเพื่อการเลื้ยงชีพทางร่างของลูกเพียงชั่วคราว
ชาวฮินดูบางคนก็เปลี่ยนเป็นคริสต์เตียน ทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น?
เพื่อที่จะได้ความสุขเล็กน้อย เพื่อที่จะหางานได้ง่าย
และหาเงินทองเพื่อการหาเลี้ยงชีพของเขา ขณะนี้ลูกๆ
รู้ว่าก่อนอื่นใดลูกต้องกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
นี่คือสิ่งหลักเพราะโลกนี้มีโรคภัย ไม่มีมนุษย์แม้เพียงคนเดียวที่ไม่มีโรคภัย
แน่นอนที่มีโรคภัยไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
ทั้งโลกคือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษย์ไม่บริสุทธิ์และมีโรคภัย
ช่วงชีวิตของพวกเขาสั้นมากเช่นกัน พวกเขาประสบกับความตายในทันทีทันใด
พวกเขาถูกจับโดยกรงเล็บแห่งความตาย เพียงลูกๆ เท่านั้นที่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ ลูกๆ
ไม่เพียงแต่รับใช้บารัตเท่านั้นแต่ทั้งโลกอย่างแฝงตัว ที่สำคัญคือไม่มีใครรู้จักพ่อ
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นมนุษย์ แต่พวกเขาก็ไม่รู้จักพ่อเหนือโลกนี้
พวกเขาไม่มีความรักต่อท่าน พ่อพูดว่า : ขณะนี้จงมีความรักต่อพ่อ!
ขณะที่มีความรักต่อพ่อลูกจะกลับบ้านไปกับพ่อ
ลูกต้องอยู่ในโลกที่สกปรกนี้จนกระทั่งลูกกลับบ้าน
ก่อนอื่นใดจากการเป็นผู้มีสำนึกที่เป็นร่าง จงกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ!
แล้วลูกก็จะสามารถซึมซับความรู้และจดจำพ่อได้
ผู้ที่ไม่มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณก็ไม่มีประโยชน์ ทุกคนมีสำนึกที่เป็นร่าง
ลูกเข้าใจดีว่าถ้าถูกไม่กลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ
ลูกก็จะเป็นเหมือนเดิมอย่างที่ลูกเคยเป็นมาก่อน
สิ่งหลักคือการกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณไม่ใช่การรู้จักสิ่งสร้าง
ความรู้ของผู้สร้างและสิ่งสร้างได้รับการจดจำ ไม่ได้กล่าวว่า:
ความรู้ของสิ่งสร้างก่อน แล้วจึงเป็นผู้สร้าง ไม่เลย สิ่งแรกคือผู้สร้างผู้เป็นพ่อ
มีคำกล่าวว่า:โอ้ พระเจ้า ผู้เป็นพ่อ! ท่านมาและทำให้ลูกๆ ทัดเทียมกับท่าน
พ่อมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเสมอ และเหตุนี้เองท่านคือผู้ที่สูงสุด พ่อพูดว่า:
พ่อมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ พ่อทำให้ผู้เดียวที่พ่อเข้ามานี้มีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
พ่อเข้ามาในเขาเพื่อที่จะเปลี่ยนเขา เพราะเขาได้มีสำนึกที่เป็นร่างด้วยเช่นกัน
