07.02.25       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ฝึกฝนการอยู่ในการจดจำระลึกถึงในขณะที่นั่ง เดินเหิน และเคลื่อนไหวไปทั่ว ความรู้และโยคะนี้คือสองวิชาหลัก โยคะหมายถึงการจดจำระลึกถึง

คำถาม:
คำพูดใดที่ลูกที่ฉลาดจะไม่เคยพูด?

คำตอบ:
ลูกที่ฉลาดจะไม่เคยพูดว่า "สอนโยคะแก่เรา!" คนเราต้องเรียนรู้วิธีจดจำพ่อของเขาไหม? นี่คือโรงเรียนที่ลูกศึกษาเล่าเรียนแล้วสอนผู้อื่น ไม่ใช่ว่าลูกต้องนั่งลงโดยเฉพาะเพื่อมีการจดจำระลึกถึง ในขณะที่ทำสิ่งต่างๆ ลูกต้องฝึกฝนการอยู่ในการจดจำระลึกถึง

โอมชานติ
พ่อทางจิตนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆทางจิต ลูกๆรู้ว่าพ่อทางจิตกำลังพูดกับลูกผ่านพาหนะนี้ เวลานี้เนื่องจากลูกเป็นลูกๆของท่าน จึงเป็นสิ่งผิดที่จะขอให้พ่อหรือพี่น้องหญิงชายคนใดสอนลูกถึงวิธีที่จะนั่งในการจดจำระลึกถึงบาบา ลูกไม่ได้เป็นเด็กเล็กๆอีกต่อไป ลูกรู้ว่าจิตวิญญาณคือสิ่งหลัก จิตวิญญาณไม่สูญสลาย ในขณะที่ร่างกายของคนเรานั้นสูญสลาย จิตวิญญาณนั้นยิ่งใหญ่กว่า ในหนทางของความไม่รู้ ไม่มีใครมีความรู้ของการเป็นดวงวิญญาณ หรือว่าดวงวิญญาณพูดผ่านร่างกายของเขา พวกเขามีสำนึกที่เป็นร่าง และพูดว่า "ฉันกำลังทำสิ่งนี้" เวลานี้ลูกกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ลูกรู้ว่าเป็นดวงวิญญาณที่พูดว่า: “ฉันพูดและทำการกระทำผ่านร่างกายนี้” ดวงวิญญาณเป็นเพศชาย พ่อพูดว่าท่านได้ยินคำพูดเหล่านี้หลายครั้ง "สอนวิธีนั่งโยคะแก่เราเถิด" พวกเขาพูดเช่นนี้บ่อยๆ เมื่อลูกนั่งและบางคนนั่งอยู่ข้างหน้าลูก ลูกและบุคคลนั้นมีเป้าหมายของการนั่งในการจดจำระลึกถึงบาบา พาทชาลานี้มิได้เพียงแค่เป็นไปเพื่อจุดมุ่งหมายนั้น พาทชาลานี้เป็นไปเพื่อการศึกษาเล่าเรียน ไม่ใช่ว่าลูกจะมาที่นี่เพียงแค่นั่งในการจดจำระลึกถึง พ่อได้อธิบายว่าในขณะที่ลูกนั่ง เดินเหิน และเคลื่อนไหวไปทั่ว ลูกต้องจดจำพ่อ ไม่มีความจำเป็นใดสำหรับลูกที่จะนั่งเป็นพิเศษเพื่อที่จะมีการจดจำระลึกถึงนี้ บางคนบอกผู้อื่นให้สวดภาวนาชื่อของราม เป็นไปไม่ได้หรือที่จะจดจำท่านโดยไม่พูดชื่อราม? ลูกสามารถจดจำท่านแม้กระทั่งในขณะที่เดินเหินและเคลื่อนไหวไปทั่ว ลูกต้องจดจำพ่อในขณะที่ลูกทำการกระทำ คู่รักและผู้เป็นที่รักมิได้นั่งลงเป็นพิเศษเพื่อที่จะจดจำกันและกัน ลูกต้องทำทุกสิ่งและทำธุรกิจของลูกต่อไป ฯลฯ พวกเขาจดจำผู้เป็นที่รักของพวกเขาในขณะที่ทำทุกสิ่ง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไปสถานที่บางแห่ง และนั่งลงเป็นพิเศษเพื่อจดจำระลึกถึงกันและกัน เมื่อลูกๆร้องเพลงและท่องบทกวี ฯลฯ บาบาพูดว่า “นั่นเป็นของหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา” พวกเขาพูดว่า: “โอ ผู้ประทานความสงบ!” ดังนั้น แน่นอนว่าพวกเขาต้องกำลังจดจำดวงวิญญาณสูงสุดและไม่ใช่ศรีกฤษณะ ตามละครดวงวิญญาณได้กลับมาไม่สงบ และดังนั้นพวกเขาจึงร้องเรียกหาพ่อ เพราะท่านคือมหาสมุทรแห่งความสงบ แห่งความสุข และแห่งความรู้นี้ สองสิ่งหลักคือความรู้และโยคะ โยคะหมายถึงการจดจำระลึกถึง หฐโยคะของพวกเขานั้นแยกออกจากของลูกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเรียกว่าราซาโยคะ ลูกเพียงแต่ต้องจดจำพ่อ ด้วยการมารู้จักพ่อจากพ่อ ลูกก็ได้รู้ตอนเริ่ม ตอนกลาง และตอนจบของโลกด้วยเช่นกัน ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ลูกมี คือพระเจ้ากำลังสอนลูก ก่อนอื่นลูกควรมีคำแนะนำที่ถูกต้องแม่นยำของพระเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าเช่นที่ดวงวิญญาณคือดวงดาว ดังนั้นพระเจ้าก็คือดวงดาวเช่นกัน ท่านคือดวงวิญญาณด้วย แต่ท่านคือดวงวิญญาณสูงสุด ท่านถูกเรียกว่าดวงวิญญาณสูงสุด ท่านไม่เคยใช้ชาติเกิด ท่านไม่เคยเข้ามาสู่วงจรของการเกิดและการตาย ไม่เลย ท่านอยู่เหนือการเกิดและการกลับมาเกิด ตัวท่านเองมาและอธิบายว่าท่านนั้นมาอย่างไร มีคำสรรเสริญของตรีมูรติในบารัตเช่นกัน พวกเขาแสดงภาพของตรีมูรติ: บราห์มา วิษณุ และชางก้า ด้วยเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาพูดว่า: “ขอคารวะต่อดวงวิญญาณสูงสุดชีวา” พวกเขาได้ลืมพ่อที่สูงสุดเหนือสิ่งใด พวกเขาเพียงแต่เก็บภาพลักษณ์ของตรีมูรติ อย่างไรก็ตาม อย่างแน่นอนชีวาต้องอยู่เหนือพวกเขา เพื่อที่จะสามารถเข้าใจได้ว่าชีวาคือผู้สร้างของพวกเขา เราไม่เคยได้รับมรดกจากสิ่งสร้าง ลูกรู้ว่าลูกไม่ได้รับมรดกใดจากบราห์มา มีการแสดงวิษณุพร้อมกับมงกุฎเพชรพลอย ชีพบาบาทำให้ลูกมีค่าเต็มบาทจากเศษสตางค์ เนื่องจากไม่มีภาพลักษณ์ของชีวา ทุกสิ่งจึงหลอกลวง ผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใดคือพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด และนี่คือสิ่งสร้างของท่าน เวลานี้ลูกๆกำลังได้รับมรดกแห่งสวรรค์ของลูกเป็นเวลา 21 ชาติเกิดจากพ่อ เมื่อลูกอยู่ที่นั่น ลูกจะเข้าใจว่าลูกได้รับมรดกของลูกจากพ่อทางร่างของลูก แต่ลูกจะไม่รู้ว่าผลรางวัลนั้นได้มาจากพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด เป็นเวลานี้ที่ลูกรู้สิ่งนี้ รายได้ของลูกในเวลานี้ทำให้ลูกยืนยาวถึง 21 ชาติเกิด ลูกไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้เมื่อลูกอยู่ที่นั่น ลูกไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งใดของความรู้นี้ที่นั่น ทั้งเหล่าเทพและศูทรไม่มีความรู้นี้ เพียงลูกบราห์มินเท่านั้นมีความรู้นี้ ความรู้นี้เป็นความรู้ทางจิต