18.09.24 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ลูกคือดวงดาวที่มีชีวิตของโลก ลูกต้องให้แสงแก่ทั้งโลก
คำถาม:
ชีพบาบาทำให้ร่างของลูกบริสุทธิ์อย่างไร?
คำตอบ:
ท่านได้ให้น้ำนมแห่งความรู้แก่ลูกผ่านแม่บราห์มาและทำให้ร่างของลูกบริสุทธิ์
เหตุนี้เองจึงมีการร้องเพลงยกย่องสรรเสริญท่านว่า: ท่านคือแม่และท่านคือพ่อ
เวลานี้ลูกกำลังดื่มน้ำนมแห่งความรู้ผ่านแม่บราห์มาที่จะทำให้บาปทั้งหมดของลูกถูกตัดออกไปและลูกจะกลับมาบริสุทธิ์
โอมชานติ
พ่อทางจิตนั่งที่นี่และอธิบาย: เช่นเดียวกับที่มีดวงดาวบนท้องฟ้า
ดังนั้นจึงมีการจดจำถึงลูกๆว่าลูกเป็นดวงดาวของโลกเช่นกัน
พวกเขานั้นก็ถูกเรียกว่าเป็นเทพแห่งท้องฟ้าด้วยเช่นกัน ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ใช่เทพ
ลูกนั้นมีพลังมากกว่าพวกเขาเพราะลูก ดวงดาวทั้งหลายให้ความสว่างแก่ทั้งโลก
ลูกคือผู้ที่จะกลายเป็นเทพ การขึ้นและการลงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของลูก
ดวงดาวเหล่านั้นให้แสงสว่างแก่เวที แต่พวกเขาไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเทพ
เวลานี้ลูกจะกลายเป็นเทพ ลูกคือผู้ให้ความสว่างแก่ทั้งโลก
ในเวลานี้มีความมืดสนิทปกคลุมทั่วทั้งโลก ทุกคนกลับมาไม่บริสุทธิ์
เวลานี้พ่อมาเพื่อทำให้ลูกที่อ่อนหวานที่สุดกลายเป็นเทพ มนุษย์คิดว่าทุกคนเป็นเทพ
พวกเขาแม้กระทั่งพูดว่าพระอาทิตย์เป็นเทพ
ในบางสถานที่พวกเขาแม้กระทั่งชักธงของพระอาทิตย์และเรียกตนเองว่าเป็นสุริยวงศ์
ในความเป็นจริงลูกคือสุริยวงศ์ พ่อนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆ
เวลานี้มีความมืดที่สุดในบารัต เวลานี้ต้องมีแสงสว่างในบารัตเท่านั้น
พ่อกำลังให้น้ำมันแห่งความรู้แก่ลูกๆ ลูกนอนหลับอยู่ในการนอนหลับของความไม่รู้
พ่อมาเพื่อปลุกลูกให้ตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ท่านพูดว่า
ตามแผนของละครพ่อมาอีกครั้งในยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุดของทุกวงจร
ยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุดนั้นไม่ได้มีการกล่าวถึงในคัมภีร์
เวลานี้เพียงลูกเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับยุคนี้เพราะเวลานี้ลูกกำลังจะกลายเป็นดวงดาวและแล้วลูกก็กลายเป็นเทพ
ได้มีการกล่าวถึงลูกเท่านั้นว่า ขอคารวะต่อเทพแห่งสวรรค์
จากการเป็นผู้กราบไหว้บูชาเวลานี้ลูกกำลังจะกลายเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
ที่นั่นลูกมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา สิ่งนี้จะต้องเข้าใจ
สิ่งนี้เรียกว่าการศึกษาทางจิต ไม่สามารถมีการต่อสู้รบราระหว่างผู้ใดในสิ่งนี้
ครูก็สอนในวิธีที่ปกติธรรมดาและเด็กๆก็ศึกษาในวิธีที่ปกติธรรมดาไม่มีเรื่องของการต่อสู้รบราในสิ่งนี้
ผู้นี้ไม่ได้พูดว่าเขาเป็นพระเจ้า
มีเพียงลูกๆเท่านั้นที่รู้ว่าผู้เดียวที่กำลังสอนลูกคือชีพบาบาที่ไม่มีตัวตน
ท่านไม่มีร่างของท่านเอง ท่านพูดว่า พ่อยืมพาหนะนี้มาใช้ ทำไมเขาจึงถูกเรียกว่า “พาหนะที่โชคดี?”
