22.10.24       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ความรู้ที่พ่อสอนลูกนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับ มันตราที่เป็นเวทย์มนตร์นั้นไม่เป็นผลต่อการศึกษา

คำถาม:
เหตุใดเหล่าเทพจึงถูกกล่าวว่ามีปัญญา ในขณะที่มนุษย์นั้นไม่มี?

คำตอบ:
เพราะเทพเต็มไปด้วยคุณธรรมทั้งหมด ในขณะที่มนุษย์ไม่มีคุณธรรม เป็นไปเพราะเทพมีปัญญาที่ผู้คนกราบไหว้บูชาพวกเขา แบตเตอรี่ของพวกเขาได้รับการชาร์ตและเหตุนี้เองพวกเขาจึงถูกกล่าวว่ามีค่าเต็มบาท เมื่อแบตเตอรี่ของพวกเขาหมดลง พวกเขาก็มีค่าไม่กี่สตางค์และพวกเขาจึงถูกเรียกว่าไม่รู้คิด

โอมชานติ
พ่อได้อธิบายแก่ลูกๆ แล้วว่า นี่คือสถานที่ของการศึกษาเล่าเรียน(พาทชาลา) นี่คือการศึกษาเล่าเรียน ลูกได้มาซึ่งสถานภาพนั้น(เทพ)ผ่านการศึกษานี้ สิ่งนี้ควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ผู้คนมาที่นี่จากแดนไกลเพื่อศึกษาเล่าเรียน พวกเขามาที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียนอะไร? พวกเขามีเป้าหมายและวัตถุประสงค์นั้นในสติปัญญาของพวกเขา เรามาที่นี่เพื่อศึกษาเล่าเรียน และผู้เดียวที่กำลังสอนเรานั้นก็ถูกเรียกว่าครู กีตะคือคำพูดของพระเจ้า ไม่มีประเด็นอื่นใด กีตะคือหนังสือของผู้เดียวผู้ที่สอน แต่ท่านไม่ได้อ่านหนังสือนั้นจริงๆ ท่านไม่ได้ถือกีตะไว้ในมือของท่าน คำพูดเหล่านี้คือคำพูดของพระเจ้า มนุษย์ไม่สามารถถูกเรียกว่าพระเจ้า พระเจ้าคือผู้เดียวที่สูงสุดเหนือสิ่งใด โลกที่ไม่มีตัวตน,อาณาเขตที่ละเอียดอ่อนและโลกที่มีตัวตนนั้นคือทั้งจักรวาล การแสดงไม่ได้เกิดขึ้นในโลกที่ไม่มีตัวตนหรืออาณาเขตที่ละเอียดอ่อน มีการแสดงออกมาที่นี่ วงจรของ 84 ชาติเกิดอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน สิ่งนี้ถูกเรียกว่าการแสดงของวงจรของ 84 นี่คือละครที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เรื่องเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจ เพราะลูกกำลังได้รับคำแนะนำของพระเจ้าที่สูงสุดเหนือสิ่งใด ไม่มีสิ่งอื่นใด เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าผู้เดียวที่มีทุกพลัง, ผู้ทรงพลังอำนาจโลก ท่านเองได้อธิบายความหมายของคำว่า “ผู้ทรงอำนาจ” ผู้คนไม่เข้าใจสิ่งนี้ เพราะพวกเขาทั้งหมดตโมประธาน นี่ถูกเรียกว่ายุคเหล็ก ไม่ใช่ว่าเป็นยุคเหล็กสำหรับบางคน, ยุคทองสำหรับบางคน และยุคเงินสำหรับผู้อื่น ไม่เลย เพราะเมื่อเวลานี้เป็นนรก มนุษย์จึงไม่สามารถพูดว่านี่คือสวรรค์สำหรับพวกเขาเพียงเพราะพวกเขามีทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งอย่างมากมาย, สิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้ การละเล่นนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว เวลานี้ยุคทองคืออดีต ยุคทองไม่สามารถคงอยู่ในเวลานี้ เรื่องเหล่านี้ทั้งหมดต้องเป็นที่เข้าใจ พ่อนั่งที่นี่และอธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เคยเป็นอาณาจักรของพวกเขาในยุคทอง ผู้คนของบารัตในเวลานั้นถูกเรียกว่าเป็นยุคทอง ในเวลานี้พวกเขาถูกเรียกว่าเป็นยุคเหล็กอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาเคยเป็นยุคทอง นั่นก็ถูกเรียกว่าเป็นสวรรค์ ไม่ใช่ว่านรกนั้นจะถูกเรียกว่าเป็นสวรรค์ด้วยเช่นกัน ผู้คนมีการสั่งตนเอง เมื่อพวกเขามีความสุขของทรัพย์สมบัติ พวกเขาก็คิดว่าตนเองนั้นอยู่ในสวรรค์ “ฉันมีทรัพย์สมบัติมากมาย และดังนั้นฉันจึงอยู่ในสวรรค์” อย่างไรก็ตามพูดด้วยเหตุผลว่าสิ่งนั้นเป็นไปไม่ได้ นี่คือนรก แม้ว่าใครบางคนอาจจะมีหนึ่งถึงสองล้าน