20.10.25       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน บาบามาเพื่อสอนลูกด้วยความใส่ใจอย่างมาก ลูกควรศึกษาด้วยความใส่ใจนั้นด้วยเช่นกัน มีความซาบซึ้งว่าพระเจ้าเองกำลังสอนลูก

คำถาม:
เป้าหมายและความปรารถนาดีของลูกๆบราห์มากุมารและกุมารีคืออะไร?

คำตอบ:
เป้าหมายของลูกคือการก่อตั้งอาณาจักรแห่งความสุขและความสงบในโลกอีกครั้ง ด้วยการทำตามศรีมัทเช่นที่ลูกเคยทำเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วในวงจรที่แล้ว ความปรารถนาดีของลูกคือทั้งโลกได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ด้วยการทำตามศรีมัท ลูกพูดด้วยความซาบซึ้งว่า: เราจะให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน ลูกได้รับรางวัลสันติภาพจากพ่อ การเปลี่ยนจากชาวนรกเป็นชาวสวรรค์หมายถึงการได้รับรางวัล

โอมชานติ
เมื่อนักเรียนศึกษา พวกเขาศึกษาด้วยความสุข ครูของพวกเขาก็สอนพวกเขาด้วยความสุขเเละความใส่ใจอย่างมากด้วยเช่นกัน ลูกทางจิตรู้ว่าพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดผู้เป็นครูด้วยเช่นกันกำลังสอนเราด้วยความใส่ใจอย่างมากมาย ในการศึกษาอื่นๆ พ่อของลูกจะแยกกันจากครูที่สอนลูก พ่อของลูกบางคนก็เป็นครูของพวกเขาที่สอนพวกเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสอนพวกเขาด้วยความใส่ใจอย่างมาก เพราะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขา และดังนั้นเขาจึงสอนลูกของเขาด้วยความใส่ใจอย่างมาก พ่อนี้ก็สอนลูกด้วยความใส่ใจอย่างมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นลูกควรจะศึกษาด้วยความใส่ใจอย่างมากด้วยเช่นกัน พ่อกำลังสอนลูกโดยตรง ท่านมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อสอนลูก ลูกๆ ควรสนใจอย่างมากเพราะบาบา พระเจ้า กำลังสอนลูก ท่านอธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจนมาก ในขณะที่กำลังศึกษา ลูกๆ บางคนสงสัยว่าทั้งหมดนี้คืออะไร นี่คือวงจรของการมาและการไปในละคร แต่พวกเขาสงสัยว่า: ทำไมละครนี้ถูกสร้างขึ้นมา? มีประโยชน์อะไรในสิ่งนี้? เราจะเฝ้าแต่วนเวียนไปรอบวงจรตลอดเวลาหรือ? ในกาณีเช่นนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะได้รับการปลดปล่อยจากวงจรนี้ เมื่อพวกเขาเห็นว่าพวกเขายังคงต้องวนไปรอบวงจรของ 84 ชาติเกิดนี้ พวกเขามีความคิดที่ว่า: ทำไมพระเจ้าจึงสร้างการละเล่นที่ไม่มีใครสามารถได้รับการปลดปล่อยจากวงจรของการมาและการไป? จะเป็นการดีกว่าที่จะได้รับการหลุดพ้นอันเป็นนิรันดร(โมกข์) ลูกๆมากมายมีความคิดเช่นนั้น พวกเขาต้องการที่จะได้รับการปลดปล่อยจากการมาและการไป จากความสุขและความทุกข์นี้ พ่อพูดว่า: สิ่งนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามไปสู่การหลุดพ้นอันเป็นนิรันดร พ่ออธิบายว่าไม่มีแม้แต่ดวงวิญญาณเดียวที่จะสามารถได้รับการปลดปล่อยจากบทบาทของเขา