เพราะเขาคือพาหนะที่มีโชคอย่างมาก
เขาคือผู้ที่กลายเป็นนายของโลกและดังนั้นเขาคือบัคกีราท (พาหนะที่โชคดี)
ความหมายของทุกสิ่งเหล่านี้จะต้องเข้าใจ นี่คือการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดนอกจากความหลอกลวง มีคำกล่าวว่า
เรือของสัจจะอาจจะโคลงเคลงแต่จะไม่จม ทุกวันนี้มีพระเจ้าหลายประเภทที่ปรากฏออกมา
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย พวกเขาแม้กระทั่งพูดว่าก้อนกรวดและก้อนหินเป็นพระเจ้า
พวกเขาได้ทำให้พระเจ้าเร่ร่อนไปทั่วอย่างมากมาย!
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายเช่นเดียวกับที่พ่อทางร่างอธิบายให้แก่ลูกๆของเขา
อย่างไรก็ตามพ่อเช่นนั้นจะไม่เป็นครูและเป็นกูรูเช่นกัน
เริ่มแรกเด็กจะถือกำเนิดกับพ่อและเมื่อเขาโตขึ้นมาเล็กน้อยเขาก็ต้องการครูที่จะสอนเขา
และจากนั้นก็ต้องการกูรูหลังจากอายุ 60 ปี ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพ่อ ครู
และสัตกูรู ท่านพูดว่า พ่อเป็นพ่อของลูกๆ ดวงวิญญาณ เป็นดวงวิญญาณที่ศึกษาเล่าเรียน
แต่ละดวงดวงวิญญาณก็เรียกว่าดวงวิญญาณ แต่ได้มีการให้ชื่อหลายชื่อกับร่างกาย
ลองคิดดู นี่คือการละเล่นที่ไม่มีขีดจำกัด สิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วกำลังเกิดขึ้น
ไม่มีอะไรใหม่ นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้วที่คงอยู่ตลอดไปที่หมุนไปเรื่อยๆ
ดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นนักแสดง ดวงวิญญาณทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ไหน? ลูกจะพูดว่า
เราคือผู้อยู่อาศัยในบ้านของเราอาณาเขตสูงสุดแล้วเราก็มาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทที่ไม่มีขีดจำกัดของเรา
พ่ออาศัยอยู่ที่นั่นเสมอ ท่านไม่ได้กลับมาใช้ชาติเกิด
พ่อผู้สร้างบอกลูกถึงสาระของตัวท่านเองและสิ่งสร้างในเวลานี้ ท่านเรียกลูกๆว่า “ผู้ควงกงจักรแห่งการสำนึกรู้ในตนเอง”
ไม่มีใครสามารถเข้าใจความหมายของสิ่งนี้เพราะพวกเขาคิดว่าวิษณุคือผู้ควงกงจักรแห่งการสำนึกรู้ในตนเอง
ดังนั้นพวกเขาจึงถามว่า: เหตุใดลูกถึงเรียกมนุษย์ว่าสิ่งนี้?
