06.11.24 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน
สายตาของบาบานั้นอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกต้องอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัด (ยุคทอง) และไม่มีขีดจำกัด(ยุคเหล็ก)
คำถาม:
ลูกคนไหนที่สามารถดูดซับเพชรพลอยแห่งความรู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใดได้เป็นอย่างดี?
คำตอบ:
ผู้ที่โยคะของสติปัญญาของพวกเขาเชื่อมต่อกับพ่อผู้เดียวและผู้ที่กลับมาบริสุทธิ์จะสามารถดูดซับเพชรพลอยเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
จำเป็นต้องมีภาชนะที่บริสุทธิ์สำหรับความรู้นี้ ความคิดที่ผิดทุกประเภทต้องจบสิ้นลง
ด้วยการมีโยคะกับพ่อ ภาชนะของลูกก็กลายเป็นทอง และเพชรพลอยก็สามารถอยู่ในนั้นได้
โอมชานติ
พ่อทางจิตนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกทางจิตที่สุดแสนหวานทุกวัน
ได้มีการอธิบายแก่ลูกๆแล้วว่า วงจรโลกเกี่ยวกับความรู้ ความเลื่อมใสศรัทธา
และการวางเฉยนี้ได้มีการสร้างขึ้น ความรู้นี้ควรจะคงอยู่ในสติปัญญาของลูก ลูกๆ
ต้องไปอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด
พ่ออยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกควรเข้าใจความหมายของสิ่งนั้นด้วย พ่อทางจิตนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูก
จะต้องมีการอธิบายเกี่ยวกับหัวข้อนี้: ความรู้
ความเลื่อมใสศรัทธาและการวางเฉยเช่นกัน ความรู้เรียกว่ากลางวันเมื่อเป็นโลกใหม่
ความเลื่อมใสศรัทธาและความไม่รู้ไม่ได้มีอยู่ที่นั่น
นั่นคือโลกที่มีขีดจำกัดเพราะมีผู้คนจำนวนน้อยมากที่นั่น
และจากนั้นการเติบโตก็ค่อยๆเกิดขึ้นทีละน้อย หลังจากครึ่งวงจร,
ความเลื่อมใสศรัทธาก็เริ่มขึ้น ศาสนาซันยาสไม่ได้คงอยู่ที่นั่น
ไม่มีการสละละทิ้งใดๆที่นั่น ต่อมาภายหลังประชากรโลกก็เติบโต
ดวงวิญญาณลงมาจากเบื้องบนอย่างต่อเนื่องและการเติบโตก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่นี่
เริ่มต้นจากการมีขีดจำกัด และกลายเป็นไม่มีขีดจำกัด
สายตาของพ่อไปอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด
ท่านรู้ว่ามีลูกจำนวนน้อยมากในขีดจำกัดและแล้วการเติบโตอย่างมากมายก็เกิดขึ้นในอาณาจักรของราวัน
เวลานี้ลูกต้องไปอยู่เหนือขีดจำกัดและไม่มีขีดจำกัด โลกนั้นเล็กมากในยุคทอง
ไม่มีการสละละทิ้งหรือการวางเฉยที่นั่น ต่อมาในยุคทองแดงศาสนาอื่นก็เริ่มขึ้น
มีศาสนาซันยาสที่พวกเขาละทิ้งบ้านและครอบครัวของเขา
