06.09.24       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน การศึกษาของลูกนี้เป็นแหล่งแห่งรายได้ ด้วยการศึกษานี้ลูกเตรียมรายได้เป็นเวลาถึง 21 ชาติเกิด

คำถาม:
เป็นรายได้หรือการสูญเสียที่ไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้น?

คำตอบ:
สำหรับผู้เลื่อมใสศรัทธานั่นเป็นรายได้ เพราะเป็นเวลาครึ่งวงจรที่พวกเขาได้ร้องขอความสงบ แม้แต่หลังจากทำความเพียรพยายามมาอย่างมาก พวกเขาก็ยังไม่พบความสงบ เวลานี้พวกเขาได้รับความสงบจากพ่อ นั่นคือพวกเขาต้องไปยังดินแดนแห่งการหลุดพ้น ดังนั้นนั่นคือผลของความเพียรพยายามของครึ่งวงจรของพวกเขา เหตุนี้เองจึงกล่าวกันว่าเป็นรายได้ไม่ใช่การสูญเสีย ลูกๆกำลังทำความเพียรพยายามเพื่อไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้น เวลานี้ลูกมีประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของทั้งโลกร่ายรำอยู่ในสติปัญญาของลูก

โอมชานติ
พ่อทางจิตได้อธิบายแก่ลูกๆที่สุดแสนหวานว่า เป็นจิตวิญญาณที่เข้าใจทุกสิ่ง เวลานี้พ่อกำลังพาลูกๆไปสู่โลกทางจิต นั่นเรียกว่าโลกทางจิตของเหล่าเทพและโลกนี้เรียกว่าโลกวัตถุซึ่งเป็นโลกของมนุษย์ ลูกๆเข้าใจว่าเคยมีโลกของเทพ เป็นโลกที่บริสุทธิ์ของมนุษย์ที่สูงส่ง เวลานี้มนุษย์ไม่บริสุทธิ์ และเหตุนี้เองพวกเขาจึงยกย่องและกราบไหว้บูชาเทพเหล่านั้น ลูกมีสำนึกรู้ว่าในต้นไม้ที่จริงแล้วในตอนแรกมีเพียงศาสนาเดียว ลูกต้องอธิบายภาพลักษณ์ของต้นไม้ด้วยเช่นกัน เมื่อลูกอธิบายภาพลักษณ์ที่หลากหลาย เมล็ดของต้นไม้นี้อยู่เบื้องบน พ่อคือเมล็ดของต้นไม้ เมล็ดเป็นเช่นไร ผลก็เป็นเช่นนั้น นั่นคือใบไม้ที่ปรากฏออกมาจากเมล็ด นี่คือความมหัศจรรย์เช่นกัน สิ่งที่สุดแสนเล็กเช่นนั้นได้ให้ผลมากมาย! รูปของมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆอย่างมาก ไม่มีใครรู้จักต้นไม้โลกมนุษย์นี้ สิ่งนี้เรียกว่าต้นกัลปะ สิ่งนี้ได้มีการกล่าวไว้ในกีตะเท่านั้น ทุกคนรู้ว่ากีตะคือคัมภีร์ศาสนาอันดับหนึ่ง คัมภีร์ก็ตามลำดับกันไปด้วยเช่นกันเช่นเดียวกับที่ศาสนามีการสร้างขึ้นตามลำดับกัน เพียงลูกๆเท่านั้นที่เข้าใจสิ่งนี้ ไม่มีใครอื่นมีความรู้นี้ สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่าศาสนาใดเป็นอันดับแรกในต้นไม้ และจากนั้นศาสนาอื่นๆเติบโตอย่างไร สิ่งนี้เรียกว่าการละเล่นที่หลากหลาย ทั้งต้นไม้อยู่ในสติปัญญาของลูกๆ สิ่งหลักคือต้นไม้เติบโตอย่างไร ลำต้นของเหล่าเทพไม่ได้มีอยู่ในเวลานี้ กิ่งก้านสาขาทั้งหมดก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่น