เพียงลูกเท่านั้นที่รู้สิ่งนี้ เมื่อลูกเป็นศูทรลูกเป็นมนุษย์
และเวลานี้ลูกได้กลายเป็นบราห์มินลูกยังเป็นมนุษย์
และเมื่อลูกกลายเป็นเทพลูกก็จะยังคงเป็นมนุษย์
อย่างไรก็ตามบุคลิกภาพของลูกเปลี่ยนไป เมื่อราวันมา,
บุคลิกภาพของลูกก็เสียไปอย่างมาก กิเลสเหล่านั้นไม่ได้มีอยู่ในยุคทอง
เวลานี้พ่อกำลังบอกลูกๆ ถึงเรื่องราวของความเป็นอมตะ
ลูกเคยได้ยินเรื่องราวมามากมายในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา พวกเขาพูดว่า
เจ้าแห่งความเป็นอมตะได้บอกเรื่องราวแห่งความเป็นอมตะแก่ปาราวตี
อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าเป็นชางก้าที่ได้เล่าเรื่องราวให้แก่เธอ
ชีวาจะบอกสิ่งนั้นได้อย่างไร? มนุษย์มากมายก็ไปเพื่อรับฟังสิ่งนั้น
พ่อนั่งที่นี่และบอกลูกถึงเรื่องราวต่างๆของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
พ่อไม่ได้พูดว่าความเลื่อมใสศรัทธาไม่ดี ไม่เลย
แต่นั่นเป็นละครที่คงอยู่ตลอดไปที่ได้มีการอธิบายแก่ลูก เวลานี้พ่อพูดว่า
ประการแรกพิจารณาว่าตนเป็นดวงวิญญาณนี่คือสิ่งหลัก พระเจ้าพูดว่า: มานมานะบาฟ!
อะไรคือความหมายของสิ่งนั้น?
พ่อนั่งที่นี่และบอกลูกถึงความหมายผ่านปากนี้และดังนั้นนี่คือเกามุกข์
มีการอธิบายเช่นกันว่า เป็นผู้นั้นที่ลูกพูดว่า ท่านคือแม่และท่านคือพ่อ
ดังนั้นท่านได้นำลูกทั้งหมดมาเลี้ยงดูผ่านแม่นี้ ชีพบาบาพูดว่า
พ่อได้ให้น้ำนมแห่งความรู้แก่ลูกด้วยปากนี้และดังนั้นบาปทั้งหมดของลูกจึงถูกเผาไปและลูกดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์
ดังนั้นลูกจะได้รับร่างกายที่บริสุทธิ์
ดวงวิญญาณกลับมาบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์และแล้วพวกเขาก็ค่อยๆลงบันไดมาเรื่อยๆ
เวลานี้ลูกดวงวิญญาณเข้าใจแล้วว่าลูกบริสุทธิ์และร่างของลูกก็บริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน
และแล้วตามละครลูกก็เข้ามาสู่วงจรของ 84 ชาติเกิด เวลานี้ลูกไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป
เวลานี้ลูกจะถูกกล่าวว่ามี 9 กระรัต เวลานี้เหลือเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ลูกไม่สามารถพูดว่าสิ่งนั้นได้หายไปอย่างสมบูรณ์ มีส่วนเล็กๆยังคงหลงเหลืออยู่
พ่อได้ให้สัญญาณนี้แก่ลูก ภาพลักษณ์ของลักษมีและนารายณ์เป็นอันดับหนึ่ง
เวลานี้ทั้งวงจรได้เข้าไปสู่สติปัญญาของลูก
คำแนะนำของพ่อได้เข้าไปสู่สติปัญญาของพวกเขาด้วยเช่นกัน
แม้ว่าลูกดวงวิญญาณจะไม่กลับมาบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์
ลูกก็มีคำแนะนำของพ่ออยู่ในสติปัญญาของลูก
พ่อได้แสดงให้ลูกเห็นวิธีที่จะกลับมาบริสุทธิ์
อัลลอยด์ที่อยู่ในดวงวิญญาณจะสามารถถูกขจัดออกไปได้อย่างไร?