ทุกคนต้องรู้ถึงเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
สิ่งนั้นเรียกว่าหะฐะโยคะและการสละละทิ้งที่มีขีดจำกัด
พวกเขาเพียงแต่ละทิ้งบ้านและครอบครัวของพวกเขาและเข้าไปอยู่ในป่า
ความเลื่อมใสศรัทธาเริ่มขึ้นในยุคทองแดง ไม่มีความรู้นี้เลย
ความรู้หมายถึงยุคทองและยุคเงิน และความสุข
ในขณะที่ความเลื่อมใสศรัทธาหมายถึงความไม่รู้และความทุกข์
ต้องมีการอธิบายสิ่งนี้อย่างดีมาก แล้วลูกก็ต้องไปอยู่เหนือความสุขและความทุกข์
อยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและไม่มีขีดจำกัด
ผู้คนพยายามที่จะค้นหาว่าท้องฟ้านั้นสูงแค่ไหนและมหาสมุทรนั้นลึกแค่ไหน
พวกเขาพยายามอย่างหนักมากแต่ไม่สามารถไปถึงที่สิ้นสุดได้ พวกเขาบินไปในเครื่องบิน,
แต่เครื่องบินนั้นก็ต้องมีเชื้อเพลิงที่เพียงพอเพื่อที่จะสามารถกลับมาได้ด้วยเช่นกัน
พวกเขาไปไกลมากแต่พวกเขาก็ไม่สามารถไปถึงที่ไม่มีขีดจำกัดได้
พวกเขาไปได้ไกลเท่าที่มีขีดจำกัดเท่านั้น ลูกจะไปอยู่เหนือขีดจำกัดและไม่มีขีดจำกัด
เวลานี้ลูกสามารถเข้าใจว่าในตอนเริ่มต้น,ในโลกใหม่มีขีดจำกัด
มีผู้คนน้อยมากและก็เรียกว่ายุคทอง
ลูกควรจะมีความรู้นี้ของตอนเริ่มตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้าง ไม่มีใครมีความรู้นี้
พ่อผู้ที่อยู่เหนือขีดจำกัดและไม่มีขีดจำกัดคือผู้เดียวที่อธิบายแก่ลูก
ไม่มีใครสามารถอธิบายสิ่งนี้แก่ลูกได้ ท่านอธิบายความลับของตอนเริ่ม
ตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้างแก่ลูก แล้วท่านก็พูดว่า ลูกต้องไปอยู่เหนือสิ่งนี้
ไม่มีอะไรที่นั่น ไม่ว่าผู้คนจะไปไกลแค่ไหน ก็มีเพียงท้องฟ้าในทุกที่
นั่นก็เรียกว่าการอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด
ไม่มีใครสามารถไปถึงจุดสิ้นสุดได้ พวกเขาพูดว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด
การพูดว่าไม่มีที่สิ้นสุดนั้นง่ายดาย
แต่พวกเขาควรจะเข้าใจความหมายของคำว่าไม่มีที่สิ้นสุด(infinite)
เวลานี้พ่อกำลังให้ความเข้าใจแก่ลูก พ่อพูดว่า
พ่อรู้ในสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกีดด้วยเช่นกัน ศาสนานั้นๆ
ได้มีการก่อตั้งขึ้นในเวลานั้นๆ
สายตาของลูกไปยังที่มีขีดจำกัดของยุคทองและไปถึงยุคเหล็กที่ไม่มีขีดจำกัด
จากนั้นเราก็จะไปอยู่เหนือทุกสิ่งในที่ที่ไม่มีสิ่งใดเลย
เรากำลังจะไปเหนือแม้กระทั่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ไปยังที่ซึ่งเป็นบ้านที่แสนหวานของเรา ดินแดนแห่งความสงบ