พ่อบอกเขา: จงพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำระลึกถึงพ่ออย่างถูกต้องแม่นยำ
มีผู้คนมากมายที่เชื่อว่าดวงวิญญาณแยกจากมนุษย์ เมื่อดวงวิญญาณจากร่าง
นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีสองสิ่ง พ่ออธิบายว่าลูกแต่คนคือดวงวิญญาณ
เป็นดวงวิญญาณที่กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่
ดวงวิญญาณนำร่างกายมาใช้และเล่นบทบาทของพวกเขา บาบาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า:
จงพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ สิ่งนี้ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างมาก
นักเรียนไปที่สวนเพื่อศึกษาอย่างสันโดษ
เมื่อบาทหลวงออกไปเดินเล่นพวกเขาก็เดินในความเงียบสงบ
พวกเขาไม่อยู่ในสำนึกของการเป็นดวงวิญญาณ
พวกเขาเพียงแค่อยู่ในการจดจำระลึกถึงพระคริสต์
พวกเขาสามารถจดจำพระคริสต์ได้ในขณะที่อยู่ที่บ้าน
แต่พวกเขาอยู่ในสันโดษเป็นพิเศษและจดจำพระคริสต์และไม่มองที่ใดอื่น
ผู้ที่ดีมากเชื่อว่าในขณะที่จดจำพระคริสต์พวกเขาจะไปหาพระคริสต์
พวกเขาเชื่อว่าพระคริสต์กำลังนั่งอยู่ในสวรรค์และพวกเขาก็จะไปสวรรค์ด้วย
พวกเขาเชื่อด้วยว่าพระคริสต์ได้ไปหาพระเจ้าแห่งสวรรค์ผู้เป็นพ่อ
และพวกเขาก็จะไปหาท่านด้วยการจดจำระลึกถึงท่านด้วยเช่นกัน
ชาวคริสต์เตียนทั้งหมดเป็นลูกของผู้เดียวนั้น พวกเขามีความรู้บางอย่างที่ถูกต้อง
เพราะดวงวิญูญาณของพระคริสต์ใม่ได้กลับบ้านไปเบื้องบน ชื่อ“พระคริสต์”เป็นชื่อของร่างกายที่ถูกตรึงบนกางเขน
ดวงวิญญาณไม่สามารถถูกตรึงบนไม้กางเขนได้
เป็นสิ่งที่ผิดที่จะกล่าวว่าดวงวิญญาณของพระคริสต์ได้ไปหาพระเจ้าผู้เป็นพ่อ
จะมีใครสามารถกลับบ้านได้อย่างไร?
ผู้ก่อตั้งแต่ละศาสนาจะต้องหล่อเลี้ยงศาสนาของเขาหลังจากที่ได้ก่อตั้งศาสนาขึ้นมาอย่างแน่นอน
เมื่ออาคารได้มีการทาสีใหม่ นั่นก็เป็นการบำรุงดูแลรักษาด้วย
ขณะนี้ลูกต้องจดจำพ่อที่ไร้ขีดจำกัด
ไม่มีใครนอกจากพ่อที่ไร้ขีดูจำกัดที่สามารถให้ความรู้นี้แก่ลูก
ลูกต้องให้ประโยชน์แก่ตนเอง จากการมีโรคภัยลูกต้องกลับมาปราศจากโรคภัย
นี่คือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของผู้ที่มีโรคภัย โลกคือโรงพยาบาลของผู้ที่มีโรคภัย
ผู้ที่มีโรคภัยจะตายอย่างรวดเร็วแน่นอน พ่อมาและทำให้ทั้งโลกปราศจากโรคภัย
ไม่ใช่ว่าลูกจะเป็นอิสระจากโรคภัยที่นี่ พ่อพูดว่า: ในโลกใหม่ที่ลูกจะปราศจากโรคภัย
ลูกไม่สามารถอยู่อย่างเป็นอิสระจากโรคภัยในโลกเก่าได้
ลักษมีและนารายณ์ปราศจากโรคภัยและสุขภาพดีเสมอ พวกเขามีช่วงชีวิตที่ยืนยาวที่นั่น