มีการจาริกแสวงบุญแห่งการทรงจำระลึกถึงสำหรับสิ่งนั้น สิ่งนี้เรียกว่าสนามรบ
ลูกแต่ละคนเป็นทหารที่อิสระในสนามรบนี้
เวลานี้ลูกแต่ละคนจะสามารถทำความเพียรพยายามได้มากเท่าที่ลูกต้องการ
เป็นหน้าที่ของนักเรียนที่จะทำความเพียรพยายาม
เมื่อลูกไปที่ไหนก็ตามจงเฝ้าแต่เตือนกันและกัน: มานมานะบาฟ! เธอจดจำชีพบาบาหรือไม่?
เพียงแต่ให้สัญญาณนี้แก่กันและกัน
การศึกษาของพ่อคือสัญญาณและเหตุนี้เองพ่อจึงพูดว่า
ร่างของลูกกลับมาบริสุทธิ์ในเวลาเพียงหนึ่งวินาที พ่อทำให้ลูกกลายเป็นนายของโลก
เมื่อลูกกลายเป็นลูกของพ่อลูกก็กลายเป็นนายของโลกแล้วก็มีอำนาจในการปกครองในโลกเช่นกัน
ความเพียรพยายามที่ลูกต้องทำคือการประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงในสิ่งนั้น
แต่มิฉะนั้นก็มีการหลุดพ้นในชีวิตในหนึ่งวินาที สิ่งนี้ถูกต้อง
ขึ้นอยู่กับลูกแต่ละคนที่จะทำความเพียรพยายาม
เฝ้าแต่จดจำระลึกถึงพ่อแล้วดวงวิญญาณจะกลับมาบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์
ลูกจะกลับมาสโตประธานและกลายเป็นนายของโลกที่สโตประธาน
ลูกกลับมาสโตประธานจากตโมประธานมามากมายหลายครั้ง วงจรนี้ยังคงหมุนไปอย่างต่อเนื่อง
มันไม่เคยจบสิ้น พ่อนั่งที่นี่และอธิบายอย่างดีมาก ท่านพูดว่า พ่อมาทุกๆ วงจร ลูกๆ
เชิญพ่อให้เข้ามาในโลกที่สกปรก ลูกได้ให้คำเชิญอะไรแก่พ่อ? ลูกพูดว่า
เราได้กลับมาไม่บริสุทธิ์และดังนั้นได้โปรดมาและชำระเราให้บริสุทธิ์!
เป็นการเชื้อเชิญที่มหัศจรรย์ของลูก! ลูกพูดว่า
พาเราไปยังดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุขและดังนั้นพ่อคือผู้รับใช้ที่เชื่อฟังของลูก
นี่เป็นเกมของละครด้วยเช่นกัน ลูกเข้าใจว่าลูกศึกษาสิ่งเดียวกันทุกๆ
วงจรและเล่นบทบาทของลูก เป็นดวงวิญญาณที่เล่นบทบาทของเขา
ขณะที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่พ่อก็กำลังมองดูดวงวิญญาณ ท่านมองดูที่ดวงดาว
ดวงวิญญาณนั้นเล็กมากราวกับว่ามีประกายของดวงดาว
ดาวบางดวงก็สว่างไสวมากและดาวอื่นๆก็สลัว บ้างก็อยู่ใกล้กับดวงจันทร์มากกว่า ลูก
ดวงวิญญาณกำลังจะกลับมาบริสุทธิ์มากด้วยพลังโยคะเช่นกันและดังนั้นลูกจึงเปล่งประกาย
บาบาพูดด้วยเช่นกันว่า พ่อจะให้ดอกไม้แก่ผู้ที่เป็นดวงดาวที่ดีมากในบรรดาลูกๆ
ลูกๆรู้จักกันและกันด้วยเช่นกัน บ้างก็เข้มแข็งมากอย่างแท้จริงและบ้างก็อ่อนแอ
ดวงดาวเหล่านั้นไม่สามารถเรียกว่าเทพ ลูกก็เป็นมนุษย์เช่นกัน
แต่พ่อทำให้ลูกดวงวิญญาณบริสุทธิ์และทำให้ลูกกลายเป็นนายของโลก
พ่อให้อำนาจแก่ลูกอย่างมากมายอย่างเป็นมรดก ท่านคือพ่อผู้ทรงพลังอำนาจ พ่อพูดว่า
พ่อให้อำนาจอย่างมากมายแก่ลูกๆ มีการร้องเพลงด้วยเช่นกันว่า ชีพบาบา
ท่านนั่งที่นี่และเปลี่ยนเราจากมนุษย์ให้กลายเป็นเทพด้วยการศึกษานี้ น่ามหัศจรรย์!
