21.06.24       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ก่อนที่จะกลายเป็นเทพ อย่างแน่นอนลูกต้องกลายเป็นบราห์มินอย่างแน่นอน เพียงผู้ที่เกิดจากปากของบราห์มาเท่านั้นที่เป็นบราห์มินที่แท้จริงผู้ที่จะกลายเป็นเทพด้วยการศึกษาราชาโยคะ

คำถาม:
ชุมนุมทางจิตของลูกพิเศษสุดและแตกต่างจากชุมนุมทางจิต (สัทซัง)อื่นๆ ทั้งหมดในแง่ใด?

คำตอบ:
ในชุมนุมทางจิตอื่นๆ ไม่มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ ผู้คนก็สูญเสียความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติของพวกเขาและเฝ้าแต่เร่ร่อนต่อไป ลูกไม่ได้เร่ร่อนในชุมนุมทางจิตนี้ นี่คือโรงเรียนและชุมนุมทางจิต(สัทซัง) ลูกศึกษาในโรงเรียนนี้ ลูกไม่ได้เร่ร่อน การศึกษาหมายถึงการหารายได้ ลูกได้รับรายได้มากเท่าที่ลูกศึกษาและซึมซับความรู้นี้และดลใจผู้อื่นให้ทำเช่นเดียวกัน การเข้ามาสู่ชุมนุมทางจิตนี้หมายถึงการไม่ได้สัมผัสอะไรนอกจากการได้รับคุณประโยชน์

โอมชานติ
พ่อทางจิตนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆ ทางจิต ลูกๆ ทางจิตรับฟังด้วยหูของลูก พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดพูดกับลูกๆว่า พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ ด้วยการรับฟังสิ่งนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สติปัญญาก็จะหยุดเร่ร่อนและจะกลับมามั่นคง ลูกจะนั่งที่นี่จากการคิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ ลูกๆ เข้าใจว่าลูกมาที่นี่เพื่อที่จะกลายเป็นเทพ ลูกเป็นลูกที่ถูกนำมาเลี้ยงดู ลูกๆ บราห์มินกำลังศึกษาเล่าเรียน ลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนอะไร? วิธีที่จะเปลี่ยนจากบราห์มินไปเป็นเทพ เมื่อเด็กๆ ไปวิทยาลัยพวกเขาก็เข้าใจว่าพวกเขาจะศึกษาเล่าเรียนและกลายเป็นวิศวกรหรือหมอ ฯลฯ พวกเขาจะตระหนักในสิ่งนี้ในวันเข้าเรียน ในทำนองเดียวกันลูกๆ ของบราห์มาก็ได้กลายเป็นบราห์มินและลูกก็เข้าใจด้วยเช่นกันว่าจากบราห์มินลูกจะกลายเป็นเทพ เคยมีการจดจำกันว่ามนุษย์เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเทพ อย่างไรก็ตามใครกลายเป็นเช่นนั้น? ไม่ใช่ชาวฮินดูทั้งหมดจะกลายเป็นเทพ ในความเป็นจริงไม่มีศาสนาเช่นนั้นอย่างศาสนาฮินดู ศาสนาดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปไม่ใช่ศาสนาฮินดู หากลูกถามใครก็ตามว่า “ใครก่อตั้งศาสนาฮินดู?” พวกเขาก็จะสับสน มีการให้ชื่อนั้นเนื่องจากความไม่รู้ ผู้ที่อยู่ในฮินดูสถานก็เรียกตนเองว่าฮินดู ในความเป็นจริงแล้วชื่อของที่นั่นคือบารัตไม่ใช่ฮินดูสถาน แผ่นดินนั้นเรียกว่าแผ่นดินบารัตไม่ใช่แผ่นดินฮินดูสถาน มันคือบารัต แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่านี่คือแผ่นดินใด เพราะความไม่บริสุทธิ์พวกเขาจึงไม่สามารถพิจารณาว่าตนเองเป็นเทพ เหล่าเทพนั้นมีความบริสุทธิ์ ศาสนานั้นก็ไม่ได้คงอยู่ในปัจจุบัน ศาสนาอื่นๆ ทั้งหมดก็ได้ปรากฏขึ้น ศาสนาของพระพุทธเจ้าคือศาสนาพุทธ ศาสนาของอับราฮัมคืออิสลาม และศาสนาของพระคริสต์คือศาสนาคริสต์ อย่างไรก็ตามไม่ได้มีศาสนาเช่นศาสนาฮินดู เป็นชาวต่างชาติที่ได้ให้ชื่อฮินดูสถานนี้ เนื่องจากความไม่บริสุทธิ์พวกเขาจึงไม่พิจารณาว่าตนเองเป็นของศาสนาเทพ พ่อได้อธิบายแล้วว่าศาสนาดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปคือศาสนาเทพและเป็นศาสนาที่เก่าแก่โบราณที่สุด มีศาสนาใดในตอนเริ่มต้น? นั่นคือศาสนาเทพ ไม่สามารถเรียกว่าศาสนาฮินดู เวลานี้ลูกคือบราห์มินลูกที่นำมาเลี้ยงของบราห์มา ลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนเพื่อที่จะกลายเป็นเทพจากบราห์มิน ไม่ใช่ว่าลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนเพื่อจะกลายเป็นเทพจากฮินดู ลูกเปลี่ยนจากบราห์มินไปเป็นเทพ ลูกต้องซึมซับสิ่งนี้เป็นอย่างดี ดูซิว่าเวลานี้มีศาสนาจำนวนนับไม่ถ้วนและจำนวนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าลูกจะให้คำบรรยายที่ไหนเป็นสิ่งดีที่จะอธิบายสิ่งนี้ ในเวลานี้เป็นยุคเหล็กและศาสนาทั้งหมดได้กลับมาตาโมประธาน หากลูกอธิบายด้วยรูปภาพความหยิ่งยโสของพวกเขาของ “ฉันเป็นผู้นั้นผู้นี้” “ฉันเป็นสิ่งนี้” จะจบสิ้นลง พวกเขาจะตระหนักว่าพวกเขาตาโมประธาน ก่อนอื่นใดจงให้คำแนะนำพ่อแก่พวกเขา แล้วแสดงให้พวกเขาเห็นว่าโลกเก่านี้กำลังจะเปลี่ยนแปลง แต่ละวันรูปภาพจะกลับมาสวยงามมากขึ้น เช่นที่เด็กๆในโรงเรียนมีแผนที่อยู่ในสติปัญญาของพวกเขา ในทำนองเดียวกันทั้งหมดนี้ก็ควรที่จะคงอยู่ในสติปัญญาของลูก แผนที่อันดับหนึ่งคือสิ่งนี้ที่ได้แสดงให้เห็นตรีมูรติและโลกทั้งสองของยุคทองและยุคเหล็ก เวลานี้ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคล โลกเก่านี้กำลังจะถูกทำลายและศาสนาเทพดั้งเดิมเดียวนี้กำลังมีการก่อตั้งขึ้น ลูกเป็นของศาสนาเทพดั้งเดิม ไม่ได้มีศาสนาฮินดู เช่นที่ซันยาสซีพิจารณาธาตุบราห์ม,สถานที่อยู่อาศัยว่าเป็นพระเจ้า ในทำนองเดียวกันผู้ที่อยู่ในฮินดูสถานก็พิจารณาว่าตนเองเป็นของศาสนาฮินดู ของพวกเขานั้นแตกต่างไปจากของลูก เทพนั้นสูงส่งมาก ผู้คนพูดว่า ผู้นี้เป็นเหมือนเทพ เมื่อใครบางคนมีคุณสมบัติที่ดี พวกเขาก็พูดถึงผู้นั้นว่า ผู้นี้มีคุณธรรมที่สูงส่ง ลูกเข้าใจว่าหลังจากราเด้และกฤษณะแต่งงานกันแล้วพวกเขาก็กลายเป็นลักษมีและนารายณ์ พวกเขาเรียกว่าเป็นวิษณุ ภาพลักษณ์ทั้งหมดนั้นมีอยู่แต่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา เวลานี้พ่อนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูก เป็นพ่อที่ทุกคนจดจำมา ไม่ได้มีมนุษย์ใดผู้ที่ไม่มีพระเจ้าอยู่ที่ริมฝีปากของพวกเขา พระเจ้าเป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้เดียวที่ไม่มีตัวตน พวกเขาไม่เข้าใจแม้แต่ความหมายของคำว่า “ไม่มีตัวตน” เวลานี้ลูกเข้าใจทุกสิ่ง ลูกได้เปลี่ยนจากผู้ที่มีสติปัญญาเป็นหินเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่สูงส่ง ความรู้นี้เป็นไปสำหรับผู้คนของบารัตเท่านั้นไม่ใช่สำหรับผู้คนของศาสนาอื่นๆ อย่างไรก็ตามลูกสามารถอธิบายว่าการขยายตัวเกิดขึ้นอย่างไรและแผ่นดินอื่นปรากฏตัวขึ้นอย่างไร จะไม่ได้มีแผ่นดินใดๆ หลงเหลืออยู่นอกจากบารัต ศาสนาเดียวนั้นไม่ได้คงอยู่ในเวลานี้ ศาสนาที่เหลือทั้งหมดนั้นคงอยู่ ตัวอย่างของต้นไทรนั้นถูกต้อง รากฐานของศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไปไม่คงอยู่ ส่วนที่เหลือของต้นไม้ก็ยังคงยืนอยู่ ดังนั้นสิ่งนี้กล่าวได้ว่าศาสนาเทพดั้งเดิมที่คงอยู่ตลอดไป ไม่ใช่ศาสนาฮินดูที่เคยอยู่มา เวลานี้ลูกได้กลายเป็นบราห์มินเพื่อที่จะกลายเป็นเทพ ดังนั้นก่อนอื่นลูกต้องกลายเป็นบราห์มินอย่างแน่นอน มีคำกล่าวว่า วรรณะศูทรและวรรณะพราหมณ์ ไม่ได้เรียกว่าราชวงศ์ศูทร แม้ว่าจะมีราชาและราชินี เริ่มแรกเหล่าเทพเคยเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินี ที่นี่มีจักรพรรดิและจักรพรรดินีฮินดู มีเพียงบารัตเดียวเท่านั้นและดังนั้นพวกเขาได้แยกออกไปได้อย่างไร? ร่องรอยทั้งหมดของพวกเขาได้หายไป มีเพียงภาพลักษณ์เท่านั้นที่คงอยู่ สุริยะวงศ์คืออันดับหนึ่ง เวลานี้ลูกได้มาที่นี่เพื่อที่จะเป็นของสุริยะวงศ์ นี่คือราชาโยคะ สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกว่าลูกจะกลายเป็นลักษมีและนารายณ์ มีความสุขในหัวใจของลูกที่พ่อกำลังสอนลูกเพื่อทำให้ลูกกลายเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินี นี่คือเรื่องราวที่แท้จริงของการกลายเป็นนารายณ์ที่แท้จริง ก่อนหน้านี้เป็นเวลาชาติแล้วชาติเล่าลูกเคยรับฟังเรื่องราวของการกลายเป็นนารายณ์ที่แท้จริง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราวที่แท้จริง ลูกไม่สามารถที่จะกลายเป็นเทพจากมนุษย์ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ลูกไม่สามารถได้รับการหลุดพ้นหรือการหลุดพ้นในชีวิต มนุษย์ทั้งหมดได้มาซึ่งการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตอย่างแน่นอน เวลานี้ทุกคนอยู่ในบ่วงพันธะ แม้แต่ทุกวันนี้เมื่อดวงวิญญาณลงมาจากเบื้องบนเขาก็เข้ามาสู่ชีวิตของการหลุดพ้นไม่ใช่สู่ชีวิตของบ่วงพันธะ เพียงครึ่งหนึ่งของเวลาที่เป็นการหลุดพ้นในชีวิตและอีกครึ่งหนึ่งนั้นเป็นชีวิตของบ่วงพันธะ การละเล่นนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ลูกทั้งหมดคือนักแสดงในการละเล่นที่ไม่มีขีดจำกัดนี้ ลูกมาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของลูก ลูกดวงวิญญาณไม่ใช่ผู้อาศัยของสถานที่นี้ ได้มีการอธิบายกับลูกว่าลูกลงมาอย่างไร ดวงวิญญาณเฝ้าแต่กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ที่นี่ ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของทั้งโลกตั้งแต่ตอนเริ่มต้นจนถึงตอนนี้อยู่ในสติปัญญาของลูก ผู้คนไม่รู้ว่าพ่อที่ไม่มีขีดจำกัดทำอะไรอยู่เบื้องบน ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกว่าผู้ที่มีสติปัญญาที่ตกต่ำ ก่อนหน้านี้ลูกเคยเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่ไม่บริสุทธิ์เช่นกัน เวลานี้พ่อได้อธิบายความลับของผู้สร้างและตอนเริ่ม ตอนกลาง และตอนจบของสิ่งสร้าง ลูกๆที่ยากจนและธรรมดาก็รู้ทุกสิ่ง ลูกคือผู้ที่มีสติปัญญาที่สะอาด สิ่งที่สะอาดก็เรียกว่าบริสุทธิ์ ผู้ที่มีสติปัญญาที่ตกต่ำก็เรียกว่าไม่บริสุทธิ์ ดูซิว่าเวลานี้ลูกกำลังจะกลายเป็นอะไร! ในโรงเรียนเช่นกันนักเรียนก็สามารถได้รับสถานภาพที่สูงด้วยการศึกษาของพวกเขา การศึกษาของลูกนั้นสูงที่สุดที่ลูกจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่เป็นราชา ผู้คนเหล่านั้นถือกำเนิดเป็นราชาด้วยการให้ทานและทำบุญ ภายหลังพวกเขาก็ได้กลายเป็นราชา ในขณะที่ลูกกลายเป็นราชาด้วยการศึกษานี้ พ่อพูดว่า พ่อสอนราชาโยคะแก่ลูกๆ ไม่มีใครนอกจากพ่อสามารถสอนราชาโยคะให้แก่ลูกได้ เป็นพ่อผู้ที่สอนความรู้ของราชาโยคะแก่ลูกซึ่งลูกจะอธิบายแก่ผู้อื่นได้ พ่อสอนราชาโยคะแก่ลูกเพื่อที่ลูกจะสามารถกลับมาบริสุทธิ์จากไม่บริสุทธิ์ พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อผู้ไม่มีตัวตนแล้วลูกจะกลับมาบริสุทธิ์ และแล้วด้วยการรู้วงจร ลูกจะกลายเป็นผู้ปกครองโลกในยุคทอง เป็นสิ่งที่ง่ายดายมากที่จะอธิบายสิ่งนี้ ในปัจจุบันไม่มีใครเป็นของศาสนาเทพ ทุกคนได้แปรเปลี่ยนไปสู่ศาสนาอื่น เมื่อลูกอธิบายแก่ใครก็ตามก่อนอื่นจงให้คำแนะนำของพ่อแก่พวกเขา พ่ออธิบายว่าผู้คนมากมายได้จากไปสู่ศาสนาอื่น มีชาวพุทธและมุสลิมจำนวนนับไม่ถ้วน ฯลฯ บางคนก็ถูกบังคับให้กลายเป็นมุสลิม หลายคนก็ได้กลายเป็นชาวพุทธเช่นกัน บางคนให้คำบรรยายและนับพันๆก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นชาวพุทธ ชาวคริสเตียนเองก็มาและให้คำบรรยายในลักษณะนี้เช่นกัน เวลานี้พวกเขามีประชากรมากที่สุด ทั้งวงจรของโลกเวลานี้หมุนอยู่ในสติปัญญาของลูก เหตุนี้เองพ่อจึงพูดว่า ลูกคือผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง วิษณุเช่นกันก็ได้มีการแสดงให้เห็นพร้อมกับกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง ผู้คนไม่เข้าใจเหตุใดจึงได้มีการแสดงวิษณุพร้อมกับสิ่งนั้น กฤษณะและนารายณ์ก็เรียกว่าเป็นผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง ลูกควรจะอธิบายด้วยเช่นกันว่ามีความเกี่ยวข้องอะไรระหว่างทั้งสอง ทั้งสามสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งเดียวกัน ที่จริงแล้วกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองเป็นไปสำหรับลูกบราห์มิน ลูกกลายเป็นผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองด้วยความรู้ กงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเองนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่จะใช้ฆ่าหรือตัดคอ นี่เป็นประเด็นของความรู้ บาปของลูกจะถูกเผามากเท่าที่ลูกควงวงจรของความรู้ ไม่ใช่เรื่องของการตัดศีรษะใคร นี่ไม่ใช่กงจักรของความรุนแรง กงจักรนี้ทำให้ลูกไม่ก้าวร้าวรุนแรง พวกเขาได้เปลี่ยนความหมายของสิ่งนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครนอกจากพ่อสามารถอธิบายสิ่งนี้ ลูกๆ ที่สุดแสนหวานควรจะมีความสุขเป็นอย่างมาก เวลานี้ลูกเข้าใจว่าลูกคือดวงวิญญาณ ก่อนหน้านี้ลูกได้ลืมไปว่าลูกเคยเป็นดวงวิญญาณและลูกก็ลืมบ้านของลูกด้วยเช่นกัน ดวงวิญญาณก็ยังคงเรียกว่าดวงวิญญาณ พวกเขาพูดว่าพระเจ้าอยู่ในก้อนกรวดก้อนหิน พวกเขาได้ประณามพ่อของดวงวิญญาณอย่างมาก พ่อมาอีกครั้งและให้ความรู้แก่ลูก ดวงวิญญาณ ไม่สามารถกล่าวถึงดวงวิญญาณว่าพวกเขาอยู่ในก้อนกรวดและก้อนหินและในทุกอณู ประเด็นของสัตว์นั้นก็แยกไป เป็นมนุษย์ที่ศึกษาเล่าเรียน เวลานี้ลูกเข้าใจว่าลูกจะกลายเป็นอะไรและเป็นเวลากี่ชาติเกิด ลูกได้จบสิ้น 84 ชาติเกิดของลูก ไม่มีเรื่องของ 8.4 ล้านชาติเกิด มนุษย์อยู่ในความมืดสนิทของความไม่รู้ เหตุนี้เองจึงมีคำกล่าวว่า เมื่อพระอาทิตย์แห่งความรู้ขึ้นความมืดของความไม่รู้ก็หายไป เป็นเวลาครึ่งวงจรในยุคทองแดงและยุคเหล็กที่มีความมืด เป็นเวลาครึ่งวงจรในยุคทองและยุคเงินที่มีความสว่าง นี่คือความรู้ของกลางวันและกลางคืน,ของความสว่างและความมืด เหล่านี้เป็นประเด็นที่ไม่มีขีดจำกัด เป็นเวลาครึ่งวงจรที่ลูกสะดุดล้มอย่างมากในความมืด มีการเร่ร่อนอย่างมาก เมื่อลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียน นั่นก็ไม่เรียกว่าเป็นการเร่ร่อน ผู้คนนั้นเร่ร่อนเป็นอย่างมากในสัตซังเหล่านั้น ไม่ได้มีรายได้จากสิ่งเหล่านั้น มีแต่การสูญเสียเท่านั้น ซึ่งเหตุนี้เองจึงรู้ได้ว่าเป็นการเร่ร่อน ในขณะที่เร่ร่อนผู้คนก็ใช้ความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขาไปจนหมดสิ้นและกลับมายากจนข้นแค้น