บทบาทที่ไม่สูญสลายถูกบันทึกไว้ในแต่ละดวงวิญญาณ ดวงวิญญาณคงอยู่ตลอดไปและไม่สูญสลาย นักแสดงถูกต้องแม่นยำอย่างแท้จริง ไม่สามารถมีแม้แต่ดวงวิญญาณเดียวที่มากกว่าหรือน้อยกว่า ลูกๆ มีความรู้ทั้งหมดนี้ ไม่มีใครสามารถได้รับการปลดปล่อยจากการเล่นบทของเขาในละครนี้ และไม่สามารถมีใครสามารถได้รับการหลุดพ้นอันเป็นนิรันดร ผู้คนของศาสนาทั้งหมดต้องลงมาตามลำดับกันไป พ่ออธิบายว่า: นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้วและคงอยู่ตลอดไป ลูกพูดว่า: บาบา เวลานี้เรารู้ว่าเราวนไปรอบวงจร 84 ชาติเกิดได้อย่างไร ลูกเข้าใจด้วยเช่นกันว่าผู้ที่มาก่อนต้องใช้ 84 ชาติเกิด ผู้ที่มาภายหลังจะใช้ชาติเกิดน้อยกว่าอย่างแน่นอน ที่นี่ลูกต้องทำความเพียรพยายาม โลกเก่ากำลังจะกลับมาใหม่อีกครั้งแน่นอน เพราะลูกใหม่ๆยังคงมาอย่างต่อเนื่อง บาบาต้องอธิบายทุกสิ่งแก่ลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครจะสอนบทเรียนก่อนหน้านี้ให้พวกเขา? ดังนั้นเมื่อพ่อเห็นลูกใหม่ๆ ท่านก็ย้ำประเด็นเก่าๆ ความรู้ทั้งหมดนี้อยู่ในสติปัญญาของลูก ลูกรู้ว่าลูกได้เล่นบทบาทของลูกมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นอย่างไร ลูกรู้ว่าลูกลงมาตามลำดับกันไปอย่างถูกต้องแม่นยำอย่างไร และลูกใช้กี่ชาติเกิด พ่อมาเวลานี้เพื่อบอกสิ่งที่เกี่ยวกับความรู้นี้แก่ลูก ในยุคทองลูกได้รับรางวัล เวลานี้เท่านั้นที่ลูกได้รับการอธิบายสิ่งนี้ คำว่า “มานมานะบาฟ” ถูกเขียนในตอนต้นและตอนท้ายของกีตะ ลูกได้รับการศึกษาเพื่อที่ลูกจะสามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพ เวลานี้ลูกกำลังทำความเพียรพยายามที่จะกลายเป็นราชา มีการอธิบายว่าผู้ที่เป็นของศาสนาอื่นลงมาตามลำดับกันไปได้อย่างไรด้วยเช่นกัน ทุกคนต้องทำตามผู้ก่อตั้งศาสนาของเขา ไม่มีเรื่องของอาณาจักร เป็นเพียงคัมภีร์กีตะเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องอย่างมาก ในบารัตพ่อมาและพูดสิ่งนั้นและให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน หลังจากผู้ก่อตั้งศาสนาได้เสียชีวิตลงจึงมีการสร้างสถานที่จาริกแสวงบุญที่ใหญ่โตให้แก่พวกเขา ในความเป็นจริงแล้ว บารัตซึ่งพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดได้ลงมานั้นคือสถานที่จาริกแสวงบุญของทุกคน พ่อเข้ามาในบารัตและประทานการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ให้แก่ทุกคน ท่านพูดว่า: ลูกเรียกพ่อว่าผู้ปลดปล่อยและผู้ชี้นำทาง พ่อจะปลดปล่อยลูกจากโลกเก่าของความทุกข์นี้และพาลูกไปยังดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุข ลูกๆรู้ว่าบาบาจะพาลูกไปยังดินแดนแห่งความสงบและแล้วดินแดนแห่งความสุข และทุกคนอื่นจะไปยังดินแดนแห่งความสงบ พ่อมาและปลดปล่อยลูกจากความทุกข์ ท่านไม่ได้เกิดหรือตาย