ไม่มีใครทำให้เราเป็นเช่นนี้ การศึกษาคือแหล่งแห่งรายได้ของลูก
ท้องฟ้าและผืนดินทั้งหมด ฯลฯ กลายเป็นของเรา
ไม่มีใครสามารถแย่งชิงสิ่งนั้นไปจากเราได้ สิ่งนี้เรียกว่าอาณาจักรที่ไม่สั่นคลอน
ไม่มีใครสามารถทำลายสิ่งนั้น ไม่มีใครสามารถเผาสิ่งนั้นได้
ดังนั้นลูกควรจะทำตามศรีมัทของพ่อเช่นนั้น
ลูกแต่ละคนต้องทำความเพียรพยายามด้วยตัวลูกเอง ลูกๆได้สร้างพิพิธภัณฑ์ ฯลฯ
เพื่อที่ลูกสามารถอธิบายด้วยรูปภาพเหล่านั้นให้แก่ผู้ที่ทัดเทียมกับลูก
พ่อเฝ้าแต่ให้คำแนะนำและแนวทางปฏิบัติแก่ลูก:
ลูกสามารถสร้างภาพใดก็ตามที่ลูกต้องการ สติปัญญาของทุกคนนั้นทำงาน
สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์
ลูกรู้ว่าใครก็สามารถไปที่ศูนย์ได้
ดังนั้นลูกควรจะสร้างวิธีการใดที่ผู้คนจะมาด้วยตนเองเพื่อรับขนมหวานนี้?
เมื่อขนมหวานของใครบางคนนั้นดีมากพวกเขาก็จะโฆษณา(โดยผู้ที่ชิมขนมเหล่านั้น)
พวกเขาทั้งหมดก็จะบอกคนอื่นๆว่า: ไปที่ร้านนั้นร้านนี้
นี่คือขนมหวานอันดับหนึ่งที่ดีที่สุด ไม่มีใครสามารถให้ขนมหวานเช่นนั้นได้
เมื่อใครบางคนเห็นสิ่งนั้นเขาก็ไปและบอกผู้อื่น
แน่นอนลูกจะคิดว่าทั้งบารัตจะไปสู่ยุคทองได้อย่างไร
ลูกอธิบายอย่างมากมายเพื่อสิ่งนั้นแต่พวกเขามีสติปัญญาที่เป็นหินและดังนั้นจึงต้องใช้ความเพียรพยายาม
ลูกต้องเรียนรู้วิธีการล่าเช่นกัน ก่อนอื่นลูกเรียนรู้วิธีการล่าเหยื่อเล็กๆ
ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งจำเป็นในการล่าเหยื่อที่ใหญ่กว่า
มีนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่มากมายที่เคยศึกษาพระเวทและคัมภีร์
พวกเขาคิดว่าตนเองเป็นผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่
ในพาราณสีพวกเขาได้รับสมญาที่ใหญ่โตเช่นนั้น เหตุนี้เองบาบาจึงกล่าวว่า:
ก่อนอื่นใดทำงานรับใช้โดยล้อมรอบทุกคนในพาราณสี
เมื่อมีเสียงปรากฏออกมาจากบุคคลสำคัญแล้วคนอื่นก็จะรับฟัง
ไม่มีใครฟังรุ่นน้องที่เยาว์วัยกว่า
ลูกต้องอธิบายแก่สิงโตผู้ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้มีอำนาจของคัมภีร์
พวกเขาได้รับสมญาที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น แม้แต่ชีพบาบาก็ไม่ได้มีสมญามากมาย
เป็นอาณาจักรของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาและแล้วก็กลายเป็นอาณาจักรของหนทางของความรู้
ไม่มีความเลื่อมใสศรัทธาในหนทางของความรู้นี้
แล้วก็ไม่มีความรู้ในความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแน่นอน ดังนั้นพ่ออธิบายทั้งหมดนี้