ในความเป็นจริงยุคทองเช่นกันก็เป็นบ้านที่แสนหวานของเราที่ซึ่งมีความสงบและมีโชคของอาณาจักรและความสุขด้วยเช่นกัน
ทั้งสองอยู่ที่นั่น เมื่อเรากลับบ้านก็จะมีแต่ความสงบที่นั่น
ลูกจะไม่พูดถึงความสุขที่นั่น ในเวลานี้ลูกกำลังก่อตั้งความสงบและความสุขเช่นกัน
มีความสงบและอาณาจักรแห่งความสุขที่นั่นด้วย
ไม่มีเรื่องของความสุขในโลกที่ไม่มีตัวตน
อาณาจักรของลูกคงอยู่มาถึงครึ่งวงจรและหลังจากครึ่งวงจรก็เป็นอาณาจักรของราวัน
มีความไม่สงบด้วยกิเลสทั้งห้า ลูกปกครองมาถึง 2500 ปี หลังจาก 2500
ปีก็มีอาณาจักรของราวัน ผู้คนเหล่านั้นได้เขียนประมาณหลายแสนปี
พวกเขาทำให้ทุกคนกลายเป็นผู้ที่โง่เขลาอย่างสมบูรณ์ การพูดว่าวงจรของ 5000
ปีเป็นหลายแสนปีคือความโง่เขลาอย่างแท้จริง พวกเขาไม่มีมารยาทใดๆเลย
เหล่าเทพมีมารยาทที่สูงส่งเช่นนั้น สิ่งนั้นได้กลายเป็นการขาดมารยาท
พวกเขาไม่รู้สิ่งใดเลย พวกเขาได้พัฒนาลักษณะนิสัยที่ชั่วร้ายเช่นปีศาจ
ก่อนหน้านี้ลูกก็ไม่รู้สิ่งใดเช่นกัน
ด้วยการใช้ดาบของตัณหาราคะและก่อให้เกิดความทุกข์แก่กันและกันตั้งแต่ตอนต้นตลอดจนตอนกลางจนถึงตอนจบ
พวกเขาทำให้กันและกันไม่มีความสุข และเหตุนี้เองพวกเขาจึงถูกเรียกว่าชุมนุมของราวัน
พวกเขาแสดงให้เห็นว่ารามกำลังนำกองทัพลิงไป รามจันทราเป็นของยุคเงิน
ดังนั้นจะสามารถมีลิงที่นั่นได้อย่างไร?
จากนั้นพวกเขาก็พูดด้วยเช่นกันว่าสีดาของรามถูกลักพาตัวไป
สิ่งต่างๆเช่นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นที่นั่น จะไม่มีสิ่งมีชีวิตและสัตว์อื่น ๆ 8.4
ล้านชนิดอยู่ที่นี่ในยุคทองและเงิน
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายละครที่ไม่มีขีดจำกัดทั้งหมด
ลูกๆต้องกลายเป็นผู้ที่มีสายตาที่เห็นการณ์ไกลมาก ก่อนหน้านี้ลูกไม่รู้สิ่งใดเลย
แม้ลูกเป็นมนุษย์แต่ลูกก็ไม่ได้รู้จักละคร
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าใครเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใดเป็นพระเจ้า พวกเขาก็ร้องเพลงบทสวดด้วยเช่นกัน:
ชื่อของท่านนั้นสูงสุด... สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในสติปัญญาของใครนอกจากลูก
ลูกก็ตามลำดับกันไปเช่นกัน
พ่อบอกความลับของทั้งสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัดแก่ลูก
ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือสถานที่นั้น
นั่นคือสถานที่อยู่อาศัยของลูกซึ่งเรียกว่าเป็นบราห์มันด์ด้วยเช่นกัน
ในทำนองเดียวกันลูกกำลังนั่งอยู่ในธาตุของท้องฟ้าที่นี่
แต่ลูกสามารถมองเห็นอะไรของสิ่งนั้นหรือไม่?
