20.10.24    Avyakt Bapdada     Thai Murli     28.03.2002     Om Shanti     Madhuban


ปีนี้จงฉลองอย่างเป็นปีแห่งความถ่อมตน ความบริสุทธิ์ และความสะอาด
และเป็นปีแห่งความเป็นอิสระจากสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ปีแห่งการหลุดพ้น


วันนี้ บัพดาดาได้เห็นเส้นที่ส่องประกายสามเส้นบนหน้าผากของลูกๆ ของท่านในทั้งสี่ทิศ เส้นที่หนึ่งเป็นเส้นของการหล่อเลี้ยงของพระเจ้า เส้นที่สองเป็นเส้นของการศึกษาที่สูงส่ง และเส้นที่สามเป็นเส้นของคำแนะนำและแนวทางที่สูงส่ง ทั้งสามเส้นล้วนเปล่งประกาย ทั้งสามเส้นนี้เป็นเส้นแห่งโชคของลูกทุกคน ลูกทุกคนก็เห็นเส้นทั้งสามเส้นของลูกเช่นกันใช่หรือไม่? โชคของการหล่อเลี้ยงของพระเจ้านั้นไม่มีใครได้รับนอกจากลูกดวงวิญญาณบราห์มินเท่านั้น นี่คือการหล่อเลี้ยงของพระเจ้าที่ทำให้ลูกกลายเป็นผู้ที่สูงส่งที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา ลูกเคยคิดบ้างไหมและแม้แต่ในความฝันว่า ฉัน ดวงวิญญาณนี้ จะมีสิทธิ์ได้รับการศึกษาของพระเจ้าเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เวลานี้ลูกได้สัมผัสสิ่งนี้ในรูปที่มีตัวตนแล้ว สัตกูรูเองได้ให้คำแนะนำและแนวทางที่สูงส่งสำหรับทุกการกระทำตั้งแต่เวลาอมฤตจนถึงเวลากลางคืน และให้ศรีมัตแก่ลูกเพื่อทำให้ลูกกลายเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนบ่วงกรรมให้กลายเป็นความสัมพันธ์แห่งกรรม ลูกไม่เคยแม้แต่จะฝันถึงสิ่งนี้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เวลานี้ลูกพูดด้วยประสบการณ์ว่าทุกการกระทำของลูกนั้นอยู่บนพื้นฐานของศรีมัต ลูกมีประสบการณ์กับสิ่งนี้หรือไม่? บัพดาดาก็ยินดีเช่นกัน เมื่อเห็นโชคที่สูงส่งเช่นนี้ของลูกทุกคน ว้าว ลูกๆที่สูงส่งและมีโชคของฉัน! ว้าว! ลูกๆ พูดว่า "ว้าว บาบา! ว้าว!" และพ่อก็พูดว่า "ว้าว ลูกๆ ว้าว!"

วันนี้ จากช่วงเวลาอมฤต ขณะที่ลูกๆกำลังมีการจดจำระลึกถึง ความคิดสองประการก็มาถึงบัพดาดา ประการแรก ลูกๆ หลายคนจำได้ว่าต้องให้บัญชีของพวกเขา ประการที่สอง มีการระลึกถึงโฮลี – ที่จะได้รับการแต่งแต้มสีสันด้วยมิตรร่วมทางของพ่อ ลูกทุกคนมาเพื่อเฉลิมฉลองโฮลีใช่หรือไม่? ในภาษาบราห์มิน การเฉลิมฉลองหมายถึงการกลายเป็น ลูกเฉลิมฉลองโฮลี ซึ่งหมายถึงการที่ลูกกลายเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ บัพดาดาเห็นว่า สำหรับลูกๆ บราห์มิน การได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษสุดและน่ารักอย่างยิ่ง แท้จริงแล้ว ดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่เข้ามาในตอนต้นของยุคทองแดงและบิดาของศาสนาต่างๆที่เข้ามาเป็นครั้งคราวก็มาอย่างบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามความบริสุทธิ์ของลูกนั้นสูงส่งที่สุดและพิเศษสุด ไม่มีใครในทั้งวงจร ไม่ว่าจะเป็นดวงวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ ดวงวิญญาณทางศาสนา หรือบิดาแห่งศาสนาก็ตามที่จะบริสุทธิ์ มีเพียงลูกดวงวิญญาณเท่านั้นที่บริสุทธิ์ ร่างกายของลูกบริสุทธิ์ วัตถุธาตุต่างๆสะโตประธานและบริสุทธิ์ ไม่มีใครที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในลักษณะนี้ และไม่มีใครสามารถเป็นเช่นนี้ได้ นำรูปในอนาคตของลูกมาไว้ข้างหน้าลูก รูปในอนาคตของลูกมาอยู่ข้างหน้าทุกคนแล้ว หรือลูกไม่รู้ว่าลูกจะกลายเป็นเช่นนั้นหรือไม่? ลูกจะกลายเป็นอะไร? ไม่ว่าลูกจะกลายเป็นอะไร ลูกก็จะบริสุทธิ์ใช่ไหม? ร่างกายของลูกจะบริสุทธิ์ ลูกดวงวิญญาณจะบริสุทธิ์ และวัตถุธาตุต่างๆจะบริสุทธิ์และให้ความสุข ลูกสามารถนำภาพลักษณ์ในอนาคตของลูกมาไว้ข้างหน้าลูกด้วยปากกาแห่งความศรัทธาของลูก ลูกมีศรัทธาใช่หรือไม่? ลูกผู้เป็นครูมีศรัทธาหรือไม่? อัจชะ ลูกสามารถนำภาพลักษณ์ในอนาคตของลูกมาอยู่ตรงหน้าลูกในหนึ่งวินาทีได้หรือไม่? โอเค ลูกอาจจะไม่ได้กลายเป็นกฤษณะ แต่ลูกจะกลายเป็นมิตรร่วมทางของเขาได้ใช่หรือไม่? มันช่างน่ารักเหลือเกิน! ลูกรู้วิธีที่จะกลายเป็นศิลปินหรือไม่? แค่เห็นสิ่งนั้นอยู่ตรงหน้าลูก! แค่นั้นเอง เวลานี้ ลูกเป็นคนธรรมดา ในวันพรุ่งนี้ (พรุ่งนี้ในละคร) ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ แต่พรุ่งนี้ลูกจะกลายเป็นผู้ที่มีร่างกายที่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน พันดาวาสคิดอย่างไร? มันแน่นอนอยู่แล้วใช่ไหม? ลูกไม่มีความสงสัยใดๆใช่ไหม? "ฉันไม่รู้ว่าฉันจะกลายเป็นสิ่งนี้หรือไม่?" ลูกมีความสงสัยหรือไม่? ลูกไม่มีความสงสัยใช่ไหม? ลูกแน่ใจ เนื่องจากลูกเป็นราชาโยคี ลูกจึงจะต้องกลายเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในอาณาจักร หลายครั้งที่บัพดาดาเตือนลูกว่าพ่อได้นำของขวัญมาให้ลูก ดังนั้น ท่านได้นำของขวัญอะไรมา? โลกยุคทอง ท่านได้นำของขวัญแห่งโลกที่สะโตประธานมาให้ลูก ลูกมีศรัทธา สิ่งชี้บอกของศรัทธาคือความซาบซึ้งทางจิต ยิ่งลูกเข้าใกล้อาณาจักรของลูกมากเท่าไร และยิ่งลูกเข้าใกล้บ้านของลูกมากเท่าไร ลูกก็จะยิ่งเข้าใกล้อาณาจักรของลูกมากขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้น ให้มีความตระหนักรู้และระลึกถึงบ้านอันแสนหวานและอาณาจักรอันแสนหวานอย่างชัดเจน นี่คือสิ่งชี้บอกของการเข้าใกล้ บ้านและอาณาจักรของลูกจะชัดเจนในความทรงจำของลูกที่ลูกมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาที่สามของลูก ลูกสัมผัสได้ว่าวันนี้ลูกอยู่ที่นี่และพรุ่งนี้ลูกจะอยู่ที่นั่น ลูกจำได้ไหมว่าลูกได้เล่นบทบาทต่างๆของลูกเสร็จสิ้นไปกี่ครั้งแล้วและได้กลับไปยังบ้านและอาณาจักรของลูกอย่างไร? ลูกจำสิ่งนี้ได้ใช่ไหม? เวลานี้ลูกต้องกลับไปอีกครั้ง