พ่อมองดูที่ลูกทั้งหมดด้วยความเข้าใจว่าลูกทั้งหมดกำลังนั่งที่นี่คือดวงดาว
ลูกต้องละทิ้งจิตสำนึกของร่างกายของลูก เช่นที่มีประกายของดวงดาวที่อยู่เบื้องบน
ดังนั้นมีประกายที่นี่เช่นกัน บ้างก็ได้กลายเป็นผู้ที่มีแสงสว่างไสวอย่างยิ่ง
พวกเขาคือดวงดาวของโลกผู้ที่เรียกว่าเทพ นี่เป็นเวทีที่ไม่มีขีดจำกัดที่ใหญ่โต
พ่อได้อธิบายว่า นั่นคือกลางวันและกลางคืนที่มีขีดจำกัด
นี่คือกลางคืนของครึ่งวงจรและกลางวันของครึ่งวงจรที่ไม่มีขีดจำกัด
ในกลางวันไม่มีอะไรนอกจากความสุข ไม่จำเป็นต้องล้มลุกคลุกคลานที่ใด
ในความรู้มีความสุขในขณะที่ในความเลื่อมใสศรัทธามีความทุกข์
ไม่มีการเอ่ยถึงความทุกข์ในยุคทอง ไม่มีความตายที่นั่น ลูกเอาชนะความตาย
ไม่มีการเอ่ยถึงความตาย นั่นคือดินแดนแห่งความเป็นอมตะ
ลูกรู้ว่าพ่อกำลังบอกเรื่องราวแห่งความเป็นอมตะสำหรับดินแดนแห่งความอมตะแก่ลูก
ลูกที่สุดแสนหวานเวลานี้มีความรู้ทั้งหมดของทั้งวงจรในสติปัญญาของลูกตั้งแต่ตอนต้น
ลูกรู้ว่าบ้านของลูกดวงวิญญาณคือธาตุบราห์ม
ลูกมาที่นี่จากที่นั่นตามลำดับกันไปเพื่อเล่นบทบาทของลูก มีดวงวิญญาณมากมาย
พ่อจะไม่นั่งและพูดถึงลูกทุกคนและแต่ละคนเป็นการส่วนตัว
ท่านบอกทุกสิ่งแก่ลูกอย่างสั้นๆ มีกิ่งก้านสาขาอยู่มากมาย
ต้นไม้ก็เติบโตขึ้นในขณะที่กิ่งก้านนั้นยังคงปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง
มีผู้คนมากมายที่ไม่รู้แม้แต่เกี่ยวกับศาสนาของตนเอง พ่อมาและอธิบายว่า
ดั้งเดิมแล้วลูกเป็นของศาสนาเทพ
แต่เวลานี้ลูกได้กลับมาเสื่อมลงในศาสนาและการกระทำของลูก
เวลานี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่าดั้งเดิมแล้วลูกเคยเป็นผู้อาศัยในดินแดนแห่งความสงบ
และจากนั้นลูกก็มาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของลูก
มันเคยเป็นอาณาจักรของลักษมีและนารายณ์ เป็นราชวงศ์ของพวกเขา
เวลานี้ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกัน
พ่อได้บอกลูกแล้วว่าลูกเคยเป็นของสุริยวงศ์และแล้วลูกก็กลายเป็นจันทรวงศ์และในระหว่างกลางก็มีการโค่นล้มระบอบการปกครองที่มีการวางแผน
นี่คือการละเล่นที่ไม่มีขีดจำกัด นี่คือต้นไม้ที่เล็กเช่นนั้น นี่คือสกุลบราห์มิน
แล้วก็จะใหญ่ขึ้นที่ลูกจะไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นหรือพบกับทุกคนได้
ลูกจะเฝ้าแต่ล้อมรอบทุกคน(ทำงานรับใช้)ต่อไป พ่อพูดว่า