ผู้ที่มีกิเลสก็มีโรคภัย ผู้ที่ปราศจากกิเลสไม่มีโรคภัย
พวกเขาปราศจากกิเลสอย่างสมบูรณ์ พ่อเองพูดว่า: เวลานี้ ทั้งโลกโดยทั่วไป
และบารัตโดยเฉพาะมีโรคภัย แรกสุด ลูกๆ เข้ามาสู่โลกที่ปราศจากโรคภัย
ด้วยการอยู่ในการจาริกแสวงบุญของการจดจำระลึกถึงที่ลูกเป็นอิสระจากโรคภัย
ด้วยการจดจำระลึกถึงลูกจะไปยังบ้านที่แสนหวานของลูก นี่คือการจาริกแสวงบุญเช่นกัน
ดวงวิญญาณอยู่ในการจาริกแสวงบุญจะไปหาพ่อ ดวงวิญญาณสูงสุด
นี่คือการจาริกแสวงบุญทางจิต ไม่มีใครสามารถเข้าใจคำพูดเหล่านี้
ลูกเข้าใจสิ่งนี้ตามลำดับกันไปเช่นกัน แต่ลูกก็ลืม นี่คือสิ่งหลัก
เป็นสิ่งที่ง่ายมากที่จะอธิบาย อย่างไรก็ตาม
เพียงผู้ที่อยู่ในการจาริกแสวงบุญทางจิตด้วยตนเองเท่านั้นที่สามารถอธิบายแก่ผู้อื่นได้
ถ้าลูกเองไม่อยู่ในการจาริกแสวงบุญนี้และพยายามที่จะบอกผู้อื่น
ลูกศรของลูกจะยิงไม่ตรงเป้า ต้องมีพลังแห่งสัจจะ เราจดจำบาบาอย่างมาก
ภรรยาก็จดจำสามีของเธออย่างมาก ผู้นี้คือสามีเหนือสามีทั้งหมด
เป็นพ่อเหนือพ่อทั้งหมด และเป็นกูรูเหนือกูรูทั้งหมด
กูรูทั้งหลายก็จดจำพ่อเดียวนั้นด้วย แม้แต่พระคริสต์ก็เคยจดจำพ่อ
แต่ไม่มีใครรู้จักท่าน เพียงเมื่อพ่อมาเท่านั้นที่ท่านจะให้คำแนะนำของท่าน
ผู้คนชาวบารัตไม่รู้จักพ่อ แล้วผู้อื่นจะรู้จักพ่อได้อย่างไร?
ผู้คนจากต่างแดนมาเพื่อศึกษาโยคะ พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าสอนโยคะโบราณ
พวกเขามีศรัทธาในสิ่งนี้ พ่อพูดว่า: เพียงครั้งเดียวเท่านั้นทุกๆ
วงจรที่พ่อมาและสอนโยคะโบราณที่แท้จริงแก่ลูก
สิ่งหลักคือพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ
สิ่งนี้เรียกว่าโยคะทางจิตวิญญาณ โยคะอื่นๆ ทั้งหมดคือโยคะทางร่างกาย
พวกเขามีโยคะกับธาตุบราห์มแห่งแสง นั่นไม่ใช่พ่อ นั่นคือธาตุที่ยิ่งใหญ่
เป็นสถานที่อยู่อาศัย พ่อผู้เดียวเท่านั้นที่ถูกต้อง
เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่เรียกว่าสัจจะ
ผู้คนของบารัตไม่รู้ว่าพ่อคือสัจจะอย่างไร
เพียงท่านเท่านั้นที่ก่อตั้งดินแดนแห่งสัจจะ
มีดินแดนแห่งสัจจะและดินแดนแห่งความหลอกลวง เมื่อลูกมีชีวตอยู่ในดินแดนแห่งสัจจะ
อาณาจักรของราวันไม่ได้คงอยู่ เป็นหลังจากครึ่งหนึ่งของวงจรที่อาณาจักรของราวัน
ดินแดนแห่งความหลอกลวงเริ่มต้น ยุคทองทั้งหมดกล่าวได้ว่าเป็นดินแดนแห่งสัจจะ
ตอนสิ้นสุดของยุคเหล็กคือดินแดนแห่งความหลอกลวงที่สมบูรณ์
ขณะนี้ลูกกำลังนั่งอยู่ในการบรรจบพบกัน ลูกไม่ได้อยู่ที่นี่หรือที่นั่น
ขณะลูกกำลังเดินทาง เป็นดวงวิญญาณที่เดินทางไม่ใช่ร่างกาย