ไม่มีใครรู้ความหมายของ “จิตวิญญาณ” พวกเขาพูดถึงหมอทางปรัชญา (ผู้ที่ได้รับปริญญาเอก)เพียงพ่อเท่านั้นที่เป็นหมอของความรู้ทางจิตวิญญาณ พ่อถูกเรียกว่าศัลยแพทย์ด้วยเช่นกัน ผู้รู้และชันยาสซีไม่ใช่ศัลยแพทย์ ผู้ที่ศึกษาพระเวทและคัมภีร์ ฯลฯ ไม่เรียกว่าหมอ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับสมญาเหล่านั้น ในความเป็นจริงเพียงพ่อทางจิตผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นศัลยแพทย์ทางจิต ผู้ที่ให้การฉีดยาแก่จิตวิญญาณ นั่นคือความเลื่อมใสศรัทธา ดังนั้นลูกควรบอกพวกเขาว่า หมอของความเลื่อมใสศรัทธาเพียงแต่สามารถให้ความรู้ของคัมภีร์เท่านั้น และไม่มีคุณประโยชน์ใดในสิ่งนั้น ลูกเฝ้าแต่ลงมา และดังนั้นพวกเขาจะเรียกว่าหมอได้อย่างไร? หมอควรให้คุณประโยชน์แก่ลูก พ่อนี้คือศัลยแพทย์ของความรู้ที่เป็นนิรันดร์ ลูกกลับมามีพลานามัยดีเสมอด้วยพลังโยคะ เพียงลูกๆเท่านั้นรู้สิ่งนี้ ผู้อื่นจะรู้อะไร? ท่านถูกเรียกว่าศัลยแพทย์ที่เป็นนิรันดร์ เพียงพ่อเท่านั้นมีพลังที่จะขจัดอัลลอยของกิเลสทั้งหมดออกจากดวงวิญญาณ เพียงท่านเท่านั้นที่สามารถชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ และให้การหลุดพ้นในชีวิตที่ไม่มีกิเลสแก่พวกเขา เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ทรงอำนาจ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ไม่มีมนุษย์ใดจะถูกเรียกว่าผู้ทรงอำนาจ ดังนั้น อะไรคือพลังที่พ่อแสดง? ท่านให้การหลุดพ้นเพื่อชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลสแก่ทุกคนด้วยพลังของท่านเอง ท่านถูกเรียกว่าหมอแห่งความรู้ทางจิตวิญญาณ มีมนุษย์มากมายที่ถูกเรียกว่าหมอทางปรัชญา (ผู้ได้รับปริญญาเอก) แต่มีหมอทางจิตวิญญาณเดียวเท่านั้น เวลานี้พ่อพูดว่า: พิจารณาตัวลูกเองว่าเป็นดวงวิญญาณ และจดจำฉันผู้เป็นพ่อ และกลับมาบริสุทธิ์ พ่อได้มาเพื่อก่อตั้งโลกที่บริสุทธิ์ ดังนั้น เหตุใดลูกถึงไม่บริสุทธิ์? จงกลับมาบริสุทธิ์! อย่าได้ไม่บริสุทธิ์! ลูกดวงวิญญาณทั้งหมดได้รับการกำหนดของพ่อ: ขณะที่อาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของลูก อยู่อย่างบริสุทธิ์เช่นดอกบัว ด้วยการอยู่อย่างบริสุทธิ์ตั้งแต่เกิด ลูกจะกลายเป็นนายของโลกที่บริสุทธิ์ ลูกได้ทำบาปมาเป็นเวลาหลายต่อหลายชาติเกิด ดังนั้นเวลานี้ จดจำพ่อและบาปของลูกจะถูกเผาทิ้ง ดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์อาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีตัวตน ไม่มีใครที่ไม่บริสุทธิ์สามารถไปที่นั่น สติปัญญาของลูกอย่างแน่นอนต้องจดจำว่า บาบากำลังสอนเรา นักเรียนจะเคยพูดไหมว่า: “สอนวิธีที่จะจดจำครูของฉันแก่ฉันเถิด?” มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสอนการจดจำระลึกถึง? ไม่เป็นไรหากไม่มีใครนั่งที่นี่ (บนกัดดี) ลูกเพียงแต่ต้องจดจำพ่อของลูก ลูกคงอยู่อย่างข้องแวะในธุรกิจของลูก ฯลฯ ตลอดทั้งวัน และดังนั้นลูกจึงลืม เหตุนี้เองลูกจึงถูกทำให้นั่งที่นี่ อย่างน้อยพวกเขาก็มีการจดจำเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาที ลูกๆจำเป็นต้องปลูกฝังนิสัยของการจดจำพ่อ แม้กระทั่งในขณะที่ลูกกำลังทำทุกสิ่ง ลูกพบปะผู้เป็นที่รักของลูกหลังจากครึ่งหนึ่งของวงจร ท่านพูดว่า: เวลานี้จดจำพ่อ เพื่อที่ว่าอัลลอยจะถูกขจัดออกไปจากลูกดวงวิญญาณ และลูกกลายเป็นนายของโลก ดังนั้นทำไมลูกไม่ควรจะจดจำท่านล่ะ? เมื่อมีการผูกปมผ้าระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในงานแต่งงานของพวกเขา เธอก็ได้รับการบอกว่าสามีของเธอคือกูรูของเธอ พระเจ้าของเธอ ทุกสิ่งของเธอ ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้น เธอก็ยังคงจดจำเพื่อนฝูง ญาติมิตรของเธอ และกูรูของเธอฯลฯ การจดจำนั้นคือการจดจำผู้ที่มีร่างกาย ผู้นี้คือสามีเหนือสามีทั้งหมด ลูกต้องจดจำท่าน บ้างพูดว่า “สอนวิธีที่จะนั่งในสันโดษในโยคะให้เรา” แต่จะเกิดอะไรขึ้นจากสิ่งนั้น? แม้ว่าลูกอาจจะนั่งที่นี่เป็นเวลา 10 นาที อย่าคิดว่าลูกกำลังนั่งในการจดจำระลึกถึงอย่างสม่ำเสมอ ในหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา เมื่อพวกเขานั่งลงเพื่อกราบไหว้บูชาใครบางคน สติปัญญาของพวกเขาก็เร่ร่อนไปอย่างมากมาย ผู้ที่ทำความเลื่อมใสศรัทธาอย่างจริงจังนั้น เพียงแต่ใส่ใจเกี่ยวกับการได้รับนิมิตเท่านั้น พวกเขามีความปรารถนามากเช่นนั้นเพื่อการมีนิมิตที่พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่นั่น พวกเขาหลุดหายไปอย่างสมบูรณ์ในความคิดของความปรารถนานั้น และดังนั้นจึงได้รับนิมิต นั่นเรียกว่าความเลื่อมใสศรัทธาที่จริงจัง ความเลื่อมใสศรัทธาของพวกเขาเป็นราวกับความเลื่อมใสศรัทธาระหว่างคู่รักและผู้เป็นที่รัก ผู้ที่ในขณะรับประทานอาหารและดื่ม ก็มีกันและกันไว้ในสติปัญญาของพวกเขา ไม่มีเรื่องของกิเลสใดในสิ่งนั้น เป็นเพียงความรักต่อร่างกายของกันและกัน และดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มองกันและกัน เวลานี้พ่อได้อธิบายแก่ลูกๆว่าบาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้องด้วยการจดจำท่าน ด้วยการจดจำผู้เป็นเมล็ด ลูกสามารถจดจำทั้งต้นไม้และจดจำว่าลูกได้ใช้ 84 ชาติเกิดอย่างไร นี่คือต้นไม้แห่งความหลากหลายของศาสนา สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกเท่านั้นที่บารัตก่อนหน้านี้เคยอยู่ในยุคทอง