พ่อมาและแล้วท่านจะจากไปอีกครั้ง ลูกจะไม่พูดว่าท่านได้ตายไปหรือท่านได้จากร่างของท่านเหมือนที่ลูกพูดถึงชีวานันดา ผู้คนทำพิธีกรรมสุดท้ายในการจากไปของดวงวิญญาณ ไม่มีพิธีหรือเฉลิมฉลองฯลฯที่ต้องทำเมื่อพ่อจากไป ลูกไม่สามารถแม้กระทั่งบอกซ้ำว่าท่านมาเมื่อใด ไม่มีเรื่องของการทำพิธีกรรมสุดท้ายฯลฯ การทำพิธีกรรมสุดท้ายของมนุษย์ได้ถูกทำขึ้น แต่ไม่มีการทำพิธีกรรมสำหรับพ่อเพราะท่านไม่ได้มีร่างกาย ในยุคทองไม่มีการกล่าวถึงความรู้ทางจิตหรือการกราบไหว้บูชา เป็นเวลานี้เท่านั้นที่มีสิ่งเหล่านั้น คนอื่นๆสอนความเลื่อมใสศรัทธาในเวลานี้ เป็นเวลาครึ่งวงจรที่มีความเลื่อมใสศรัทธา และแล้วในตอนท้ายของวงจรพ่อก็มาและให้มรดกของความรู้นี้ของลูกแก่ลูก ความรู้นี้จะไม่ติดตัวลูกไปที่นั่นด้วย ไม่มีความจำเป็นที่จะจดจำพ่อที่นั่นเพราะลูกอยู่ในการหลุดพ้น ลูกต้องจดจำท่านที่นั่นหรือไม่? ไม่มีการพร่ำบ่นเกี่ยวกับความทุกข์ใดที่นั่น ความเลื่อมใสศรัทธาในตอนแรกไม่มีสิ่งใดเจือปนและแล้วกลับมามีสิ่งเจือปน เวลานี้ความเลื่อมใสศรัทธามีสิ่งเจือปนอย่างมาก สิ่งนี้ถูกเรียกว่าก้นบึ้งของนรกที่ลึกที่สุด เป็นนรกอย่างสิ้นเชิง เวลานี้พ่อมาเพื่อทำนรกให้กลายเป็นสวรรค์อย่างสมบูรณ์ เวลานี้มีความทุกข์ 100% และแล้วจะมีความสงบและความสุข 100% ดวงวิญญาณจะไปและพักผ่อนในบ้านของเขา เป็นสิ่งที่ง่ายมากที่จะอธิบายสิ่งนี้ พ่อพูดว่า: พ่อมาเมื่อต้องมีการก่อตั้งโลกใหม่และการทำลายล้างโลกเก่าเท่านั้น ไม่ใช่แค่พ่อคนเดียวที่ทำงานเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องการผู้ช่วยมากมายด้วยเช่นกัน เวลานี้ลูกๆ กลายเป็นผู้ช่วยของพ่อ ลูกกำลังทำงานรับใช้ที่แท้จริงให้กับบารัตโดยเฉพาะ พ่อที่แท้จริงกำลังสอนงานรับใช้ที่แท้จริงแก่ลูก ลูกให้ประโยชน์ต่อตัวลูกเอง ต่อบารัตและทั้งโลก ดังนั้นลูกควรจะทำสิ่งนี้ด้วยความใส่ใจอย่างมาก บาบาให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคนด้วยความใส่ใจอย่างมาก เวลานี้ทุกคนต้องได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน นี่คือความภูมิใจที่บริสุทธิ์และความปรารถนาดี ลูกกำลังทำงานรับใช้ที่แท้จริงแต่ในวิธีที่แฝงตัว ดวงวิญญาณทำทุกสิ่งผ่านร่างกาย ผู้คนมากมายถามลูกว่าเป้าหมายของบราห์มากุมารีคืออะไร บอกพวกเขาว่า: เป้าหมายของบราห์มากุมารีคือการก่อตั้งอำนาจในการปกครองตนเองของความสงบและความสุขของยุคทองให้กับทั้งโลก ทุก 5,000 ปีเราก่อตั้งความสงบในโลกด้วยการทำตามศรีมัท และประกาศสิทธิ์ในรางวัลสันติภาพ ราชา ราชินีและปวงประชาทั้งหมดประกาศสิทธิ์ในรางวัลนี้ การกลายเป็นชาวสวรรค์จากชาวนรกไม่ใช่รางวัลเล็กๆ ผู้คนมีความสุขอย่างมากเมื่อพวกเขาได้รับรางวัลสันติภาพ แต่พวกเขาไม่ได้รับสิ่งใดอย่างแท้จริง เราคือผู้ที่ประกาศสิทธิ์ในรางวัลที่แท้จริงของอำนาจในการปกครองโลกจากพ่อในเวลานี้ พวกเขาพูดว่าบารัตคือ ดินแดนที่สูงส่งของพวกเขา พวกเขายกย่องบารัตอย่างมาก พวกเขาเชื่อว่าตนเองคือนายของบารัต อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ใช่ผู้เป็นนาย เวลานี้ลูกๆ กำลังก่อตั้งอาณาจักรด้วยการทำตามศรีมัทของบาบา ลูกไม่มีอาวุธใดฯลฯ ลูกสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่ง และเหตุนี้เองลูกจึงได้รับการจดจำและได้รับการกราบไหว้บูชา มองดูว่าอัมบาได้รับการกราบไหว้บูชามากมาย อย่างไรก็ตามใครคืออัมบา? พวกเขาไม่รู้เลยว่าเธอคือบราห์มินหรือเทพ มีชื่อมากมายหลายชื่อ เช่น อัมบา กาลี ดูรกา สรัสวตีฯลฯ ที่นี่เช่นกันมีวัดเล็กๆ ที่สร้างให้แก่อัมบา พวกเขาแสดงอัมบาไว้พร้อมกับมือมากมาย แต่เธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น นั่นถูกเรียกว่าความงมงาย เมื่อพระคริสต์ และพระพุทธเจ้าฯลฯได้มา พวกเขาก่อตั้งศาสนาของเขาเอง เวลาและวันของพวกเขาเป็นที่รู้ได้ ที่นี่ไม่มีเรื่องของความงมงาย ที่นี่ชาวบารัตไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับว่าใครก่อตั้งศาสนาของเขาหรือศาสนาของเขาถูกก่อตั้งขึ้นมาเมื่อใด เหตุนี้เองจึงกล่าวได้ว่าเป็นความงมงาย เวลานี้ลูกคือผู้กราบไหว้บูชาและแล้วลูกก็กลับมามีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา เมื่อลูกดวงวิญญาณมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา ร่างกายของลูกกลายเป็นเช่นนั้นเช่นกัน ลูกได้รับการกราบไหว้บูชาในรูปของดวงวิญญาณ และต่อมาเพราะลูกได้กลายเป็นเทพ ลูกจึงได้รับการกราบไหว้บูชาในรูปเหล่านั้นด้วยเช่นกัน พ่อไม่มีตัวตนเสมอและดังนั้นท่านจึงมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาเสมอ ท่านไม่เคยกลายเป็นผู้กราบไหว้บูชา เป็นเรื่องของลูกๆที่ถูกกล่าวว่า: ลูกมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาและลูกเป็นผู้กราบไหว้บูชาด้วยเช่นกัน พ่อมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาเสมอ พ่อมาที่นี่และทำงานรับใช้ที่แท้จริงของการให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน พ่อพูดว่า: เวลานี้จดจำพ่อผู้เดียวอย่างต่อเนื่อง อย่าจดจำผู้มีร่างกายใด เศรษฐีร้อยล้านพันล้านไปและร้องชื่อของอัลล่าห์ มีศรัทธาที่งมงายอย่างมาก พ่อได้อธิบายแก่ลูกแล้วด้วยเช่นกันถึงความหมายของ “ฮัมโซ” (ฉันคือสิ่งที่ฉันเคยเป็น) พวกเขาพูดว่า: ชีโวฮัม (ฉันดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุด) เวลานี้พ่อได้บอกลูกแล้วว่าอะไรที่ถูกต้อง ดังนั้นเวลานี้จงตัดสินว่าสิ่งที่ลูกได้ยินในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือสิ่งที่บาบากำลังบอกลูกนั้นถูกต้อง พวกเขาคำอธิบายของ “ฮัมโซ” นั้นยาวและซับซ้อนมาก เราคือบราห์มินและแล้วเรากลายเป็นเทพ นักรบ... ดังนั้นความหมายของ “ฮัมโซ” ใดถูกต้อง? นี่คือวิธีที่ฉันดวงวิญญาณวนไปรอบวงจร มีรูปภาพของภาพลักษณ์ที่หลากหลาย พวกเขาไม่ได้แสดงบราห์มิน,จุกไว้ในรูปภาพนี้และพวกเขาไม่ได้แม้แต่แสดงให้เห็นถึงพ่อ เหล่าเทพมาจากที่ใด? พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร? ในยุคเหล็กมีสกุลศูทร ดังนั้นสกุลเทพจะปรากฏขึ้นมาในยุคทองทันทีทันใดได้อย่างไร? พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลย ผู้คนติดกับในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก บางคนศึกษาคัมภีร์กรัณฑ์และมีความคิดในการสร้างวัด ดังนั้นเขาจึงทำสิ่งนั้นและเพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นและถ่ายทอดคัมภีร์กรัณฑ์ ผู้คนมากมายไปที่นั่นและกลายเป็นสาวก แต่ไม่มีประโยชน์อะไรในสิ่งนั้น ร้านค้ามากมายเกิดขึ้น เวลานี้ร้านค้าเหล่านั้นทั้งหมดจะถูกทำลาย ธุรกิจทั้งหมดนั้นอยู่ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา และพวกเขาหาเงินทองมากมายด้วยการทำสิ่งนั้น ซันยาสซีพูดว่าพวกเขาคือบราห์มโยคี (โยคีผู้ที่มีโยคะกับธาตุบราห์ม) เช่นที่ชาวบารัตดั้งเดิมเป็นของศาสนาเทพ แต่พูดว่าพวกเขาเป็นของศาสนาฮินดู ในทำนองเดียวกันบราห์มคือธาตุแห่งแสงที่ดวงวิญญาณอาศัยอยู่ แต่ซันยาสซีก็ได้ให้ชื่อแก่ตนเองว่า: “ผู้ที่มีความรู้ของธาตุบราห์ม” อย่างไรก็ตามธาตุบราห์มคือสถานที่อาศัยสำหรับดวงวิญญาณ ดังนั้นพ่ออธิบายว่าพวกเขาทำความผิดพลาดที่ใหญ่มากเช่นนั้นได้อย่างไร ทั้งหมดนี้คือภาพลวงตาของเขา พ่อมาเพื่อขจัดภาพลวงตาเหล่านั้นทั้งหมด ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาพวกเขาพูดว่า: โอ้ พระเจ้า! หนทางและวิธีการของท่านให้การหลุดพ้นและให้การชี้นำที่พิเศษสุดอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครอื่นสามารถให้การหลุดพ้นได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้รับการชี้นำจากผู้คนมากมาย การชี้นำที่ลูกได้รับที่นี่สร้างความมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก การชี้นำนี้เปลี่ยนแปลงทั้งโลกอย่างสมบูรณ์ เวลานี้สติปัญญาของลูกเข้าใจว่าศาสนามากมายเกิดขึ้นได้อย่างไร หลังจากนั้นดวงวิญญาณจะไปและอยู่ในสัดส่วนของตนเอง ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดไว้ในละคร ลูกๆ รู้ด้วยเช่นกันว่าเพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ให้เทพนิมิต บางคนพูดกับบาบาว่า: จงให้กุญแจไปสู่เทพนิมิตแก่ฉันเพื่อที่ฉันจะได้ประทานนิมิตให้แก่บางคน บาบาตอบว่า: ไม่ ไม่มีใครสามารถได้รับกุญแจนี้ แทนที่จะให้สิ่งนั้น พ่อประทานอำนาจในการปกครองโลกแก่ลูก พ่อไม่ได้รับสิ่งนั้น บทบาทในการให้นิมิตคือบทบาทของพ่อผู้เดียว เมื่อบางคนได้นิมิต เขาก็กลับมามีความสุขอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับสิ่งใด