พวกเขาอ้างถึงวิทยุว่าเป็นเสียงจากอากาศธาตุ ท้องฟ้านี้ไม่มีที่สิ้นสุด
ลูกไม่สามารถไปถึงจุดที่สิ้นสุดได้
ดังนั้นผู้คนจะเข้าใจอะไรด้วยการเรียกสิ่งนั้นว่าเสียงจากอากาศธาตุ
ปากก็เป็นโพรงด้วยเช่นกัน เสียงออกมาจากปาก
เป็นเรื่องปกติที่เสียงจะออกมาจากปากของลูกและนั่นเรียกว่า “อากาศวานี” (เสียงจากอากาศธาตุ)
พ่อต้องพูดผ่านอากาศธาตุเช่นกัน ท่านได้บอกลูกๆ ถึงนัยสำคัญทั้งหมดของตัวลูกเอง
เวลานี้ลูกมีศรัทธา เป็นสิ่งที่ง่ายดายมาก เช่นที่เราคือดวงวิญญาณ
ดังนั้นพ่อคือดวงวิญญาณสูงสุด ท่านคือดวงวิญญาณที่สูงสุดเหนือสิ่งใด
ทุกคนได้รับบทบาทของเขาเอง
สูงสุดเหนือสิ่งใดคือพระเจ้าและจากนั้นก็มีลูกปัดคู่ของหนทางครอบครัว
และจากนั้นดูซิว่าลูกประคำเล็กลงตามลำดับกันไปอย่างไร! ต่อมาเมื่อโลกเติบโตขึ้น
โลกก็กลับมาใหญ่โตมาก มีลูกประคำของลูกปัดนับล้านๆ นั่นคือลูกประคำของดวงวิญญาณ
ทั้งหมดนี้คือการศึกษาเล่าเรียน
สติปัญญาของลูกควรซึมซับสิ่งใดก็ตามที่พ่ออธิบายเป็นอย่างดี
ลูกเฝ้าแต่ได้ยินรายละเอียดของต้นไม้ เมล็ดนั้นก็อยู่เบื้องบน
นี่คือต้นไม้ที่หลากหลาย ระยะเวลาของต้นไม้ก็ยาวนานมาก
ต้นไม้ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
และดังนั้นให้สิ่งนี้คงอยู่ในสติปัญญาของลูกตลอดทั้งวัน
ระยะเวลาของต้นกัลปะของโลกนี้ถูกต้องแม่นยำอย่างแน่นอน ใน 5000
ปีไม่สามารถมีความแตกต่างแม้แต่หนึ่งวินาที ลูกๆ
ผู้ที่เข้มแข็งมากก็มีความรู้นี้อย่างมากในสติปัญญาของพวกเขา
เมื่อลูกบริสุทธิ์เท่านั้นที่ลูกจะเข้มแข็งได้
เพื่อที่จะซึมซับความรู้นี้จำเป็นต้องมีภาชนะทองคำและแล้วก็จะเป็นสิ่งที่ง่ายดายมาก
ง่ายดายสำหรับลูกเช่นเดียวกับที่ง่ายดายสำหรับบาบา
และแล้วลูกก็จะเรียกได้ว่าเป็นนายผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้ด้วยเช่นกัน
ลูกปัดของลูกประคำจะถูกสร้างขึ้นตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ
ไม่มีใครนอกจากบาบาสามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้แก่ลูก
ดวงวิญญาณนี้ก็กำลังอธิบายแก่ลูกด้วยเช่นกัน
พ่อเพียงอธิบายผ่านร่างนี้เท่านั้นไม่ได้ผ่านร่างของเทพ
พ่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและกลายเป็นกูรูของลูก
แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นพ่อผู้ที่ต้องเล่นบทบาทนั้น
ท่านจะมาและเล่นบทบาทของท่านหลังจาก 5000 ปี พ่ออธิบายว่า:
พ่อเป็นผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด แล้วก็มีลูกปัดคู่
ผู้ที่เป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีในตอนต้นจากนั้นก็กลายเป็นอดิเทพและอดิเทวีในตอนท้าย
ลูกมีความรู้ทั้งหมดนี้ในสติปัญญาของลูก หากลูกอธิบายสิ่งนี้ที่ไหนก็ตาม