พ่อมาสอนลูกถึงวิธีที่จะเดินทาง ท่านสอนถึงวิธีที่จะไปที่นั่นจากที่นี่
แล้วผู้คนก็เดินทางไปยังดวงจันทร์ ดวงดาว ฯลฯ เวลานี้ลูกรู้ว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ
ในสิ่งนั้น เป็นไปด้วยสิ่งเหล่านั้นที่การทำลายล้างจะเกิดขึ้น
ความเพียรพยายามทั้งหมดที่พวกเขากำลังทำอยู่ก็ไร้ประโยชน์
ลูกรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นที่กำลังสร้างขึ้นด้วยวิทยาศาสตร์จะเป็นประโยชน์แก่ลูกในอนาคต
ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดมาและสอนลูก
ดังนั้นลูกควรมีความนับถือท่านอย่างมาก โดยทั่วไปมีความนับถือต่อครูอย่างมาก
ครูสอนลูกให้ศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดีและสอบผ่าน หากลูกไม่เชื่อฟังครูลูกก็สอบตก
พ่อพูดว่า: พ่อสอนลูกเพื่อทำให้ลูกกลายเป็นนายของโลก ลักษมีและนารายณ์คือนาย
แม้กระทั่งปวงประชาของพวกเขาก็เป็นนายด้วย มีสถานภาพที่หลากหลาย
ผู้คนของบารัตพูดว่าพวกเขาคือนายของบารัต
แม้กระทั่งผู้ที่ยากจนก็คิดว่าตนเองเป็นนายของบารัต อย่างไรก็ตาม
มีความแตกต่างระหว่างราชาและพวกเขา ความแตกต่างในสถานภาพเป็นไปเนื่องจากความรู้
เราต้องมีความฉลาดในความรู้ ความบริสุทธิ์ก็สำคัญเช่นกัน
ต้องมีสุขภาพและความมั่งคั่งด้วย มีทุกสิ่งในสวรรค์
พ่ออธิบายเป้าหมายและวัตถุประสงค์แก่ลูก
ไม่มีใครในโลกมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์นี้ในสติปัญญาของเขา
ลูกพูดทันทีว่านี่คือสิ่งที่ลูกกำลังจะกลายเป็น
อาณาจักรของเราจะครอบคลุมทั่วทั้งโลก ขณะนี้คือรัฐบาลของประชาชนโดยประชาชน
เริ่มแรกมีผู้ที่มีมงกุฎสองชั้นและแล้วเป็นผู้ที่มีมงกุฎชั้นเดียวและเวลานี้เป็นผู้ที่ไม่มีมงกุฎเลย
บาบาได้บอกลูกในมุรลีให้ทำภาพของผู้ที่มีมงกุฎเดียวกำลังก้มลงให้กับราชาที่มีมงกุฎทั้งสอง
พ่อพูดว่า: เวลานี้พ่อกำลังทำให้ลูกกลายเป็นราชาเหนือราชาผู้มีมงกุฎทั้งสอง
พวกเขาคือราชาในระยะเวลาอันสั้น ในขณะที่นี่เป็นเรื่องของ 21 ชาติเกิด
สิ่งแรกและสิ่งหลักคือการกลับมาบริสุทธิ์
ลูกเรียกหาพ่อให้มาและชำระผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ให้บริสุทธิ์
ลูกไม่ได้ร้องขอให้มีการทำให้ลูกเป็นราชา เวลานี้ลูกมีการสละละทิ้งที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกจะจากโลกนี้และกลับบ้านแล้วก็ไปสวรรค์ ลูกควรมีความสุขนี้อยู่ภายใน
เมื่อลูกเข้าใจว่าลูกกำลังจะกลับบ้านและแล้วไปสู่อาณาจักรของลูก
เหตุใดลูกจึงเหี่ยวเฉาและมีประสบการณ์ของความทุกข์?