บัพดาดาได้เห็นผลลัพธ์ของทุกคนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์หรือชาวบารัต จะเห็นได้ว่าลูกๆทุกคนในปัจจุบันมีความประมาทไม่ระมัดระวังในรูปแบบใหม่ๆมากมาย ความไม่ระมัดระวังนั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ในจิตใจของลูกลูกคิดว่า "อะไรก็ได้!" ดูเหมือนจะเป็นคติพจน์พิเศษในทุกวันนี้ในทุกแง่มุม "อะไรก็ได้!" นี่คือความประมาทไม่ระมัดระวัง พร้อมกันนี้ ยังมีความไม่ระมัดระวังเล็กน้อยในความพยายามในการเปลี่ยนแปลงตนเอง มีความเกียจคร้านบางเปอร์เซ็นต์อยู่บ้าง "มันจะเกิดขึ้น เราจะทำ" บัพดาดาเห็นความไม่ระมัดระวังในรูปแบบใหม่ๆ นี่คือเหตุผลที่ลูกต้องรักษาบัญชีของลูกอย่างซื่อสัตย์ด้วยหัวใจที่แท้จริง ไม่ใช่ด้วยความไม่ระมัดระวัง

บัพดาดากำลังบอกผลลัพธ์กับลูก ท่านควรจะดำเนินต่อไปไหม? หรือบาบาควรให้แต่ความรักเท่านั้น นี่เป็นประเด็นหนึ่งของความรักเช่นกัน บัพดาดามีความรักต่อลูกๆมากมายที่ท่านรู้สึกว่าลูกๆทุกคนควรกลับบ้านไปกับพ่อบราห์มา ไม่ใช่ว่าลูกไปหลังจากท่าน แต่ลูกกลับไปกับท่านในฐานะมิตรร่วมทางของท่าน ดังนั้น ลูกจะต้องกลับมาทัดเทียมใช่หรือไม่? ลูกไม่สามารถกลับไปกับท่านในฐานะมิตรร่วมทางของท่านได้หากไม่กลับมาทัดเทียม แล้วเมื่อนั้น ชาติเกิดแรกของลูกจะอยู่ในอาณาจักรแรก และชาติเกิดแรกก็เป็นอันดับแรกใช่หรือไม่? ลูกอาจจะมาในชาติเกิดที่สองหรือที่สาม ลูกอาจได้เป็นราชา แต่ก็ยังคงเรียกว่าชาติเกิดที่สองหรือที่สามอยู่ดีใช่หรือไม่? การกลับไปกับท่านและประกาศสิทธิ์ในชาติเกิดแรกกับพ่อบราห์มาหมายถึงการได้เป็นอันดับหนึ่ง การสอบผ่านด้วยเกียรตินิยม ดังนั้น ลูกต้องการที่จะสอบผ่านด้วยเกียรตินิยมหรือไม่? หรือมันโอเคที่ได้คะแนนผ่าน? อย่าคิดว่าบัพดาดาไม่เห็นว่าลูกกำลังทำอะไรหรือกำลังเกิดอะไรขึ้น อย่าได้ไม่ระมัดระวังในแง่นี้ หากลูกๆคนใดถามบัพดาดาถึงชาร์ทของหัวใจของลูก ท่านสามารถบอกลูกได้ แต่ท่านไม่ต้องการบอกลูกในตอนนี้ บัพดาดาเห็นชาร์ทของมหาระตีทุกคน ผู้ขี่ม้าทุกคน... หลายครั้งที่บัพดาดารู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างมากและคิดว่า: พวกเขาเป็นใครและเขากำลังทำอะไรอยู่? อย่างไรก็ตาม พ่อบราห์มาเคยพูดว่า - ลูกจำได้ไหมว่าท่านเคยพูดว่าอะไร? มีเพียงภาชนะที่บรรจุน้ำเชื่อมเท่านั้นที่รู้ว่าน้ำเชื่อมนั้นหวานเพียงใด ชีพบาบารู้และบราห์มาบาบาก็รู้ บัพดาดารู้สึกเมตตาอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ลูกเช่นนั้นไม่สามารถสัมผัสความคิดของความเมตตาของบัพดาดาได้ พวกเขาไม่สามารถจับสิ่งนี้ได้ ด้วยเหตุนี้บัพดาดาจึงกล่าวว่า: บาบายังคงเห็นความไม่ระมัดระวังในรูปต่างๆที่ดีเลิศอยู่เรื่อยๆ อย่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวันนี้บัพดาดาจะบอกลูกว่า ท่านรู้สึกเมตตามาก ลูกๆหลายคนพูดว่า: "ในยุคทอง เราจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ตอนนี้เรามาสนุกกันเถอะ มาทำอะไรก็ตามที่เราต้องการทำในเวลานี้ ไม่มีใครจะหยุดเรา ไม่มีใครจะเห็นสิ่งนี้" อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความผิดพลาด บัพดาดาแค่ไม่ได้บอกชื่อ ถ้าท่านบอกชื่อเหล่านั้นแล้ว พรุ่งนี้ลูกก็คงจะโอเค

ลูกเข้าใจไหมว่าลูกต้องทำอะไร? พันดาวาส ลูกเข้าใจหรือไม่? ว่าจะทำ จะทำหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ทำ เพราะบัพดาดาได้รับรายงานของทุกคนในแต่ละวัน และบัพกับดาดาก็มีการสนทนากัน บัพดาดาให้สัญญาณอีกครั้งกับลูกๆทุกคนว่าเวลากำลังเคลื่อนไปสู่จุดสิ้นสุดในทุกวิถีทาง มายากำลังเล่นบทบาทของเธอในตอนจบ วัตถุธาตุต่างๆก็เล่นบทบาทของพวกเขาในตอนจบเช่นกัน ในเวลาเช่นนี้ ลูกๆ บราห์มินทั้งหลายต้องให้ความใส่ใจต่อตนเองให้มากที่สุด นั่นคือ ให้ความใส่ใจต่อจิตใจ คำพูด และการกระทำของลูกให้มากที่สุด ไม่ใช่ความพยายามธรรมดา! บัพดาดาเห็นว่าลูกมีความรักที่ดีต่อการทำงานรับใช้ ลูกพร้อมเสมอสำหรับงานรับใช้ ลูกพร้อมเสมอที่จะทำงานรับใช้ด้วยความรักเมื่อลูกได้รับโอกาส อย่างไรก็ตาม ให้มีการเพิ่มเติมในงานรับใช้ของลูกด้วย พร้อมกับคำพูดแล้ว ให้มีงานรับใช้ด้วยจิตใจด้วย ทำให้ดวงวิญญาณของลูกมั่นคงในรูปของการบรรลุผลที่พิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจึงทำงานรับใช้ด้วยคำพูด ตัวอย่างเช่น ลูกกำลังให้คำบรรยาย ลูกบรรยายได้ดีด้วยคำพูด แต่ในเวลานั้น ในสภาพของจิตสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ จงทำให้ตนเองมั่นคงในรูปของพลัง หรือในรูปของความสงบ หรือในรูปของความรักของพระเจ้า ทำให้ตนเองมั่นคงในประสบการณ์พิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง และสร้างผลกระทบต่อบรรยากาศ จากนั้นจึงให้สารเป็นคำพูด ให้สารด้วยคำพูดและด้วยจิตใจในสภาพของจิตสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ ให้ประสบการณ์ ในเวลาของการให้คำบรรยายจากคำพูดของลูก จากหน้าผากของลูก