ผู้คนจะประหลาดใจ สิ่งที่ท่านกำลังพูดนั้นถูกต้อง
เพียงเมล็ดของต้นไม้โลกมนุษย์เท่านั้นที่เต็มไปด้วยความรู้
ไม่มีใครนอกจากท่านสามารถให้ความรู้ได้ จะต้องซึมซับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
แต่ลูกก็ไม่สามารถซึมซับสิ่งเหล่านี้ได้ มันเป็นสิ่งที่ง่ายมาก
ไม่มีความยากลำบากเลย
ก่อนอื่นใดต้องมีการจาริกแสวงบุญแห่งการจดจำระลึกถึงที่เพชรพลอยจะสามารถอยู่ในภาชนะที่บริสุทธิ์ได้
นี่คือเพชรพลอยที่สูงสุดเหนือสิ่งใด บาบาเคยเป็นพ่อค้าเพชร
ท่านเคยได้รับเพชรและมรกตที่ดีมาก ฯลฯ
และท่านจะเก็บเพชรพลอยเหล่านั้นวางไว้บนสำลีใส่ไว้ในกล่องเงินอย่างสวยงาม
ใครก็ตามที่ได้เห็นเพชรพลอยเหล่านั้นก็จะพูดว่า นี่คือสิ่งที่เป็นชั้นหนึ่ง
มันเหมือนกันที่นี่ สิ่งที่ดีก็จะดูดีมากในภาชนะที่ดี
หูของลูกก็ได้ยินสิ่งนี้และซึมซับ
หากมีความบริสุทธิ์และโยคะของสติปัญญาของลูกเชื่อมโยงกับพ่อ
ลูกก็จะซึมซับได้อย่างดีมาก ไม่เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งก็จะไหลออกไป
ดวงวิญญาณนั้นเล็กมากและเต็มไปด้วยความรู้อย่างมากมาย
ต้องใช้ภาชนะที่ดีและบริสุทธิ์เช่นนั้น ไม่ควรจะมีความคิดใดเกิดขึ้น ความคิดที่ผิดๆ
และไม่ดีทั้งหมดควรจะจบสิ้นลง นำโยคะของสติปัญญาของลูกออกจากทุกสิ่ง
ด้วยการมีโยคะกับพ่อ
ภาชนะของลูกจะถูกทำให้เป็นทองคำเพื่อที่เพชรพลอยจะสามารถอยู่ในนั้นได้
แล้วลูกก็จะสามารถให้ทานแก่ผู้อื่นได้ต่อไป บารัตถือได้ว่าเป็นผู้ให้ทานที่ยิ่งใหญ่
ผู้คนให้ทานทรัพย์สมบัติทางวัตถุมากมาย
อย่างไรก็ตามนี่คือการให้ทานของเพชรพลอยแห่งความรู้ที่ไม่สูญสลาย
ละทิ้งทุกสิ่งรวมทั้งร่างกายของลูกและให้โยคะของสติปัญญาของลูกเชื่อมโยงกับผู้เดียว
เราเป็นของพ่อ และก็เป็นสิ่งนี้ที่จำเป็นต้องใช้ความพยายาม
พ่อให้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของลูกแก่ลูก
เป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องทำความเพียรพยายาม
เวลานี้เท่านั้นที่ลูกสามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงเช่นนั้นได้
อย่าให้มีความคิดที่ผิดหรือไม่บริสุทธิ์ พ่อผู้เดียวเท่านั้นคือมหาสมุทรแห่งความรู้
ท่านนั้นอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและไม่มีขีดจำกัด
ท่านนั่งที่นี่และอธิบายทุกสิ่ง ลูกคิดว่าบาบาเห็นลูก
แต่ในความเป็นจริงพ่อขึ้นไปข้างบนอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด
พ่อคือผู้อาศัยของสถานที่นั้น
ลูกต้องไปอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัดเช่นกัน
อย่าให้มีความคิดที่ธรรมดาหรือไม่บริสุทธิ์ สิ่งนี้ต้องใช้ความเพียรพยายาม