และเวลานี้อยู่ในยุคเหล็ก คำภาษาอังกฤษเหล่านี้ดีมาก ความหมายของคำเหล่านี้ก็ดีมาก ดวงวิญญาณกลายเป็นเช่นทอง แล้วในภายหลังอัลลอยเข้าไปในพวกเขา เวลานี้ดวงวิญญาณกลับมาไม่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์ พวกเขาถูกเรียกว่ายุคเหล็ก เครื่องประดับของดวงวิญญาณยุคเหล็กก็กลายเป็นเช่นเดียวกัน พ่อพูดว่า: พ่อคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ดังนั้นจดจำพ่อผู้เดียวอย่างสม่ำเสมอ ลูกได้สวดภาวนาถึงพ่อว่า: “โอ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ได้โปรดมา!” พ่อมาทุกๆวงจรเพื่อสอนวิธีการของ: “มานมานะบาฟและมาเดียจิบาฟ” แก่ลูก นั่นคือ วิธีที่จะกลายเป็นนายแห่งสวรรค์ ลูกบางคนพูดว่าลูกมีความสุขสันต์อย่างมากในโยคะ แต่ไม่ได้มีมากเท่าในความรู้นี้ พวกเขาเพียงแค่มีโยคะและจากไป พวกเขาชอบโยคะเท่านั้น พวกเขาพูดว่า“ฉันต้องการความสงบเท่านั้น” อัจชะ ลูกสามารถจดจำพ่อในขณะที่ลูกกำลังนั่งอยู่ที่ใดก็ได้ ด้วยการจดจำบาบา ลูกจะไปยังดินแดนแห่งความสงบ ไม่มีเรื่องของการสอนโยคะสำหรับสิ่งนั้น ลูกเพียงแต่ต้องจดจำพ่อ มีผู้คนมากมายที่ไปศูนย์ของพวกเขาและนั่งในการจดจำระลึกถึงเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงหรือ 45 นาที พวกเขาเพียงแต่พูดว่า: “ขอให้ฉันนั่งในโยคะสักครู่” หรือพวกเขาพูดว่า: “บาบาได้ให้โปรแกรมแก่เราที่จะนั่งในโยคะ” ที่นี่บาบาพูดว่า: ในขณะที่เดินและเคลื่อนไหวไปทั่ว อยู่ในการจดจำระลึกถึง กระนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะนั่งในการจดจำระลึกถึง มากกว่าไม่มีการจดจำระลึกถึงเลย บาบาไม่ห้ามลูกทำสิ่งนี้ ลูกอาจจะนั่งตลอดทั้งคืนถ้าลูกต้องการ แต่ลูกต้องไม่ปลูกฝังนิสัยของการเพียงแต่จดจำบาบาในเวลากลางคืนเท่านั้น ลูกต้องปลูกฝังนิสัยของการจดจำท่าน แม้กระทั่งในขณะที่ลูกกำลังทำทุกสิ่ง เพียงในสิ่งนี้เท่านั้นที่ลูกต้องทำความเพียรพยายามอย่างมาก สติปัญญาวิ่งไปในทิศทางอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในหนทางความเลื่อมใสศรัทธาเช่นกัน สติปัญญาของพวกเขาก็เร่ร่อนไปทั่ว และดังนั้นพวกเขาจึงหยิกตนเอง ท่าน(บาบา)กำลังพูดถึงผู้เลื่อมใสศรัทธาที่แท้จริง ดังนั้นที่นี่เช่นกัน ลูกควรพูดคุยกับตนเองในวิธีนี้: “ทำไมฉันถึงไม่จดจำบาบา? หากฉันไม่จดจำท่าน ฉันจะกลายเป็นนายของโลกได้อย่างไร?” คู่รักและผู้เป็นที่รักเหล่านั้นติดกับอยู่ในรูปและนามของกันและกัน ในขณะที่ที่นี่ ลูกต้องพิจารณาตัวลูกเองว่าเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ “ฉัน ดวงวิญญาณนี้แยกจากร่างกายนี้” เมื่อลูกเข้ามาในร่างกาย ลูกต้องทำการกระทำ มีลูกๆมากมายที่พูดว่าลูกต้องการได้นิมิต