20.10.25 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน บาบามาเพื่อสอนลูกด้วยความใส่ใจอย่างมาก
ลูกควรศึกษาด้วยความใส่ใจนั้นด้วยเช่นกัน มีความซาบซึ้งว่าพระเจ้าเองกำลังสอนลูก
คำถาม:
เป้าหมายและความปรารถนาดีของลูกๆบราห์มากุมารและกุมารีคืออะไร?
คำตอบ:
เป้าหมายของลูกคือการก่อตั้งอาณาจักรแห่งความสุขและความสงบในโลกอีกครั้ง
ด้วยการทำตามศรีมัทเช่นที่ลูกเคยทำเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วในวงจรที่แล้ว
ความปรารถนาดีของลูกคือทั้งโลกได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ด้วยการทำตามศรีมัท
ลูกพูดด้วยความซาบซึ้งว่า: เราจะให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน
ลูกได้รับรางวัลสันติภาพจากพ่อ
การเปลี่ยนจากชาวนรกเป็นชาวสวรรค์หมายถึงการได้รับรางวัล
โอมชานติ
เมื่อนักเรียนศึกษา พวกเขาศึกษาด้วยความสุข
ครูของพวกเขาก็สอนพวกเขาด้วยความสุขเเละความใส่ใจอย่างมากด้วยเช่นกัน
ลูกทางจิตรู้ว่าพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดผู้เป็นครูด้วยเช่นกันกำลังสอนเราด้วยความใส่ใจอย่างมากมาย
ในการศึกษาอื่นๆ พ่อของลูกจะแยกกันจากครูที่สอนลูก
พ่อของลูกบางคนก็เป็นครูของพวกเขาที่สอนพวกเขาด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงสอนพวกเขาด้วยความใส่ใจอย่างมาก
เพราะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดด้วยเช่นกัน เขารู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขา
และดังนั้นเขาจึงสอนลูกของเขาด้วยความใส่ใจอย่างมาก
พ่อนี้ก็สอนลูกด้วยความใส่ใจอย่างมากด้วยเช่นกัน
ดังนั้นลูกควรจะศึกษาด้วยความใส่ใจอย่างมากด้วยเช่นกัน พ่อกำลังสอนลูกโดยตรง
ท่านมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อสอนลูก ลูกๆ ควรสนใจอย่างมากเพราะบาบา พระเจ้า
กำลังสอนลูก ท่านอธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจนมาก ในขณะที่กำลังศึกษา ลูกๆ
บางคนสงสัยว่าทั้งหมดนี้คืออะไร นี่คือวงจรของการมาและการไปในละคร
แต่พวกเขาสงสัยว่า: ทำไมละครนี้ถูกสร้างขึ้นมา? มีประโยชน์อะไรในสิ่งนี้?
เราจะเฝ้าแต่วนเวียนไปรอบวงจรตลอดเวลาหรือ?
ในกาณีเช่นนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะได้รับการปลดปล่อยจากวงจรนี้
เมื่อพวกเขาเห็นว่าพวกเขายังคงต้องวนไปรอบวงจรของ 84 ชาติเกิดนี้
พวกเขามีความคิดที่ว่า:
ทำไมพระเจ้าจึงสร้างการละเล่นที่ไม่มีใครสามารถได้รับการปลดปล่อยจากวงจรของการมาและการไป?