ในขณะที่อาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูก ลูกต้องมีชีวิตอยู่เหมือนกับดอกบัว
ให้มือของลูกทำงานไปและหัวใจของลูกจดจำบาบา มีผู้ครองเรือนมากมาย
ลูกๆที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้เข้าถึงความรู้มากเท่ากับที่ผู้ครองเรือนเข้าถึง
แม้แต่ผู้ที่ดำเนินงานศูนย์และอ่านมุรลีก็ยังสอบตก
ในขณะที่ผู้ที่เพียงกำลังศึกษาเล่าเรียนนั้นไปได้สูงกว่า
เมื่อลูกก้าวหน้าต่อไปลูกก็จะรู้ทุกสิ่งอยู่เรื่อยๆ
ทุกสิ่งที่บาบาบอกลูกถูกต้องอย่างแท้จริง บางคนที่เคยสอนก็ถูกมายากิน
มายาได้กลืนมหาระตีบางคนไปอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป
พวกเขาได้รับอิทธิพลของมายาและกลายเป็นคนทรยศ
ในต่างแดนเช่นกันบางคนก็กลายเป็นคนทรยศ พวกเขาไปยังสถานที่อื่นและลี้ภัยอยู่ที่นั่น
พวกเขาก็ไปอยู่ในด้านที่มีพลัง ในเวลานี้ความตายก็เพียงแต่อยู่เบื้องหน้า
และดังนั้นพวกเขาจึงไปหาผู้ที่มีพลังอย่างมาก
เวลานี้ลูกเข้าใจว่าเพียงพ่อเท่านั้นที่มีพลัง พ่อคือผู้ทรงพลังอำนาจ ด้วยการสอนเรา
ท่านทำให้เรากลายเป็นนายของทั้งโลก ที่นั่นเราได้รับทุกสิ่ง
ไม่มีสิ่งใดขาดหายไปที่เราจะต้องเพียรพยายามเพื่อให้ได้สิ่งนั้น
ที่นั่นไม่มีสิ่งใดที่ลูกไม่มี และในสิ่งนั้นเช่นกัน
ลูกได้มาซึ่งสถานภาพตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ
ไม่มีใครนอกจากพ่อรู้สิ่งเหล่านี้ ทุกคนคือผู้กราบไหว้บูชา
มีสังคราจารย์ที่ยิ่งใหญ่ ฯลฯ และบาบาก็บอกคำยกย่องของพวกเขาแก่ลูกเช่นกัน
พวกเขาคือผู้ที่กลายเป็นเครื่องมือที่จะค้ำจุนบารัตเป็นอย่างดีในตอนแรกด้วยพลังของความบริสุทธิ์
นั่นคือเมื่อพวกเขาสโตประธานเช่นกัน เวลานี้พวกเขาตโมประธาน
เวลานี้พวกเขามีพลังอะไร?
ลูกผู้ที่เคยเป็นผู้กราบไหว้บูชาเวลานี้กำลังทำความเพียรพยายามเพื่อที่จะกลับมามีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
เวลานี้ลูกมีความรู้ทั้งหมดในสติปัญญาของลูก
ให้สติปัญญาของลูกซึมซับสิ่งเหล่านี้และเฝ้าแต่อธิบายแก่ผู้อื่น จดจำพ่อด้วยเช่นกัน
พ่อผู้เดียวเท่านั้นที่อธิบายความลับของต้นไม้ทั้งต้น
ลูกๆต้องกลับมาอ่อนหวานเช่นนั้น นี่คือการรบราใช่ไหม พายุของมายามากมายก็จะมา
ลูกต้องอดทนต่อทุกสิ่ง เมื่อลูกอยู่ในการจดจำระลึกถึงพ่อ พายุทั้งหมดก็จะจากไป
พวกเขาได้แสดงการละเล่นของฮะตัมไต (การใส่ลูกปัดในปากของลูก)
เมื่อใส่ลูกปัดไว้ในปากของลูก มายาก็จะวิ่งหนีไป เมื่อเอาลูกปัดออกไป มายาก็จะมา
มีต้นไมยราพด้วยเช่นกัน ทันทีที่ลูกแตะมัน มันก็จะเหี่ยวเฉา มายามีความฉลาดมาก
ในขณะที่ลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนการศึกษาที่สูงส่งเช่นนี้และเพียงแต่นั่งอยู่ที่นี่