จากดวงตาของลูก จากใบหน้าของลูก ให้พวกเขาเห็นและรู้สึกถึงลักษณะที่มองเห็นได้จากการฟังคำบรรยาย แต่ให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีถึงความรักของพระเจ้าด้วย พวกเขากล่าวว่าผลจากการบรรยายที่ลูกพูดนั้นดีมาก ว่ามันดีมาก ลูกพูดสิ่งดีๆมากมาย ในทำนองเดียวกัน ให้พวกเขาพูดถึงประสบการณ์ของรูปของดวงวิญญาณ ให้กระแสไปถึงดวงวิญญาณของมนุษย์ ให้บรรยากาศนั้นถูกสร้างขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกทางวิทยาศาสตร์สามารถสร้างบรรยากาศของความเย็นได้ ทุกคนสามารถรู้สึกได้เมื่อมีความรู้สึกเย็นสบาย มันสามารถให้ประสบการณ์ของความอบอุ่นได้เช่นกัน ในความหนาวเย็นมันสามารถให้ประสบการณ์ของความอบอุ่นได้ ในความร้อนมันสามารถให้ประสบการณ์ของความเย็นได้ ความเงียบสงบของลูกไม่สามารถให้บรรยากาศในรูปของความรัก ในรูปของความสุข และในรูปของความสงบได้หรือ? ค้นคว้าวิจัยสิ่งนี้! พวกเขาไม่ควรแค่พูดว่า "นี่เป็นสิ่งที่ดี นี่เป็นสิ่งที่ดี " แต่พวกเขาควรจะกลับมาดี แล้วลูกจะนำมาซึ่งความสมบูรณ์ของเวลาและนำมาซึ่งอาณาจักรของลูก ลูกจำอาณาจักรของลูกไม่ได้หรือ? ยุคบรรจบกันนั้นสูงส่ง นั่นก็ดี มันมีค่าเท่ากับเพชร อย่างไรก็ตาม: โอ้ ลูกๆ ที่มีหัวใจเมตตา ซึ่งเป็นผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลก ลูกไม่รู้สึกเมตตาต่อพี่น้องชายหญิงที่ทุกข์ระทมและไร้ความสงบของลูกหรือ? ลูกไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเปลี่ยนแปลงโลกแห่งความทุกข์และทำให้มันมีความสุขหรือ? ลูกไม่มีความกระตือรือร้นนี้หรือ? ลูกปรารถนาที่จะเห็นความทุกข์หรือไม่? ลูกเห็นความทุกข์ของผู้อื่น ลูกชอบที่จะเห็นพี่น้องชายหญิงของลูกอยู่ในสภาพแห่งความทุกข์หรือไม่? ให้รูปที่มีความเห็นอกเห็นใจและเมตตาของลูกปรากฏออกมา อย่าเพียงแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานรับใช้ "เราได้ทำโปรแกรมนี้แล้ว เราได้ทำโปรแกรมนั้นแล้ว" ปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว เวลานี้จงกลับมามีเมตตา! จงเมตตาด้วยดริชตีของลูก หรือโดยการให้ประสบการณ์ หรือโดยการสร้างผลกระทบด้วยสภาพของดวงวิญญาณ จงเมตตา มีหัวใจที่เมตตา อัจชะ

บัพดาดาได้เห็นอีกสิ่งหนึ่ง บาบาไม่ชอบพูดเกี่ยวกับสิ่งนี้เลย บางครั้ง ลูกที่ดีบางคนก็เข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นมาก มองเรื่องของคนอื่น พูดถึงเรื่องของคนอื่น… และเมื่อพวกเขามองดู พวกเขาก็เห็นแต่สิ่งที่ไร้ประโยชน์ มีการพูดถึงคุณสมบัติพิเศษของกันและกันน้อยลง มีการเห็นคุณสมบัติพิเศษของกันและกันน้อยลง