จะเป็นการดีกว่าที่จะได้รับการหลุดพ้นอันเป็นนิรันดร(โมกข์)
ลูกๆมากมายมีความคิดเช่นนั้น พวกเขาต้องการที่จะได้รับการปลดปล่อยจากการมาและการไป
จากความสุขและความทุกข์นี้ พ่อพูดว่า: สิ่งนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามไปสู่การหลุดพ้นอันเป็นนิรันดร
พ่ออธิบายว่าไม่มีแม้แต่ดวงวิญญาณเดียวที่จะสามารถได้รับการปลดปล่อยจากบทบาทของเขา
บทบาทที่ไม่สูญสลายถูกบันทึกไว้ในแต่ละดวงวิญญาณ
ดวงวิญญาณคงอยู่ตลอดไปและไม่สูญสลาย นักแสดงถูกต้องแม่นยำอย่างแท้จริง
ไม่สามารถมีแม้แต่ดวงวิญญาณเดียวที่มากกว่าหรือน้อยกว่า ลูกๆ มีความรู้ทั้งหมดนี้
ไม่มีใครสามารถได้รับการปลดปล่อยจากการเล่นบทของเขาในละครนี้
และไม่สามารถมีใครสามารถได้รับการหลุดพ้นอันเป็นนิรันดร
ผู้คนของศาสนาทั้งหมดต้องลงมาตามลำดับกันไป พ่ออธิบายว่า:
นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้วและคงอยู่ตลอดไป ลูกพูดว่า: บาบา
เวลานี้เรารู้ว่าเราวนไปรอบวงจร 84 ชาติเกิดได้อย่างไร
ลูกเข้าใจด้วยเช่นกันว่าผู้ที่มาก่อนต้องใช้ 84 ชาติเกิด
ผู้ที่มาภายหลังจะใช้ชาติเกิดน้อยกว่าอย่างแน่นอน ที่นี่ลูกต้องทำความเพียรพยายาม
โลกเก่ากำลังจะกลับมาใหม่อีกครั้งแน่นอน เพราะลูกใหม่ๆยังคงมาอย่างต่อเนื่อง
บาบาต้องอธิบายทุกสิ่งแก่ลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใครจะสอนบทเรียนก่อนหน้านี้ให้พวกเขา?
ดังนั้นเมื่อพ่อเห็นลูกใหม่ๆ ท่านก็ย้ำประเด็นเก่าๆ
ความรู้ทั้งหมดนี้อยู่ในสติปัญญาของลูก
ลูกรู้ว่าลูกได้เล่นบทบาทของลูกมาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นอย่างไร
ลูกรู้ว่าลูกลงมาตามลำดับกันไปอย่างถูกต้องแม่นยำอย่างไร และลูกใช้กี่ชาติเกิด
พ่อมาเวลานี้เพื่อบอกสิ่งที่เกี่ยวกับความรู้นี้แก่ลูก ในยุคทองลูกได้รับรางวัล
เวลานี้เท่านั้นที่ลูกได้รับการอธิบายสิ่งนี้ คำว่า “มานมานะบาฟ”
ถูกเขียนในตอนต้นและตอนท้ายของกีตะ
ลูกได้รับการศึกษาเพื่อที่ลูกจะสามารถประกาศสิทธิ์ในสถานภาพ
เวลานี้ลูกกำลังทำความเพียรพยายามที่จะกลายเป็นราชา
มีการอธิบายว่าผู้ที่เป็นของศาสนาอื่นลงมาตามลำดับกันไปได้อย่างไรด้วยเช่นกัน
ทุกคนต้องทำตามผู้ก่อตั้งศาสนาของเขา ไม่มีเรื่องของอาณาจักร
เป็นเพียงคัมภีร์กีตะเท่านั้นที่ได้รับการยกย่องอย่างมาก
ในบารัตพ่อมาและพูดสิ่งนั้นและให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน
หลังจากผู้ก่อตั้งศาสนาได้เสียชีวิตลงจึงมีการสร้างสถานที่จาริกแสวงบุญที่ใหญ่โตให้แก่พวกเขา
ในความเป็นจริงแล้ว
บารัตซึ่งพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดได้ลงมานั้นคือสถานที่จาริกแสวงบุญของทุกคน
พ่อเข้ามาในบารัตและประทานการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ให้แก่ทุกคน
ท่านพูดว่า: ลูกเรียกพ่อว่าผู้ปลดปล่อยและผู้ชี้นำทาง
พ่อจะปลดปล่อยลูกจากโลกเก่าของความทุกข์นี้และพาลูกไปยังดินแดนแห่งความสงบและดินแดนแห่งความสุข
ลูกๆรู้ว่าบาบาจะพาลูกไปยังดินแดนแห่งความสงบและแล้วดินแดนแห่งความสุข
และทุกคนอื่นจะไปยังดินแดนแห่งความสงบ พ่อมาและปลดปล่อยลูกจากความทุกข์
ท่านไม่ได้เกิดหรือตาย พ่อมาและแล้วท่านจะจากไปอีกครั้ง
ลูกจะไม่พูดว่าท่านได้ตายไปหรือท่านได้จากร่างของท่านเหมือนที่ลูกพูดถึงชีวานันดา