เธอก็ทำให้ลูกสอบตก และเหตุนี้เองพ่อจึงอธิบายอยู่เรื่อยๆว่า:
พิจารณาว่าตนเองเป็นพี่น้องชายแล้วลูกก็จะสามารถไปอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัดได้
หากร่างกายไม่คงอยู่ สายตาของลูกจะไปที่ไหน? ลูกต้องทำความเพียรพยายามเป็นอย่างมาก
ลูกต้องไม่กลับมาสิ้นสติจากการเพียงแค่ได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนี้
ความเพียรพยายามของลูกดำเนินไปทุกๆวงจรและลูกก็ประกาศสิทธิ์ในโชคของอาณาจักรของลูก
พ่อพูดว่า ลืมทุกสิ่งที่ลูกเคยศึกษามา
เพียงแต่รับฟังสิ่งที่ลูกไม่เคยได้ยินมาก่อนและมีการจดจำระลึกถึง
นั่นเรียกว่าหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ลูกคือราชริชี
คลี่มวยผมของลูกและดำเนินการอ่านมุร์ลี ทุกสิ่งที่ผู้รู้และผู้เคร่งศาสนา ฯลฯ
ถ่ายทอดนั้นคือมุรลีของมนุษย์ มุรลีนี้มาจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด
ในยุคทองและยุคเงินไม่จำเป็นสำหรับมุรลีของความรู้ นี้
ที่นั่นไม่มีความจำเป็นสำหรับความรู้นี้หรือความเลื่อมใสศรัทธา
ลูกได้รับความรู้นี้ในยุคบรรจบพบกันและเป็นเพียงพ่อเท่านั้นที่ให้ความรู้นี้แก่ลูก
อัจชะ
ถึงลูกๆ
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รักระลึกถึงและสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1
ให้สติปัญญาของลูกซึมซับเพชรพลอยแห่งความรู้และให้ทานสิ่งนั้น
คงอยู่ในสภาพเช่นนั้นของการอยู่เหนือสิ่งที่มีขีดจำกัดและสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัดที่ลูกจะไม่มีวันมีความคิดที่ผิดหรือความคิดที่ไม่บริสุทธิ์ใดๆ
มีสำนึกรู้ว่าลูกดวงวิญญาณเป็นพี่น้องกัน
2
เพื่อที่จะปลอดภัยจากพายุของมายา ให้ใส่ลูกปัดของการจดจำระลึกถึงพ่อไว้ในปากของลูก
ลูกต้องอดทนทุกสิ่ง อย่ากลายเป็นต้นไมยราพ อย่าพ่ายแพ้มายา
พร:
ขอให้ลูกหลอมรวมในความรักสำหรับผู้เดียวอย่างสม่ำเสมอ
และทำให้พ่อผู้เดียวเป็นสิ่งค้ำจุนของลูกและด้วยเหตุนั้นจึงเป็นอิสระจากการดึงดูดทั้งหมด
ลูกๆผู้ที่หลอมรวมในความรักสำหรับพ่อผู้เดียวอยู่อย่างพอใจและเต็มไปด้วยการบรรลุผลทั้งหมด
พวกเขาไม่สามารถถูกดึงดูดโดยการค้ำจุนประเภทอื่นใด
พวกเขามีประสบการณ์การเป็นของพ่อผู้เดียวและไม่มีใครอื่นอย่างง่ายดาย
พ่อผู้เดียวเป็นโลกของพวกเขาและพวกเขามีประสบการณ์ความหวานชื่นของทุกความสัมพันธ์ในพ่อผู้เดียว
สำหรับพวกเขา พื้นฐานของการบรรลุผลทั้งหมดคือพ่อผู้เดียว
ไม่ใช่สิ่งของในครอบครองหรืออุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก
และเหตุนี้เองพวกเขากลับมาเป็นอิสระจากการดึงดูดอย่างง่ายดาย
คติพจน์:
ถ้าลูกต้องการชำระล้างวัตถุธาตุให้บริสุทธิ์
จงกลับมาเป็นอิสระจากความผูกพันยึดมั่นอย่างสมบูรณ์