จงพูดถึงคุณสมบัติพิเศษของกันและกันและนำมาซึ่งความจริงจังและความกระตือรือร้นบนพื้นฐานของคุณสมบัติพิเศษของพวกเขา ลูกพยายามทิ้งสิ่งที่ไร้ประโยชน์ของตนเองที่บัพดาดาบอกว่าควรทิ้งไป แต่ก็ยังมีนิสัยชอบเห็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ของผู้อื่น สิ่งนี้ใช้เวลานานมาก บัพดาดากำลังให้ศรีมัตพิเศษอย่างหนึ่ง จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่ก็เสียเวลาไปมาก จงถ่อมตนในคำพูดของลูก ความถ่อมตนในคำพูดของลูกไม่ควรลดลง ลูกอาจพูดด้วยถ้อยคำที่ธรรมดา โดยคิดว่าต้องพูดอย่างนั้น อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีความถ่อมตน ถ้าใครบางคนพูดด้วยอำนาจ ถ้าใครบางคนพูดบนพื้นฐานของงานหรือตามตำแหน่งของตน จะเห็นความหลงทะนงตนห้าเปอร์เซ็นต์ ความถ่อมตนเป็นเครื่องประดับพิเศษของชีวิตบราห์มิน จะต้องมีความถ่อมตนในจิตใจ คำพูด คำกล่าวสุนทรพจน์หรือคำบรรยาย ความสัมพันธ์และสายสัมพันธ์ของลูก ไม่ควรเป็นว่า "ฉันมีความถ่อมตนในสามด้านแต่น้อยกว่าในด้านหนึ่ง และดังนั้นจึงไม่เป็นไร" อย่างไรก็ตาม ความอ่อนแอเดียวนั้นจะไม่ทำให้ลูกสอบผ่านด้วยเกียรตินิยม ความถ่อมตนคือความยิ่งใหญ่ นี่ไม่ใช่การก้มศีรษะลง แต่คือการทำให้คนอื่นก้มลง ลูกบางคนถามติดตลกว่า: “ฉันเป็นคนที่ต้องก้มลงอยู่เสมอหรือไม่? คนอื่นก็ควรก้มลงด้วยเช่นกัน” อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การก้มลง ในความเป็นจริง นับประสาอะไรกับดวงวิญญาณ สิ่งนี้ทำให้แม้แต่พระเจ้าก็ก้มลงให้กับลูก ความถ่อมตนจะทำให้ลูกไม่มีความหลงทะนงตนโดยอัตโนมัติ ลูกจะไม่ต้องพยายามที่จะกลับมาปราศจากความหลงทะนงตน ความถ่อมตนจะทำให้ลูกมีสถานที่แห่งความรักในหัวใจของทุกคน ความถ่อมตนจะทำให้ลูกได้รับพรจากหัวใจของทุกคน ลูกจะได้รับพรมากมาย ในความพยายามของลูก จากลิฟต์ พรจะกลายเป็นจรวด ความถ่อมตนเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าพวกเขาจะยุ่งแค่ไหน ไม่ว่าพวกเขาจะมีหัวใจที่แข็งกระด้างแค่ไหน ไม่ว่าพวกเขาจะโกรธเคืองแค่ไหน ความถ่อมตนจะกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ลูกได้รับความร่วมมือจากทุกคน ผู้ที่ถ่อมตนจะประพฤติตนตามซันสการของแต่ละคน เนื่องจากพวกเขาเป็นทองคำแท้ พวกเขาจึงมีคุณสมบัติพิเศษในการหลอมตนเอง บัพดาดาได้เห็นว่าธรรมชาติของความถ่อมตนทำให้ลูกได้รับชัยชนะในคำพูดของลูกและในการปฏิสัมพันธ์ของลูก ในความสัมพันธ์และในสายสัมพันธ์ของลูก และในงานรับใช้ที่ลูกทำ นี่คือเหตุผลที่บัพดาดาต้องการตั้งชื่อปีนี้ว่า "ปีที่จะกลับมาถ่อมตน บริสุทธิ์ และสะอาด" ลูกจะเฉลิมฉลองปีนี้ใช่หรือไม่?