ผู้คนทำพิธีกรรมสุดท้ายในการจากไปของดวงวิญญาณ
ไม่มีพิธีหรือเฉลิมฉลองฯลฯที่ต้องทำเมื่อพ่อจากไป
ลูกไม่สามารถแม้กระทั่งบอกซ้ำว่าท่านมาเมื่อใด
ไม่มีเรื่องของการทำพิธีกรรมสุดท้ายฯลฯ การทำพิธีกรรมสุดท้ายของมนุษย์ได้ถูกทำขึ้น
แต่ไม่มีการทำพิธีกรรมสำหรับพ่อเพราะท่านไม่ได้มีร่างกาย
ในยุคทองไม่มีการกล่าวถึงความรู้ทางจิตหรือการกราบไหว้บูชา
เป็นเวลานี้เท่านั้นที่มีสิ่งเหล่านั้น คนอื่นๆสอนความเลื่อมใสศรัทธาในเวลานี้
เป็นเวลาครึ่งวงจรที่มีความเลื่อมใสศรัทธา
และแล้วในตอนท้ายของวงจรพ่อก็มาและให้มรดกของความรู้นี้ของลูกแก่ลูก
ความรู้นี้จะไม่ติดตัวลูกไปที่นั่นด้วย
ไม่มีความจำเป็นที่จะจดจำพ่อที่นั่นเพราะลูกอยู่ในการหลุดพ้น
ลูกต้องจดจำท่านที่นั่นหรือไม่? ไม่มีการพร่ำบ่นเกี่ยวกับความทุกข์ใดที่นั่น
ความเลื่อมใสศรัทธาในตอนแรกไม่มีสิ่งใดเจือปนและแล้วกลับมามีสิ่งเจือปน
เวลานี้ความเลื่อมใสศรัทธามีสิ่งเจือปนอย่างมาก
สิ่งนี้ถูกเรียกว่าก้นบึ้งของนรกที่ลึกที่สุด เป็นนรกอย่างสิ้นเชิง
เวลานี้พ่อมาเพื่อทำนรกให้กลายเป็นสวรรค์อย่างสมบูรณ์ เวลานี้มีความทุกข์ 100%
และแล้วจะมีความสงบและความสุข 100% ดวงวิญญาณจะไปและพักผ่อนในบ้านของเขา
เป็นสิ่งที่ง่ายมากที่จะอธิบายสิ่งนี้ พ่อพูดว่า:
พ่อมาเมื่อต้องมีการก่อตั้งโลกใหม่และการทำลายล้างโลกเก่าเท่านั้น
ไม่ใช่แค่พ่อคนเดียวที่ทำงานเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องการผู้ช่วยมากมายด้วยเช่นกัน
เวลานี้ลูกๆ กลายเป็นผู้ช่วยของพ่อ
ลูกกำลังทำงานรับใช้ที่แท้จริงให้กับบารัตโดยเฉพาะ
พ่อที่แท้จริงกำลังสอนงานรับใช้ที่แท้จริงแก่ลูก ลูกให้ประโยชน์ต่อตัวลูกเอง
ต่อบารัตและทั้งโลก ดังนั้นลูกควรจะทำสิ่งนี้ด้วยความใส่ใจอย่างมาก
บาบาให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคนด้วยความใส่ใจอย่างมาก
เวลานี้ทุกคนต้องได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
นี่คือความภูมิใจที่บริสุทธิ์และความปรารถนาดี
ลูกกำลังทำงานรับใช้ที่แท้จริงแต่ในวิธีที่แฝงตัว ดวงวิญญาณทำทุกสิ่งผ่านร่างกาย
ผู้คนมากมายถามลูกว่าเป้าหมายของบราห์มากุมารีคืออะไร บอกพวกเขาว่า:
เป้าหมายของบราห์มากุมารีคือการก่อตั้งอำนาจในการปกครองตนเองของความสงบและความสุขของยุคทองให้กับทั้งโลก
ทุก 5,000 ปีเราก่อตั้งความสงบในโลกด้วยการทำตามศรีมัท
และประกาศสิทธิ์ในรางวัลสันติภาพ ราชา
ราชินีและปวงประชาทั้งหมดประกาศสิทธิ์ในรางวัลนี้
การกลายเป็นชาวสวรรค์จากชาวนรกไม่ใช่รางวัลเล็กๆ
ผู้คนมีความสุขอย่างมากเมื่อพวกเขาได้รับรางวัลสันติภาพ
แต่พวกเขาไม่ได้รับสิ่งใดอย่างแท้จริง
เราคือผู้ที่ประกาศสิทธิ์ในรางวัลที่แท้จริงของอำนาจในการปกครองโลกจากพ่อในเวลานี้
พวกเขาพูดว่าบารัตคือ ดินแดนที่สูงส่งของพวกเขา พวกเขายกย่องบารัตอย่างมาก
พวกเขาเชื่อว่าตนเองคือนายของบารัต อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ใช่ผู้เป็นนาย เวลานี้ลูกๆ
กำลังก่อตั้งอาณาจักรด้วยการทำตามศรีมัทของบาบา ลูกไม่มีอาวุธใดฯลฯ
ลูกสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่ง
และเหตุนี้เองลูกจึงได้รับการจดจำและได้รับการกราบไหว้บูชา
มองดูว่าอัมบาได้รับการกราบไหว้บูชามากมาย อย่างไรก็ตามใครคืออัมบา?