เวลานี้ในการศึกษานี้ยิ่งลูกซึมซับคุณธรรมมากเท่าไหร่และยิ่งดลใจผู้อื่นให้ดูดซับคุณธรรมมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีคุณประโยชน์และคุณประโยชน์มากขึ้นตามนั้น เมื่อลูกกลายเป็นบราห์มินแล้วก็ไม่มีอะไรนอกจากคุณประโยชน์เท่านั้น ลูกเข้าใจว่าเป็นลูกบราห์มินที่จะกลายเป็นชาวสวรรค์ ทุกคน(บราห์มิน) จะกลายเป็นชาวสวรรค์ อย่างไรก็ตามลูกกำลังทำความเพียรพยายามเพื่อประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงที่นั่น เวลานี้เป็นสภาพของการปลดเกษียณสำหรับลูกทั้งหมด ตัวลูกเองก็พูดว่า บาบา พาเราไปสู่การปลดเกษียณไปสู่โลกที่บริสุทธิ์ นั่นคือโลกของดวงวิญญาณ โลกที่ไม่มีตัวตนนั้นเล็กมาก ในขณะณ.ที่นี่มีแผ่นดินที่ใหญ่มากที่จะเดินเหินและเคลื่อนไหวไปทั่ว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ที่นั่น (โลกที่ไม่มีตัวตน) ไม่มีร่างกาย ไม่มีบทบาทใดๆ ดวงวิญญาณคงอยู่ที่นั่นเหมือนดวงดาว นี่คือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ดูซิว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวคงอยู่บนนั้นอย่างไร ดวงวิญญาณเช่นกันคงอยู่ที่นั่นในธาตุแห่งแสงอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่มีการค้ำจุนใดๆ อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. ไตร่ตรองความรู้และกลายเป็นผู้ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง ตัดบาปของลูกออกไปด้วยการควงวงจรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง ไม่มีความก้าวร้าวรุนแรงทั้งสองทาง

2. ทำให้สติปัญญาของลูกสะอาดและบริสุทธิ์ ศึกษาความรู้ของราชาโยคะเพื่อที่จะได้รับสถานภาพที่สูง ให้มีความสุขในหัวใจของลูกเสมอที่ลูกกำลังรับฟังเรื่องราวที่แท้จริงของการกลายเป็นนารายณ์ที่แท้จริงนี้และการเปลี่ยนจากมนุษย์ให้กลายเป็นเทพ

พร:
ขอให้ลูกเป็นโยคีที่มั่นคงที่จิตใจและสติปัญญาของลูกทำงานอย่างถูกต้องแม่นยำตามคำสั่งของลูก

พลังพิเศษสำหรับการกลายเป็นโยคีที่มั่นคง คือ นายของตนเอง พลังของจิตใจและสติปัญญาของลูก มนตรานั้นคือ “มานมนะบาฟ” (จดจ่อจิตใจของลูกที่ฉัน) โยคะกล่าวได้ว่าเป็นโยคะของสติปัญญา ดังนั้น ถ้าเครื่องมือพิเศษทั้งสองนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของลูก นั่นคือ ถ้าพวกเขาทำงานอย่างเหมาะสมตามคำสั่งของลูก ถ้าลูกสามารถมีความคิดอะไรก็ตามที่ลูกต้องการ ถ้าลูกสามารถจดจ่อสติปัญญาของลูกที่อะไรก็ตามที่ลูกต้องการ และสติปัญญาของลูกไม่ทำให้ลูก ผู้เป็นราชา เร่ร่อน แต่กลับทำงานด้วยระเบียบวินัย หลังจากนั้นจึงจะกล่าวได้ว่าลูกเป็นโยคีที่มั่นคง

คติพจน์:
จงเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ของโลก อย่าทำให้เวลาเป็นครูของลูก