ปีนี้บัพดาดาปรารถนาที่จะเห็นลูกทุกคนเป็นอิสระจากสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เฉลิมฉลองปีนี้ในฐานะปีแห่งการเป็นอิสระ ไม่ว่าลูกจะมีความอ่อนแออะไรก็ตาม จงเป็นอิสระจากความอ่อนแอนั้น เพราะลูกจะไม่กลับไปกับพ่อสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้น จนกว่าลูกจะทำให้ตนเองให้เป็นอิสระจากความอ่อนแอนั้น ดังนั้น ลูกจะปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระจากความอ่อนแอนั้นหรือไม่? ลูกจะเฉลิมฉลองปีแห่งการหลุดพ้นหรือไม่? ผู้ที่จะเฉลิมฉลองปีนั้น จงโบกมือของลูก! ลูกจะเฉลิมฉลองหรือไม่? ลูกได้เห็นกันและกันแล้ว ลูกจะเฉลิมฉลองใช่ไหม? นี่เป็นสิ่งที่ดี หากลูกเฉลิมฉลองปีแห่งการหลุดพ้น บัพดาดาจะแสดงความยินดีและกล่าวคำทักทายและคำอวยพรแก่ลูกด้วยเพชรพลอยเต็มจาน นี่เป็นสิ่งที่ดี จงปลดปล่อยตนเอง! จงปลดปล่อยพี่น้องชายหญิงของลูกให้เป็นอิสระจากความทุกข์ด้วย! เสียงแห่งความสุขนี้ควรปรากฏออกมาจากหัวใจของผู้ที่น่าสงสาร: พ่อของเราได้มาแล้ว โอเค อัจชะ

ถึงดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ทิศ ถึงผู้ที่ถ่อมตนอยู่เสมอและนำมาซึ่งการเริ่มใหม่ ถึงดวงวิญญาณที่ใกล้ชิดกับบัพดาดา ถึงดวงวิญญาณที่รักซึ่งใช้วิธีการในความพยายามของตนเองอย่างรวดเร็ว เข้มข้น และสมบูรณ์อยู่เสมอ ถึงผู้เพียรพยายามอย่างเข้มข้นที่สะสมในบัญชีออมทรัพย์ของพวกเขาอยู่เสมอ ถึงลูกที่มีสติปัญญาอันเฉียบแหลม ขอแสดงความยินดีกับสติปัญญาที่กว้างไกลและไม่มีขีดจำกัดของลูก ด้วยความรักและความระลึกถึง และนมัสเตแด่ลูกทุกคน

พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณที่ทรงพลังที่ทำให้มายายอมจำนนบนพื้นฐานของหนึ่งความแข็งแกร่งและหนึ่งการค้ำจุน

การมีหนึ่งความแข็งแกร่งและหนึ่งการค้ำจุนหมายถึงการมีพลังอย่างสม่ำเสมอ ที่ใดมีหนึ่งความแข็งแกร่งและหนึ่งการค้ำจุน ไม่มีใครสามารถเขย่าลูกได้ มายาจะสิ้นสติต่อหน้าดวงวิญญาณเหล่านั้นและยอมจำนน เมื่อมายายอมจำนน ลูกก็จะได้รับชัยชนะอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นจงมีความซาบซึ้งอยู่เสมอว่าชัยชนะเป็นสิทธิโดยกำเนิดของลูก ไม่มีใครสามารถพรากสิทธิ์นี้ไปจากลูกได้ ให้จิตสำนึกนี้ปรากฏออกมาในหัวใจของลูก: เราพันดาวาสและชักตีได้รับชัยชนะในทุกวงจร เราคือผู้มีชัยชนะ และเราจะยังคงได้รับชัยชนะอยู่เสมอ

คติพจน์:
ด้วยความตระหนักรู้ถึงโลกใหม่ ปลุกเรียกคุณธรรมทั้งหมดออกมาและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หมายเหตุ:วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 3 ของชั่วโมงการทำสมาธิโลก ซึ่งลูกๆบราห์มินทุกคนจะมีโยคะร่วมกันตั้งแต่เวลา 18.30น. - 19.30น. โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนั่งในรูปที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจพร้อมกับพ่อ ให้ดริชตีของความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจแก่ทุกดวงวิญญาณ ให้ความปรารถนาดีกับทุกคนและรับความปรารถนาดีของทุกคน