ล้อมรอบทุกคนในเดลีและพาราณสี แล้วท่านก็พูดว่า ลูกคือผู้ที่จะล้อมรอบทั้งโลก
ลูกก่อตั้งอาณาจักรเดียวในทั่วทั้งโลกด้วยพลังโยคะและดังนั้นลูกควรจะมีความสุขอย่างมาก
บางคนก็เฝ้าแต่ไปยังที่หนึ่งและคนอื่นก็ไปยังที่อื่น ไม่มีใครรับฟังลูกในเวลานี้
เมื่อบุคคลสำคัญมาถึงและมีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์พวกเขาก็จะเข้าใจ
เหยื่อที่ล่าได้ในเวลานี้คือเหยื่อเล็กๆ
ผู้คนที่มั่งคั่งและยิ่งใหญ่คิดว่านี่คือสวรรค์สำหรับพวกเขา
มีเพียงผู้ที่ยากจนเท่านั้นที่มาและประกาศสิทธิ์ในมรดกของพวกเขา พวกเขาพูดว่า บาบา
ท่านผู้เดียวเท่านั้นและไม่มีใครอื่นที่เป็นของฉัน
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะสามารถเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ทำลายความผูกพันยึดมั่นจากทั้งโลกแล้วเท่านั้น
อัจชะ
ถึงลูกๆ
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก
ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
เฝ้าแต่เตือนกันและกันเพื่อที่จะทำให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ให้สัญญาณของ “มานมานะบาฟ”
กลับมาบริสุทธิ์ด้วยพลังโยคะและกลายเป็นดวงดาวที่เปล่งประกาย
2.
ทำความเข้าใจการละเล่นที่ถูกกำหนดไว้แล้วที่ไม่มีขีดจำกัดนี้อย่างดีมากและกลายเป็นผู้ควงกงจักรแห่งการสำนึกรู้ในตนเอง
ให้น้ำมันแห่งความรู้แก่มนุษย์และนำพวกเขาออกมาจากความมืดที่สุดของความไม่รู้
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้ที่มีอำนาจในการปกครองตนเองและทำให้สมบัติที่มีค่าทั้งหมดเป็นของลูกด้วยสำนึกรู้ของการเป็นลูกและเป็นนาย
ในเวลานี้ลูกๆไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกเท่านั้น แต่ลูกๆเป็นลูกที่เป็นนายด้วยเช่นกัน
ประการแรกลูกเป็นนายที่มีอำนาจในการปกครองตนเอง
และประการที่สองลูกเป็นนายของมรดกของพ่อ
เนื่องจากลูกเป็นผู้ที่มีอำนาจในการปกครองตนเองลูกจึงมีอวัยวะประสาทสัมผัสทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของลูก
อย่างไรก็ตามในบางครั้งลูกก็ลืมการตระหนักรู้ของการเป็นนายและจิตใจก็จะควบคุมลูก
เหตุนี้เอง มนตราของพ่อคือ “มานมานะบาฟ” เมื่อลูกอยู่ในสภาพของ “มานมานะบาฟ”
ลูกจะไม่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ไร้สาระ
แต่จะมีประสบการณ์ว่าสมบัติที่มีค่าทั้งหมดนั้นเป็นของลูก
คติพจน์:
การได้สัมผัสกับความสุขสันต์ของสภาพที่โบยบินในชิงช้าของความรักของพระเจ้านั้นเป็นโชคที่สูงส่งที่สุด