ลูกต้องการจะได้นิมิตของอะไร? นั่นเป็นเพียงแค่จุด อัจชะ บ้างก็พูดว่า พวกเขาต้องการได้นิมิตของศรีกฤษณะ มีภาพลักษณ์ของกฤษณะมากมาย ลูกจะมองเห็นสิ่งนั้นซึ่งเป็นสิ่งไม่มีชีวิตในรูปที่มีชีวิต มีคุณประโยชน์ใดในสิ่งนั้น? ไม่มีคุณประโยชน์ใดในการได้นิมิต เมื่อลูกๆดวงวิญญาณจดจำพ่อ ลูกก็จะกลับมาบริสุทธิ์ ลูกไม่ได้กลายเป็นเช่นนารายณ์เพียงด้วยการได้นิมิตของนารายณ์ ลูกรู้ว่าเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของลูกคือการกลายเป็นเช่นลักษมีหรือนารายณ์ อย่างไรก็ตามลูกไม่สามารถกลายเป็นเช่นพวกเขาได้โดยไม่ศึกษาเล่าเรียน ลูกกลับมาฉลาดด้วยการศึกษาเล่าเรียน ก่อนอื่น สร้างปวงประชาของลูก แล้วลูกจึงจะสามารถกลายเป็นเช่นลักษมีหรือนารายณ์ สิ่งนี้ต้องใช้ความเพียรพยายาม ลูกต้องสอบผ่านด้วยเกียรตินิยมเพื่อที่ว่าจะไม่มีการลงโทษใดๆจากดรามราช ลูกพิเศษนี้(บราห์มา)ก็อยู่กับลูกด้วยเช่นกัน เขาพูดด้วยว่า: ลูกสามารถไปล้ำหน้าพ่อได้อย่างรวดเร็วมาก บาบามีภาระเช่นนั้น ท่านต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆมากมายตลอดทั้งวัน พ่อไม่สามารถจดจำบาบาได้มากเท่ากับที่ลูกสามารถทำได้ ในเวลาอาหาร พ่อเริ่มจดจำบาบาเล็กน้อยแล้วพ่อก็ลืม บางครั้งพ่อคิดว่าบาบาและพ่อจะไปเดินเล่น แล้วขณะที่กำลังเดิน พ่อก็ลืมบาบา การจดจำระลึกถึงนี้เป็นประเด็นที่ลื่นไหลมาก การจดจำระลึกถึงลื่นไหลครั้งแล้วครั้งเล่า ลูกต้องทำความเพียรพยายามอย่างมากในสิ่งนี้ เพียงด้วยการมีการจดจำระลึกถึงเท่านั้นที่ดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์ หากลูกสอนผู้คนมากมาย ลูกจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง ผู้ที่เข้าใจความรู้นี้อย่างดีมากสามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่ดี ดังนั้นปวงประชามากมายจึงถูกสร้างขึ้นที่นิทรรศการ ลูกแต่ละคนสามารถรับใช้ผู้คนนับแสนที่นิทรรศการ และดังนั้น สภาพของลูกควรเป็นไปตามนั้น ทันทีที่ลูกไปถึงสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรมของลูก ร่างกายของลูกก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เมื่อลูกก้าวหน้าไป ลูกจะเข้าใจว่าสงครามจะเพิ่มขึ้น และแล้วผู้คนมากมายจะเฝ้าแต่มาหาลูก คำสรรเสริญของลูกจะเฝ้าแต่เพิ่มขึ้น ในเวลาสุดท้ายแม้กระทั่งซานยาสซีก็จะมา พวกเขาจะเริ่มจดจำพ่อ พวกเขาจะเล่นบทบาทของพวกเขาในการไปยังดินแดนแห่งการหลุดพ้น พวกเขาจะไม่รับความรู้นี้ อย่างไรก็ตาม สาสน์ของลูกต้องไปถึงดวงวิญญาณทั้งหมด ผู้คนมากมายจะเฝ้าแต่ได้ยินสิ่งนี้ผ่านหนังสือพิมพ์ มีหมู่บ้านมากมาย ลูกต้องให้สาสน์แก่ทุกคนที่นั่นด้วย ลูกคือผู้ก่อตั้งศาสนาและผู้นำสาสน์ ไม่มีใครนอกจากพ่อคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าผู้ก่อตั้งศาสนาชำระใครๆให้บริสุทธิ์ ศาสนาของพวกเขาต้องขยายตัว ดังนั้นพวกเขาจะสามารถแสดงหนทางกลับบ้านให้แก่ใครได้อย่างไร? ผู้ประทานการหลุดพ้นเพื่อชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลสแก่ทั้งหมดคือผู้เดียวเท่านั้น ลูกๆอย่างแน่นอนต้องกลับมาบริสุทธิ์ มีลูกๆมากมายที่ไม่คงอยู่อย่างบริสุทธิ์ ตัณหาราคะคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้กระทั่งลูกๆที่ดีก็ถูกดึงลงมาด้วยสิ่งนี้ สายตาที่เลวร้ายด้วยคือร่องรอยของตัณหาราคะ ตัณหาราคะคือปีศาจที่ใหญ่มาก พ่อพูดว่า: จงได้รับชัยชนะเหนือสิ่งนี้ และลูกจะมีชัยชนะเหนือโลก อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน และเวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ปลูกฝังนิสัยของการอยู่ในการจดจำระลึกถึงในขณะที่ทำทุกสิ่ง เพื่อที่จะกลับบ้านกับพ่อ และแล้วกลายเป็นนายของโลกใหม่ที่บริสุทธิ์ อย่างแน่นอนลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์

2. เพื่อที่จะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง ลูกต้องรับใช้ผู้คนมากมาย ลูกต้องสอนผู้คนมากมาย กลายเป็นผู้นำสาสน์ และให้สาสน์นี้แก่ทุกคน

พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ทำความเพียรพยายามที่ถูกต้องแม่นยำ ผู้ที่มีประสบการณ์ของความสุขภายในและพลังทั้งหมดในตักแห่งความรัก

ผู้ที่เป็นผู้ทำความเพียรพยายามที่แท้จริงนั้นไม่มีประสบการณ์ของการต้องทำงานหนัก หรือมีความเหนื่อยล้า แต่คงอยู่อย่างซาบซึ้งสม่ำเสมอในความรัก เนื่องจากการได้อุทิศแม้กระทั่งในความคิดของพวกเขา พวกเขามีประสบการณ์ว่าบัพดาดาทำให้ตัวเขาเองเคลื่อนไป ไม่ใช่ด้วยเท้าของการทำงานหนัก แต่เคลื่อนไปในตักแห่งความรัก เนื่องจากการมีประสบการณ์ของการได้มาซึ่งคุณประโยชน์ทั้งหมดในตักแห่งความรัก พวกเขาจึงไม่เพียงแต่เคลื่อนไปเท่านั้น แต่เฝ้าแต่โบยบินไปอย่างสม่ำเสมอในประสบการณ์ของความสุข ความเบิกบานภายใน และพลังทั้งหมด

คติพจน์:
เมื่อรากฐานแห่งศรัทธาของลูกมั่นคง ลูกจะมีประสบการณ์อย่างเป็นธรรมชาติว่าชีวิตของลูกเป็นชีวิตที่สูงส่ง

มีความรักในความสันโดษและซึมซับความเป็นหนึ่งเดียวกันและสมาธิ

ความเป็นหนึ่งเดียวกันในความหลากหลาย: แม้ว่าจะมีประเทศมากมาย ภาษามากมาย และสีผิวมากมาย แม้จะมีความหลากหลาย ขอให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกันในหัวใจของทุกคนในทางปฏิบัติ เพราะมีพ่อเดียวในหัวใจของทุกคน และเราทั้งหมดกำลังทำตามศรีมัทเดียวกัน แม้ว่าลูกมีภาษามากมาย บทเพลงในหัวใจของลูก และภาษาของหัวใจของลูกนั้นเป็นหนึ่งเดียว