ไม่ใช่ว่าเมื่อเขาได้นิมิต เขาจะเป็นอิสระจากโรคภัยหรือจะร่ำรวย ไม่เลย มีร่าได้นิมิตแต่เธอไม่ได้รับการหลุดพ้น ผู้คนคิดว่าเธอเคยอาศัยอยู่ในไวกุณฑ์ แต่ไวกุณฑ์ ดินแดนของกฤษณะนั้นอยู่ที่ใด? สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงนิมิต พ่อนั่งที่นี่และอธิบายทุกสิ่ง ในตอนแรกผู้นี้ได้นิมิตของวิษณุและเขาก็มีความสุขอย่างมาก เขาได้เห็นว่าเขากำลังจะกลายเป็นจักรพรรดิ และเขาได้นิมิตของการทำลายล้างด้วยเช่นกันและแล้วมีนิมิตของอาณาจักรของเขา ดังนั้นศรัทธานั้นก็ถูกปลูกฝังใว้ในตัวเขาว่าเขาจะกลายเป็นนายของโลก และแล้วบาบาก็เข้ามาในเขา “โอเค บาบา ท่านจงรับทุกสิ่งนี้ไป ฉันเพียงแค่ต้องการอาณาจักรของโลก” ลูกเองเช่นกันได้มาที่นี่เพื่อต่อรองเช่นนี้ ผู้ที่รับความรู้นี้จะหยุดทำความเลื่อมใสศรัทธา อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้าจากเเม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูก ๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. สร้างสมคุณธรรมที่สูงส่งและทำงานรับใช้บารัตอย่างแท้จริงด้วยการทำตามศรีมัท นำคุณประโยชน์มาสู่ตนเอง มาสู่บารัตและทั้งโลกด้วยความใส่ใจอย่างมาก

2. เข้าใจละครที่ถูกกำหนดไว้แล้วที่ไม่สูญสลายและคงอยู่ตลอดไปอย่างถูกต้องแม่นยำ และอย่าทำความพยายามใดๆที่จะสูญเสียเวลาของลูก อย่าแม้แต่จะมีความคิดที่ไร้ประโยชน์

พร:
ขอให้ลูกเป็นอมตะอย่างสม่ำเสมอ และได้รับคำอวยพรว่าเป็นเช่นแสงที่เป็นอมตะจากพ่อทีปราช(Deepraj)

ผู้เลื่อมใสศรัทธาเฉลิมฉลองอนุสรณ์ของตะเกียงดิน(deepaks)ของลูกที่มีชีวิตว่าเป็นเช่นลูกประคำแห่งแสงของตะเกียงดินที่ไม่มีชีวิต ลูกตะเกียงดินที่มีชีวิตที่ถูกจุดกลายเป็นลูกๆ และเฉลิมฉลองการพบปะอันเป็นสิริมงคลกับนายแห่งตะเกียงดิน บัพดาดากำลังมองดูตะเกียงดินที่ถูกจุดบนหน้าผากของลูกๆ แต่ละคน ลูกๆผู้เป็นอมตะผู้เป็นรูปของแสงที่เป็นอมตะ ได้รับคำอวยพรจากพ่อแห่งทีปราช และได้รับพรแห่งความเป็นอมตะ ทีปาวาลีคืออนุสรณ์ของการพบกันของทีปราช(Deepraj) และทีปรานี(Deepranis)

คติพจน์:
ขอให้ “ฉันและพ่อ” หลอมรวมกันจนไม่มีบุคคลที่สามใดสามารถแยกลูกออกได้

สัญญาณที่ละเอียดอ่อน: ทำการทดลองกับตัวเองและผู้อื่นด้วยจิตใจของลูกด้วยพลังของโยคะ

ตามเวลาปัจจุบัน ดวงวิญญาณทั้งหมดต้องการที่จะเห็นผลในทันที นั่นคือ การพิสูจน์ในทางปฏิบัติ ดังนั้น จงพยายามใช้ร่างกาย จิตใจ การกระทำ ความสัมพันธ์ และการสายใยของลูกด้วยพลังแห่งความเงียบของลูก โดยการใช้พลังแห่งความเงียบของลูก ความคิดของลูกสามารถไปถึงดวงวิญญาณใดๆ แม้กระทั่งเร็วกว่าระบบไร้สาย เครื่องมือพิเศษของพลังนี้คือความคิดที่บริสุทธิ์ และด้วยเครื่องมือของความคิดเหล่านี้ ลูกสามารถมองเห็นสิ่งใดก็ตามที่ลูกต้องการจะดูให้เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