เราดวงวิญญาณจะกลับบ้านและจะกลับมาใช้ชาติเกิดในโลกใหม่ เหตุใดลูกๆ
จึงไม่มีประสบการณ์ของความสุขที่ถาวร?
เป็นเพราะมีการต่อต้านอย่างมากจากมายาที่ความสุขของลูกลดลง
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์พูดว่า:
จงจดจำพ่อแล้วบาปของหลายต่อหลายชาติเกิดของลูกจะถูกเผาไหม้
ลูกกลายเป็นสวาดาชันจักรดารี ลูกรู้ว่าลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งราชาของลูก
ที่นี่มีราชาประเภทต่างๆมากมาย เวลานี้กำลังจะกลายเป็นราชสถานทางจิต (ดินแดนของราชา)
ลูกจะกลายเป็นนายแห่งสวรรค์ ชาวคริสต์เตียนไม่เข้าใจคำว่าสวรรค์หมายความว่าอย่างไร
พวกเขาเรียกดินแดนแห่งการหลุดพ้นว่าสวรรค์
ไม่ไช่ว่าพระเจ้าแห่งสวรรค์ผู้เป็นพ่อจะอาศัยอยู่ในสวรรค์
ท่านอยู่ในดินแดนแห่งความสงบ
เวลานี้ลูกกำลังทำความเพียรพยายามเพื่อไปสู่ดินแดนสวรรค์ ลูกต้องแสดงความแตกต่างนี้
พระเจ้าผู้เป็นพ่อคือผู้เดียวที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งการหลุดพ้น
ในขณะที่โลกใหม่เรียกว่าสวรรค์ ไม่มีชาวคริสต์เตียนเลยที่นั่น(ในโลกใหม่)
เพียงพ่อที่มาและก่อตั้งสวรรค์
สถานที่ที่ลูกเรียกว่าดินแดนแห่งความสงบซึ่งพวกเขาเรียกว่าสวรรค์
สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจ พ่อพูดว่า: ความรู้นี้ง่ายดายมาก
นี่คือความรู้ที่จะกลับมาบริสุทธิ์
และไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต
เพียงพ่อเท่านั้นที่ให้ความรู้นี้ เมื่อใครบางคนกำลังถูกจับใส่ตะแลงแกง
เขาเข้าใจอยู่ภายในว่าเขากำลังจะไปหาพระเจ้า
เพชฌฆาตบอกเขาให้จดจำระลึกถึงพระเจ้าแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่รู้จักพระเจ้าก็ตาม
คนนั้นเพียงแค่จดจำเพื่อนฝูงและญาติมิตรของเขาในเวลานั้น ได้มีการจดจำกันว่า:
ใครที่จดจำภรรยาของเขาในเวลาสุดท้าย... เขาจะจดจำใครคนใดคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน
เพียงในยุคทองที่พวกเขาเป็นผู้เอาชนะความผูกพันยึดมั่น
ที่นั่นพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะละร่างกายและรับร่างใหม่
ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการจดจำระลึกถึงที่นั่น ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวว่า:
ทุกคนจดจำพระเจ้าในเวลาที่มีความทุกข์ มีความทุกข์ที่นี่
ดังนั้นพวกเขาจดจำระลึกถึงท่านโดยหวังว่าจะได้รับบางสิ่งจากพระเจ้า
ที่นั่นพวกเขาได้รับทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
ลูกสามารถพูดได้ว่าเป้าหมายของลูกคือการทำให้มนุษย์กลายเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าและทำให้พวกเขาเป็นของพระผู้เป็นเจ้าและผู้เป็นนาย
เวลานี้ทั้งหมดเป็นลูกกำพร้า เวลานี้เราเป็นของพระผู้เป็นเจ้าและผู้เป็นนาย