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเธอคือบราห์มินหรือเทพ มีชื่อมากมายหลายชื่อ เช่น อัมบา กาลี
ดูรกา สรัสวตีฯลฯ ที่นี่เช่นกันมีวัดเล็กๆ ที่สร้างให้แก่อัมบา
พวกเขาแสดงอัมบาไว้พร้อมกับมือมากมาย แต่เธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น
นั่นถูกเรียกว่าความงมงาย เมื่อพระคริสต์ และพระพุทธเจ้าฯลฯได้มา
พวกเขาก่อตั้งศาสนาของเขาเอง เวลาและวันของพวกเขาเป็นที่รู้ได้
ที่นี่ไม่มีเรื่องของความงมงาย
ที่นี่ชาวบารัตไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับว่าใครก่อตั้งศาสนาของเขาหรือศาสนาของเขาถูกก่อตั้งขึ้นมาเมื่อใด
เหตุนี้เองจึงกล่าวได้ว่าเป็นความงมงาย
เวลานี้ลูกคือผู้กราบไหว้บูชาและแล้วลูกก็กลับมามีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
เมื่อลูกดวงวิญญาณมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา ร่างกายของลูกกลายเป็นเช่นนั้นเช่นกัน
ลูกได้รับการกราบไหว้บูชาในรูปของดวงวิญญาณ และต่อมาเพราะลูกได้กลายเป็นเทพ
ลูกจึงได้รับการกราบไหว้บูชาในรูปเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
พ่อไม่มีตัวตนเสมอและดังนั้นท่านจึงมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาเสมอ
ท่านไม่เคยกลายเป็นผู้กราบไหว้บูชา เป็นเรื่องของลูกๆที่ถูกกล่าวว่า:
ลูกมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาและลูกเป็นผู้กราบไหว้บูชาด้วยเช่นกัน
พ่อมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาเสมอ
พ่อมาที่นี่และทำงานรับใช้ที่แท้จริงของการให้การหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แก่ทุกคน
พ่อพูดว่า: เวลานี้จดจำพ่อผู้เดียวอย่างต่อเนื่อง อย่าจดจำผู้มีร่างกายใด
เศรษฐีร้อยล้านพันล้านไปและร้องชื่อของอัลล่าห์ มีศรัทธาที่งมงายอย่างมาก
พ่อได้อธิบายแก่ลูกแล้วด้วยเช่นกันถึงความหมายของ “ฮัมโซ” (ฉันคือสิ่งที่ฉันเคยเป็น)
พวกเขาพูดว่า: ชีโวฮัม (ฉันดวงวิญญาณและดวงวิญญาณสูงสุด)
เวลานี้พ่อได้บอกลูกแล้วว่าอะไรที่ถูกต้อง
ดังนั้นเวลานี้จงตัดสินว่าสิ่งที่ลูกได้ยินในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือสิ่งที่บาบากำลังบอกลูกนั้นถูกต้อง
พวกเขาคำอธิบายของ “ฮัมโซ” นั้นยาวและซับซ้อนมาก
เราคือบราห์มินและแล้วเรากลายเป็นเทพ นักรบ... ดังนั้นความหมายของ “ฮัมโซ”
ใดถูกต้อง? นี่คือวิธีที่ฉันดวงวิญญาณวนไปรอบวงจร มีรูปภาพของภาพลักษณ์ที่หลากหลาย
พวกเขาไม่ได้แสดงบราห์มิน,จุกไว้ในรูปภาพนี้และพวกเขาไม่ได้แม้แต่แสดงให้เห็นถึงพ่อ
เหล่าเทพมาจากที่ใด? พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร? ในยุคเหล็กมีสกุลศูทร
ดังนั้นสกุลเทพจะปรากฏขึ้นมาในยุคทองทันทีทันใดได้อย่างไร?
พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลย ผู้คนติดกับในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก
บางคนศึกษาคัมภีร์กรัณฑ์และมีความคิดในการสร้างวัด
ดังนั้นเขาจึงทำสิ่งนั้นและเพียงแค่นั่งอยู่ที่นั่นและถ่ายทอดคัมภีร์กรัณฑ์
ผู้คนมากมายไปที่นั่นและกลายเป็นสาวก แต่ไม่มีประโยชน์อะไรในสิ่งนั้น
ร้านค้ามากมายเกิดขึ้น เวลานี้ร้านค้าเหล่านั้นทั้งหมดจะถูกทำลาย
ธุรกิจทั้งหมดนั้นอยู่ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา
และพวกเขาหาเงินทองมากมายด้วยการทำสิ่งนั้น ซันยาสซีพูดว่าพวกเขาคือบราห์มโยคี (โยคีผู้ที่มีโยคะกับธาตุบราห์ม)
เช่นที่ชาวบารัตดั้งเดิมเป็นของศาสนาเทพ แต่พูดว่าพวกเขาเป็นของศาสนาฮินดู
ในทำนองเดียวกันบราห์มคือธาตุแห่งแสงที่ดวงวิญญาณอาศัยอยู่
แต่ซันยาสซีก็ได้ให้ชื่อแก่ตนเองว่า: “ผู้ที่มีความรู้ของธาตุบราห์ม”
อย่างไรก็ตามธาตุบราห์มคือสถานที่อาศัยสำหรับดวงวิญญาณ
ดังนั้นพ่ออธิบายว่าพวกเขาทำความผิดพลาดที่ใหญ่มากเช่นนั้นได้อย่างไร
ทั้งหมดนี้คือภาพลวงตาของเขา พ่อมาเพื่อขจัดภาพลวงตาเหล่านั้นทั้งหมด
ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาพวกเขาพูดว่า: โอ้ พระเจ้า!
หนทางและวิธีการของท่านให้การหลุดพ้นและให้การชี้นำที่พิเศษสุดอย่างสมบูรณ์
ไม่มีใครอื่นสามารถให้การหลุดพ้นได้ อย่างไรก็ตาม
พวกเขาได้รับการชี้นำจากผู้คนมากมาย
การชี้นำที่ลูกได้รับที่นี่สร้างความมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก
การชี้นำนี้เปลี่ยนแปลงทั้งโลกอย่างสมบูรณ์
เวลานี้สติปัญญาของลูกเข้าใจว่าศาสนามากมายเกิดขึ้นได้อย่างไร
หลังจากนั้นดวงวิญญาณจะไปและอยู่ในสัดส่วนของตนเอง ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดไว้ในละคร
ลูกๆ รู้ด้วยเช่นกันว่าเพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นคือผู้ให้เทพนิมิต
บางคนพูดกับบาบาว่า:
จงให้กุญแจไปสู่เทพนิมิตแก่ฉันเพื่อที่ฉันจะได้ประทานนิมิตให้แก่บางคน บาบาตอบว่า:
ไม่ ไม่มีใครสามารถได้รับกุญแจนี้ แทนที่จะให้สิ่งนั้น
พ่อประทานอำนาจในการปกครองโลกแก่ลูก พ่อไม่ได้รับสิ่งนั้น
บทบาทในการให้นิมิตคือบทบาทของพ่อผู้เดียว เมื่อบางคนได้นิมิต
เขาก็กลับมามีความสุขอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับสิ่งใด
ไม่ใช่ว่าเมื่อเขาได้นิมิต เขาจะเป็นอิสระจากโรคภัยหรือจะร่ำรวย ไม่เลย
มีร่าได้นิมิตแต่เธอไม่ได้รับการหลุดพ้น ผู้คนคิดว่าเธอเคยอาศัยอยู่ในไวกุณฑ์
แต่ไวกุณฑ์ ดินแดนของกฤษณะนั้นอยู่ที่ใด? สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงนิมิต
พ่อนั่งที่นี่และอธิบายทุกสิ่ง
ในตอนแรกผู้นี้ได้นิมิตของวิษณุและเขาก็มีความสุขอย่างมาก
เขาได้เห็นว่าเขากำลังจะกลายเป็นจักรพรรดิ
และเขาได้นิมิตของการทำลายล้างด้วยเช่นกันและแล้วมีนิมิตของอาณาจักรของเขา
ดังนั้นศรัทธานั้นก็ถูกปลูกฝังใว้ในตัวเขาว่าเขาจะกลายเป็นนายของโลก
และแล้วบาบาก็เข้ามาในเขา “โอเค บาบา ท่านจงรับทุกสิ่งนี้ไป
ฉันเพียงแค่ต้องการอาณาจักรของโลก” ลูกเองเช่นกันได้มาที่นี่เพื่อต่อรองเช่นนี้
ผู้ที่รับความรู้นี้จะหยุดทำความเลื่อมใสศรัทธา อัจชะ
ถึงลูกๆ
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก
ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้าจากเเม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูก ๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
สร้างสมคุณธรรมที่สูงส่งและทำงานรับใช้บารัตอย่างแท้จริงด้วยการทำตามศรีมัท
นำคุณประโยชน์มาสู่ตนเอง มาสู่บารัตและทั้งโลกด้วยความใส่ใจอย่างมาก
2.
เข้าใจละครที่ถูกกำหนดไว้แล้วที่ไม่สูญสลายและคงอยู่ตลอดไปอย่างถูกต้องแม่นยำ
และอย่าทำความพยายามใดๆที่จะสูญเสียเวลาของลูก อย่าแม้แต่จะมีความคิดที่ไร้ประโยชน์
พร:
ขอให้ลูกเป็นอมตะอย่างสม่ำเสมอ
และได้รับคำอวยพรว่าเป็นเช่นแสงที่เป็นอมตะจากพ่อทีปราช(Deepraj)
ผู้เลื่อมใสศรัทธาเฉลิมฉลองอนุสรณ์ของตะเกียงดิน(deepaks)ของลูกที่มีชีวิตว่าเป็นเช่นลูกประคำแห่งแสงของตะเกียงดินที่ไม่มีชีวิต
ลูกตะเกียงดินที่มีชีวิตที่ถูกจุดกลายเป็นลูกๆ
และเฉลิมฉลองการพบปะอันเป็นสิริมงคลกับนายแห่งตะเกียงดิน
บัพดาดากำลังมองดูตะเกียงดินที่ถูกจุดบนหน้าผากของลูกๆ แต่ละคน
ลูกๆผู้เป็นอมตะผู้เป็นรูปของแสงที่เป็นอมตะ ได้รับคำอวยพรจากพ่อแห่งทีปราช
และได้รับพรแห่งความเป็นอมตะ ทีปาวาลีคืออนุสรณ์ของการพบกันของทีปราช(Deepraj)
และทีปรานี(Deepranis)
คติพจน์:
ขอให้ “ฉันและพ่อ”
หลอมรวมกันจนไม่มีบุคคลที่สามใดสามารถแยกลูกออกได้
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน:
ทำการทดลองกับตัวเองและผู้อื่นด้วยจิตใจของลูกด้วยพลังของโยคะ
ตามเวลาปัจจุบัน
ดวงวิญญาณทั้งหมดต้องการที่จะเห็นผลในทันที นั่นคือ การพิสูจน์ในทางปฏิบัติ ดังนั้น
จงพยายามใช้ร่างกาย จิตใจ การกระทำ ความสัมพันธ์
และการสายใยของลูกด้วยพลังแห่งความเงียบของลูก โดยการใช้พลังแห่งความเงียบของลูก
ความคิดของลูกสามารถไปถึงดวงวิญญาณใดๆ แม้กระทั่งเร็วกว่าระบบไร้สาย
เครื่องมือพิเศษของพลังนี้คือความคิดที่บริสุทธิ์
และด้วยเครื่องมือของความคิดเหล่านี้
ลูกสามารถมองเห็นสิ่งใดก็ตามที่ลูกต้องการจะดูให้เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