แต่รากฐานของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปไม่ได้คงอยู่ มีการจดจำกันว่าศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปได้มีการก่อตั้งขึ้น และศาสนาอื่นๆทั้งหมดก็ถูกทำลาย เวลานี้ลูกรู้ว่าต้นไม้เทพจะเล็กมาก ในเวลานั้นไม่มีศาสนาอื่นใดที่จะมีอยู่ ต้นไม้นั้นเล็กในตอนแรกแล้วก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้ค่อยๆเติบโตทีละน้อยและเวลานี้มีขนาดใหญ่โตมาก ช่วงชีวิตของต้นไม้จบสิ้นลงแล้วในเวลานี้ ต้นบันยานเป็นตัวอย่างที่ดีมากที่จะอธิบายสิ่งนี้ นี่คือความรู้ของกีตะด้วยเช่นกัน พ่อนั่งที่นี่และพูดกับลูกเป็นการส่วนตัวที่จะทำให้ลูกกลายเป็นราชาเหนือราชา และต่อมาในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาคัมภีร์กีตะฯลฯ ก็จะมีการเขียนขึ้นอีกครั้ง ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้วเป็นนิรันดร์ สิ่งเดียวกันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และแล้วไม่ว่าศาสนาใดที่มีการก่อตั้งขึ้นมา ศาสนานั้นก็จะมีคัมภีร์ของตนเอง ศาสนาซิกข์จะมีคัมภีร์ของตนเอง และชาวคริสเตียนและชาวพุทธจะมีคัมภีร์ของพวกเขาเอง ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของทั้งโลกกำลังร่ายรำอยู่ในสติปัญญาของลูกในเวลานี้ สติปัญญากำลังร่ายรำในการร่ายรำของความรู้ ลูกรู้จักทั้งต้นไม้และศาสนาต่างๆเกิดมาอย่างไรและต้นไม้เติบโตอย่างไร และศาสนาเดียวของเรานั้นได้มีการก่อตั้งขึ้นมาอย่างไร และทุกสิ่งถูกทำลายอย่างไร พวกเขาร้องเพลง: เมื่อพระอาทิตย์แห่งความรู้ขึ้น… เวลานี้มีความมืดสนิทอย่างแท้จริง ในเวลานี้มีมนุษย์อยู่มากมายแต่ไม่ใช่พวกเขาทั้งหมดจะมีชีวิตอยู่ที่นี่ในเวลานั้น พวกเขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรของลักษมีและนารายณ์ ศาสนาเดียวนั้นต้องมีการก่อตั้งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพียงพ่อเท่านั้นที่มาและพูดความรู้นี้ ลูกๆมาและศึกษาความรู้อย่างมากเพื่อหารายได้ พ่อมาที่นี่ฐานะเป็นครูและดังนั้นจึงมีการเตรียมรายได้ของลูกเป็นครึ่งวงจรและลูกกลายเป็นผู้ที่มั่งคั่งอย่างมาก ลูกรู้ว่าเวลานี้ลูกกำลังศึกษาเล่าเรียน นี่คือการศึกษาของเพชรพลอยแห่งความรู้ที่ไม่สูญสลาย ความเลื่อมใสศรัทธาจะไม่กล่าวว่าเป็นของเพชรพลอยแห่งความรู้ที่ไม่สูญสลาย ด้วยสิ่งใดก็ตามที่พวกเขาศึกษาในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา จะมีแต่การสูญเสียเท่านั้น สิ่งเหล่านั้นไม่ได้กลายเป็นเพชรพลอย มีเพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่เรียกว่าเป็นมหาสมุทรของเพชรพลอยแห่งความรู้ สิ่งอื่นคือความเลื่อมใสศรัทธา ไม่มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ใดๆ ที่นั่น ไม่มีรายได้ใดๆ ที่นั่น พวกเขาศึกษาที่โรงเรียนเพื่อหารายได้ แล้วพวกเขาก็ไปหากูรูเพื่อแสดงความเลื่อมใสศรัทธา บางคนก็มีกูรูในวัยเยาว์และคนอื่นก็มีกูรูในวัยชรา บางคนก็มีการสละละทิ้งในวัยเยาว์ ผู้คนมากมายไปที่กุมภเมล่า ไม่มีสิ่งเหล่านั้นจะมีอยู่ในยุคทอง เวลานี้ลูกๆมีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในสำนึกรู้ของลูกแล้ว เวลานี้ลูกรู้จักผู้สร้างและตอนเริ่มตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้าง พวกเขาได้ยืดระยะเวลาของวงจรออกไป พวกเขาได้กล่าวว่าพระเจ้าอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่มีความรู้ใดๆเลย พ่อมาและปลุกลูกให้ตื่นจากการหลับใหลของความไม่รู้ เวลานี้ลูกกำลังดูดซับความรู้อย่างต่อเนื่อง แบตเตอรี่ของลูกได้รับการชาร์จอย่างต่อเนื่อง ด้วยความรู้ก็จะมีรายได้และด้วยความเลื่อมใสศรัทธาก็จะมีการสูญเสีย เมื่อเวลาของการสูญเสียจบสิ้นลง พ่อก็มาเพื่อจะดลใจให้ลูกหารายได้ การเข้าไปสู่การหลุดพ้นก็เป็นรายได้เช่นกัน ทุกคนเฝ้าแต่ร้องขอความสงบ ในขณะที่พูดว่า “โอ้ ผู้ประทานความสงบ” สติปัญญาของพวกเขาก็ตรงไปหาพ่อ พวกเขาพูดว่า ควรมีความสงบในโลก แต่ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ดินแดนแห่งความสงบนั้นแยกจากดินแดนแห่งความสุข พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่งสิ่งนั้น แม้แต่ผู้ที่เป็นอันดับหนึ่งก็ไม่รู้สิ่งใด เวลานี้ลูกมีความรู้ทั้งหมด ลูกรู้ว่าลูกมาเพื่อเล่นบทบาทการแสดงของลูกในสนามของการกระทำนี้ ลูกมาจากที่ไหน? จากโลกแห่งบราห์ม ลูกได้มาจากโลกที่ไม่มีตัวตนสู่โลกที่มีตัวตนนี้เพื่อเล่นบทบาทของลูก เราดวงวิญญาณคือผู้อาศัยอีกสถานที่หนึ่ง ร่างกายของวัตถุธาตุทั้งห้านี้ก็คงอยู่ที่นี่ เมื่อเรามีร่างกายเท่านั้นที่เราจะสามารถพูดได้ เราคือนักแสดงที่มีชีวิต ลูกจะไม่พูดอีกต่อไปว่าลูกไม่รู้เกี่ยวกับตอนเริ่มตอนกลางและตอนจบของละครนี้ ก่อนหน้านี้ลูกไม่รู้สิ่งนี้ ลูกไม่รู้จักพ่อ,บ้านและรูปของลูกอย่างถูกต้องแม่นยำ เวลานี้ลูกรู้ว่าดวงวิญญาณเฝ้าแต่เล่นบทบาทของเขาต่อไปอย่างไร ลูกได้จดจำสิ่งนี้ ก่อนหน้านี้ลูกไม่ได้จดจำสิ่งนี้ ลูกรู้ว่าเพียงพ่อที่แท้จริงเท่านั้นที่บอกสัจจะแก่ลูกที่จะทำให้ลูกกลายเป็นนายของดินแดนแห่งสัจจะ พวกเขาได้เขียนเกี่ยวกับสัจจะไว้ในคัมภีร์สุขมณี (เพลงสวดแห่งความสงบ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์กรันท์ของชาวซิกข์ ดินแดนแห่งสัจจะก็เรียกว่าสัจจะ เทพทั้งหมดคือผู้ที่พูดสัจจะ เป็นพ่อผู้ที่สอนสัจจะแก่ลูก ดูซิว่าท่านได้รับการยกย่องมากมายเพียงใด! คำยกย่องของท่านที่ได้รับการจดจำนั้นก็เป็นประโยชน์แก่ลูก ผู้คนยกย่องชีพบาบา ท่านผู้เดียวเท่านั้นที่รู้ถึงตอนเริ่ม,ตอนกลางและตอนจบของต้นไม้ พ่อบอกสัจจะแก่ลูกและดังนั้นลูกๆจึงกลายเป็นผู้มีสัจจะ ดินแดนแห่งสัจจะได้มีการสร้างขึ้นเช่นกัน บารัตเคยเป็นดินแดนแห่งสัจจะ นี่คือสถานที่จาริกแสวงบุญอันดับหนึ่งที่สูงสุดเหนือสิ่งใด เพราะพ่อผู้ให้การหลุดพ้นจากบาปแก่ทุกคนมาในบารัตเท่านั้น ศาสนาเดียวได้มีการก่อตั้งขึ้นและทุกสิ่งอื่นก็ถูกทำลาย พ่อได้อธิบายแก่ลูกแล้วว่าไม่มีสิ่งใดเลยในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงนิมิตที่ผู้คนได้รับ พวกเขามีนิมิตในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาด้วยเช่นกัน หากไม่มีนิมิต, วัดเหล่านั้น ฯลฯ จะถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร? เหตุใดการกราบไหว้บูชาจึงเกิดขึ้น? พวกเขามีนิมิตและรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นอยู่ในรูปที่มีชีวิต พ่ออธิบายว่า: วัดทั้งหมดฯลฯ ได้ถูกสร้างขึ้นในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ทุกสิ่งที่ลูกได้เห็นและได้ยินจะซ้ำรอย วงจรจะหมุนไปเรื่อยๆ การละเล่นของความรู้และความเลื่อมใสศรัทธาได้ถูกสร้างขึ้น มีคำกล่าวอยู่เสมอว่า ความรู้,ความเลื่อมใสศรัทธาและการวางเฉย อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้อะไรในรายละเอียดเลย พ่อนั่งที่นี่และอธิบายว่าความรู้คือกลางวันและความเลื่อมใสศรัทธาคือกลางคืน มีการวางเฉยในเวลากลางคืนแล้วก็กลายเป็นกลางวัน มีความทุกข์ในความเลื่อมใสศรัทธาและเหตุนั้นเองจึงมีการวางเฉยในสิ่งนั้น ลูกไม่สามารถพูดว่ามีการวางเฉยในความสุข การสละละทิ้งได้มีการนำมาใช้เนื่องจากความทุกข์ พวกเขาเชื่อว่ามีความสุขในความบริสุทธิ์ เหตุนี้เองพวกเขาจึงได้ทิ้งภรรยาของเขาและจากเธอไป ทุกวันนี้พวกเขากลายเป็นผู้ที่มั่งคั่ง เพราะใครก็ตามไม่สามารถได้รับความสุขโดยที่ไม่มีทรัพย์สมบัติ มายาจู่โจมพวกเขาและนำพวกเขากลับจากป่าเข้ามาสู่เมือง วิเวกอนันดาและรามากฤษณะเคยเป็นซันยาสซีที่ยิ่งใหญ่ผู้ที่เคยมีชีวิตอยู่ในอดีต รามากฤษณะมีพลังของการสละละทิ้ง แต่เป็นวิเวกอนันดาที่ได้อธิบายและฝึกฝนทุกสิ่งเกี่ยวกับความเลื่อมใสศรัทธา พวกเขาทั้งสองมีหนังสือทางศาสนา เมื่อใครบางคนเขียนหนังสือเขาก็นั่งอยู่ในสมาธิอย่างแน่วแน่ เมื่อรามากฤษณะเขียนประวัติชีวิตของเขาเอง เขาก็ได้บอกให้สาวกของเขานั่งอยู่ห่างๆ เขาเป็นซันยาสซีที่เข้มงวดมากผู้ที่มีชื่อเสียงมาก พ่อไม่ได้พูดว่าลูกต้องเรียกภรรยาของลูกว่าแม่ พ่อพูดว่า พิจารณาว่าเธอเป็นดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน ดวงวิญญาณทั้งหมดคือพี่น้องเพศชาย เรื่องราวของซันยาสซีนั้นแยกออกไป เขา (รามากฤษณะ) พิจารณาว่าภรรยาของเขาเป็นแม่ของเขา เขายกย่องมารดาของเขา นี่คือหนทางของความรู้ การวางเฉยคือสิ่งอื่น เนื่องจากการวางเฉย เขาจึงคิดว่าภรรยาของเขาเป็นแม่ของเขา ไม่สามารถมีสายตาที่เป็นอาชญากรเมื่อมีการใช้คำว่า “แม่” ด้วยความสัมพันธ์ของการเป็นพี่สาวหรือน้องสาว ก็สามารถมีสายตาที่เป็นอาชญากร จะไม่เคยมีความคิดที่เลวร้ายใดๆเกี่ยวกับผู้เป็นแม่ พ่อก็สามารถมีสายตาที่เป็นอาชญากรกับลูกสาวของเขา แต่จะไม่มีสายตาที่เป็นอาชญากรใดกับผู้เป็นแม่ ดังนั้นซันยาสซีจึงเริ่มที่จะพิจารณาว่าภรรยาของเขาเป็นแม่ของเขา ในการเชื่อมโยงกับเขา พวกเขาไม่ได้ถามว่า โลกจะดำเนินไปอย่างไร? สิ่งสร้างจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? นั่นเป็นเพียงคนเดียวผู้ที่มีการวางเฉยและคิดว่าภรรยาของเขาเป็นแม่ ดูซิว่าเขาได้รับการยกย่องมากมายเพียงใด! ที่นี่สายตาของผู้คนมากมายได้ถูกดูดดึงไปแม้กระทั่งด้วยสำนึกรู้ของความเป็นพี่น้องหญิงชาย เหตุนี้เองบาบาจึงพูดว่า ให้พิจารณาว่าตนเป็นพี่น้องชาย นี่คือเรื่องของความรู้ นั่นคือเรื่องของเพียงแค่คนเดียว ที่นี่มีพี่น้องหญิงชายมากมายผู้ที่เป็นลูกๆของประชาบิดาบราห์มา พ่อนั่งที่นี่และอธิบายทุกสิ่งแก่ลูก ผู้นี้ก็ได้ศึกษาคัมภีร์ ฯลฯ ด้วยเช่นกัน ศาสนาของหนทางสันโดษนั้นแตกต่างไป นั่นเป็นเพียงสำหรับผู้ชาย นั่นคือการวางเฉยที่มีขีดจำกัด ในขณะที่ลูกมีการวางเฉยในทั้งโลกที่ไม่มีขีดจำกัด พ่อมาในยุคบรรจบพบกันเท่านั้นและอธิบายสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัดแก่ลูก เวลานี้ลูกต้องมีการวางเฉยต่อโลกเก่านี้ นี่คือโลกที่สกปรกและไม่บริสุทธิ์อย่างมาก ร่างกายที่นี่ไม่สามารถบริสุทธิ์ได้ เพียงในยุคทองเท่านั้นที่ดวงวิญญาณจะได้รับร่างใหม่ แม้ว่าดวงวิญญาณจะกลับมาบริสุทธิ์ที่นี่ ร่างของเขาก็ยังคงอยู่อย่างไม่บริสุทธิ์จนกว่าเขาจะไปถึงสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรม เมื่ออัลลอยด์ปะปนในทองคำ เครื่องประดับที่ทำมาจากสิ่งนั้นก็มีการปะปนด้วยอัลลอยด์เช่นกัน เมื่ออัลลอยด์ถูกขจัดออกไป, เครื่องประดับก็จะเป็นทองแท้ด้วยเช่นกัน ทั้งดวงวิญญาณและร่างกายของลักษมีและนารายณ์นั้นสโตประธาน ลูกดวงวิญญาณและร่างกายของลูกนั้นตโมประธานและน่าเกลียด ดวงวิญญาณกลับมาน่าเกลียดด้วยการนั่งบนกองไฟของตัณหาราคะ พ่อพูดว่า พ่อมาและทำให้ลูกสวยงามจากน่าเกลียด สิ่งเหล่านี้คือประเด็นของความรู้ ไม่มีเรื่องของน้ำ ฯลฯ ทุกคนกลับมาไม่บริสุทธิ์ด้วยการนั่งบนกองไฟของตัณหาราคะ ดังนั้นจึงได้มีการผูกรักกี้เพื่อให้ลูกทำสัญญาที่จะกลับมาบริสุทธิ์ พ่อพูดว่า พ่อกำลังพูดกับดวงวิญญาณ พ่อคือพ่อของดวงวิญญาณ ผู้เดียวที่ลูกได้จดจำมาอย่างต่อเนื่อง: บาบา ได้โปรดมาและพาเราไปสู่ดินแดนแห่งความสุข! ขจัดความทุกข์ของเราด้วย! ในยุคเหล็กมีความทุกข์ที่ไม่มีขีดจำกัด พ่ออธิบายว่า: ลูกกลับมาน่าเกลียดและตโมประธานด้วยการนั่งบนกองไฟของตัณหาราคะ เวลานี้พ่อมาเพื่อพาลูกออกจากกองไฟของตัณหาราคะและทำให้ลูกนั่งบนกองไฟของความรู้ เวลานี้ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์และไปสวรรค์ ลูกต้องจดจำพ่อ พ่อดึงลูก เมื่อผู้เป็นคู่มาหาบาบา หนึ่งในคู่นั้นรู้สึกถึงแรงดึงและอีกคู่หนึ่งนั้นไม่รู้สึก สามีก็พูดขึ้นมาในทันทีว่า “ฉันจะกลับมาบริสุทธิ์ในชาติเกิดสุดท้ายนี้และจะไม่ปีนขึ้นไปบนกองไฟของตัณหาราคะ” นั่นไม่ได้หมายความว่ามีศรัทธา หากเขามีศรัทธาเขาก็จะเขียนจดหมายถึงพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดและรักษาสายสัมพันธ์นั้นไว้ บาบาเคยได้ยินมาว่าพวกเขาอยู่อย่างบริสุทธิ์ แต่พวกเขายังคงมุ่งมั่นอยู่ในธุรกิจของพวกเขาอย่างเต็มที่ พวกเขาไม่ได้มีการจดจำระลึกถึงพ่อ ลูกควรจะจดจำพ่อเช่นนั้นอย่างมาก สามีและภรรยามีความรักต่อกันและกันอย่างมาก ภรรยาจดจำสามีของเธออย่างมาก! พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดควรจะได้รับการจดจำมากที่สุด มีเพลงที่ร้องว่า: ไม่ว่าท่านจะรักฉันหรือปฏิเสธฉัน ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยมือของท่าน สิ่งนี้ไม่ใช่ว่าลูกจะต้องมาและอยู่ที่นี่ นั่นจะเป็นการสละละทิ้ง นั่นจะหมายความว่าลูกได้ออกจากบ้านและครอบครัวของลูกและมาอยู่ที่นี่ ลูกได้รับการบอกว่า ให้อยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูกและกลับมาบริสุทธิ์ เตาอบนี้จะต้องถูกสร้างขึ้นในตอนเริ่มต้นซึ่งหลายคนพร้อมที่จะไปและรับใช้ มีเรื่องราวที่ดีมากเกี่ยวกับพวกเขา ผู้ที่เป็นของพ่อและอยู่ในยักย่ะ แต่ไม่ได้ทำงานรับใช้ทางจิตใดๆก็จะไปและกลายเป็นสาวใช้และคนรับใช้ พวกเขาจะได้รับมงกุฎในเวลาสุดท้ายตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามของเขา มีสกุลของพวกเขาด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของปวงประชา ผู้ที่มาจากข้างนอกไม่สามารถกลายเป็นผู้ที่อยู่ข้างในได้ ผู้คนของลัทธินิกายวัลลาภจารีไม่เคยอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาข้างใน เรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจ ความรู้เป็นเพียงเรื่องของหนึ่งวินาทีเท่านั้น แล้วเหตุใดพ่อจึงถูกเรียกว่าเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้? ท่านเฝ้าแต่อธิบายแก่ลูกและจะอธิบายแก่ลูกต่อไปเรื่อยๆจนถึงเวลาสุดท้าย เมื่ออาณาจักรถูกก่อตั้งขึ้นมา ลูกจะไปถึงสภาพของอยู่เหนือบ่วงกรรมของลูก แล้วความรู้ก็จะจบสิ้นลง นี่เป็นเพียงเรื่องของหนึ่งวินาที แต่ก็ยังคงต้องมีการอธิบาย ลูกได้รับมรดกที่มีขีดจำกัดจากพ่อที่มีขีดจำกัด ในขณะที่พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดทำให้ลูกกลายเป็นนายของโลก ลูกจะไปยังดินแดนแห่งความสุขและส่วนที่เหลือทั้งหมดจะไปยังดินแดนแห่งความสงบ ที่นั่นไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความสุข พ่อมาแล้วและเรารับประกันได้ว่าเราจะกลายเป็นนายของโลกใหม่ด้วยการศึกษาราชาโยคะ อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. มีการวางเฉยที่ไม่มีขีดจำกัดในโลกที่สกปรกและไม่บริสุทธิ์นี้ และทำความเพียรพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ถูกดึงดูดมาหาพ่อเพียงผู้เดียวเท่านั้น

2. ชาร์จแบตเตอรี่ของลูกด้วยการซึมซับความรู้นี้ ทำให้ตนเองมั่งคั่งด้วยเพชรพลอยแห่งความรู้ ตอนนี้เป็นเวลาที่จะหารายได้ ดังนั้นปกป้องตนเองจากการสูญเสีย

พร:
ขอให้ลูกเป็นหงส์ที่สูงศักดิ์ ผู้ที่ซึมซับเพชรพลอยแห่งความรู้นี้และจบสิ้นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมด

หงส์ที่สูงศักดิ์มีคุณสมบัติพิเศษสองอย่าง หนึ่งคือเลือกเก็บไข่มุกของความรู้นี้และอีกหนึ่งคือการแยกน้ำกับน้ำนมด้วยพลังของการแยกแยะ การแยกนมออกจากน้ำหมายถึงการแยกแยะระหว่างสิ่งที่ไร้ประโยชน์และสิ่งที่มีพลัง สิ่งที่ไร้ประโยชน์กล่าวได้ว่าเป็นเช่นน้ำและสิ่งที่มีพลังกล่าวได้ว่าเป็นเช่นน้ำนม ดังนั้นการจบสิ้นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดหมายถึงการกลับมาเป็นหงส์ที่สูงศักดิ์ ในทุกขณะให้เพชรพลอยของความรู้อยู่ในสติปัญญาของลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อลูกไตร่ตรองอย่างต่อเนื่องลูกจะกลับมาเต็มไปด้วยเพชรพลอย

คติพจน์:
ผู้ที่อยู่อย่างมั่นคงอย่างสม่ำเสมอในตำแหน่งที่สูงส่งของพวกเขา และจบสิ้นการต่อต้านใดๆ และกลายเป็นดวงวิญญาณที่มีชัยชนะ