เพียงพ่อเท่านั้นที่ให้มรดกแห่งความสุข ความสงบและความเจริญรุ่งเรือง
ลักษมีและนารายณ์มีชีวิตที่ยืนยาว
ลูกก็รู้เช่นกันว่าก่อนหน้านี้ผู้คนของบารัตเคยมีชีวิตที่ยืนยาว
เวลานี้พวกเขามีชีวิตสั้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงสั้นขนาดนี้
มันง่ายมากสำหรับลูกที่จะเข้าใจสิ่งนี้แล้วอธิบายให้แก่ผู้อื่น
สิ่งนี้ตามลำดับกันไปเช่น คำอธิบายของแต่ละคนเป็นของเขาเอง
ลูกแต่ละคนก็อธิบายตามที่ลูกได้ซึมซับมากแค่ไหน อัจชะ
ถึงลูกๆ
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก
ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
เช่นที่พ่อมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณอยู่เสมอ
ดังนั้นลูกก็ควรทำความเพียรพยายามอย่างเต็มที่ในมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
ด้วยหัวใจของลูกมีความรักต่อพ่อผู้เดียว ลูกจะกลับบ้านพร้อมกับท่าน
2.
มีความเคารพนับถืออย่างเต็มที่ต่อพ่อที่ไร้ขีดจำกัด
นั่นคือการทำตามคำแนะนำสั่งสอนของพ่อ คำสอนแรกของพ่อคือ: ลูกๆ
ศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดีและสอบผ่าน! จงทำตามคำแนะนำสั่งสอนเหล่านี้
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้รับใช้ที่แท้จริงและเติมเต็มผู้ที่อ่อนแอด้วยพลังผ่านงานรับใช้ที่มีพลังของลูก
คุณสมบัติพิเศษที่แท้จริงของผู้รับใช้ที่แท้จริงคือการเป็นเครื่องมือในการเติมพลังให้กับผู้ที่อ่อนแอ
ทุกคนทำงานรับใช้
แต่เหตุผลของความแตกต่างที่เห็นในความสำเร็จของพวกเขาคือการขาดพลังในสิ่งอำนวยความสะดวกของงานรับใช้
ตัวอย่างเช่นเมื่อดาบไม่คมดาบนั้นจะไม่ทำงาน ในทำนองเดียวกัน
ถ้าสิ่งอำนวยความสะดวกในงานรับใช้ไม่มีพลังในการจดจำระลึกถึงในสิ่งนั้นก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
เหตุนี้เองลูกจึงต้องกลายเป็นผู้รับใช้ที่มีพลัง
เติมคนอ่อนแอด้วยพลังและทำให้ดวงวิญญาณที่มีคุณภาพปรากฏออกมา
และแล้วลูกก็จะถูกเรียกว่าผู้รับใช้ที่แท้จริง
คติพจน์:
พิจารณาทุกสถานการณ์ว่าเป็นวิธีของสภาพที่โบยบินและโบยบินต่อไปเรื่อยๆ
อย่างสม่ำเสมอ
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน:
เพิ่มการฝึกฝนสภาพปราศจากร่าง(ashariri and videhi)
การกลับมาปราศจากร่างจริงๆ แล้วง่ายมาก แต่เพื่อที่จะคิดและกลับมาปราศจากร่าง
เมื่อลูกมีสถานการณ์อยู่เบื้องหน้าลูก เมื่อมีบางคนสับสนในงานรับใช้
หรือสถานการณ์ที่นำมาซึ่งความปั่นป่วน ลูกจำเป็นต้องฝึกฝนเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
เมื่อการคิดและการกระทำของลูกเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน
และแล้วลูกก็จะสามารถผ่านข้อสอบสุดท้าย