โลกนี้ก็มีโรคภัย ยุคทองถูกเรียกว่าโลกที่ปราศจากโรคภัย เป็นโลกเดียวกัน ในยุคทองถูกเรียกว่าโลกโยคี ในขณะที่ยุคเหล็กถูกเรียกว่าโลกโบคี(ผู้ที่ข้องแวะในความสุขจากการใช้ประสาทสัมผัส) ที่นั่นพวกเขาคือโยคี เพราะไม่มีกิเลสใดๆ ที่นั่น ดังนั้นนี่คือโรงเรียนและไม่มีเรื่องของการมีพลัง ครูจะแสดงพลังของเขาไหม? ลูกมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการกลายเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ด้วยการศึกษานี้ลูกเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นเทพ นี่ไม่ใช่เรื่องของมันตราคาถาหรือพลังลึกลับใดๆ นี่คือโรงเรียน มีอะไรเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับในโรงเรียนหรือไม่? พวกเขาศึกษาเล่าเรียนและกลายเป็นหมอหรือนักกฎหมาย ลักษมีและนารายณ์ก็เป็นมนุษย์ด้วย แต่พวกเขานั้นบริสุทธิ์ เหตุนี้เองพวกเขาจึงถูกเรียกว่าเทพ ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์อย่างแน่นอน นี่คือโลกเก่าที่ไม่บริสุทธิ์ ผู้คนคิดว่าใช้เวลาหลายแสนปีที่โลกจะกลับมาเก่า หลังจากยุคเหล็กเท่านั้นที่ยุคทองจะมาถึง เวลานี้ลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกัน ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับยุคบรรจบพบกันนี้ พวกเขาแสดงยุคทองว่าหลายแสนปี พ่อมาและอธิบายสิ่งเหล่านี้ ท่านนั้นถูกเรียกว่าดวงวิญญาณสูงสุด พ่อของดวงวิญญาณถูกเรียกว่าบาบา ท่านไม่ได้มีชื่ออื่นใด ชื่อของบาบาคือชีวา ผู้คนก็ไปยังวัดของชีวาด้วยเช่นกัน เพียงชีวาดวงวิญญาณสูงสุดเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าผู้เดียวที่ไม่มีตัวตน ท่านไม่มีร่างที่เป็นมนุษย์ ลูกๆ ดวงวิญญาณมาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของลูก และเหตุนี้เองลูกจึงได้รับร่างมนุษย์ ท่านคือชีวาและลูกคือซาลิแกรม ผู้คนกราบไหว้บูชาชีวาและซาลิแกรม เพราะพวกเขาเคยอยู่มาและจากไปในรูปที่มีชีวิต พวกเขาต้องเคยทำบางสิ่งมาก่อนที่พวกเขาจะจากไป เหตุนี้เองพวกเขาจึงมีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับการกราบไหว้บูชา ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับชาติเกิดก่อนหน้านี้ของพวกเขา พวกเขาได้รับการยกย่องในชาติเกิดนี้ ผู้คนกราบไหว้บูชาเหล่าเทพ ในชาติเกิดนี้หลายคนได้กลายเป็นผู้นำด้วย มีการผลิตแสตมป์ของผู้รู้และผู้เคร่งศาสนาที่ดีมากผู้ที่เคยอยู่มาและจากไปที่ทำให้พวกเขานั้นมีชื่อเสียง ชื่อของใครที่ควรได้รับการจดจำว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่? ใครคือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นี่? เป็นพระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่สูงสุดเหนือสิ่งใด ท่านไม่มีตัวตนและคำยกย่องของท่านก็แยกจากกันอย่างสมบูรณ์ คำยกย่องของเหล่าเทพนั้นแยกจากคำยกย่องของมนุษย์ มนุษย์ไม่สามารถถูกเรียกว่าเทพ เหล่าเทพนั้นมีทุกคุณธรรม ลักษมีและนารายณ์เคยอยู่และจากไป พวกเขาเป็นนายที่บริสุทธิ์ของโลก และพวกเขาได้รับการกราบไหว้บูชา เนื่องจากผู้ที่บริสุทธิ์นั้นมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ไม่สามารถถูกกล่าวว่าเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา ผู้ที่ไม่บริสุทธิ์จะกราบไหว้บูชาผู้ที่บริสุทธิ์เสมอ เมื่อกุมารีมีความบริสุทธิ์เธอก็ได้รับการกราบไหว้บูชา แต่เมื่อเธอกลับมาไม่บริสุทธิ์ เธอต้องก้มลงแทบเท้าของทุกคน ในเวลานี้ทุกคนไม่บริสุทธิ์ ในขณะที่ทุกคนในยุคทองนั้นบริสุทธิ์ นั่นคือโลกที่บริสุทธิ์และยุคเหล็กคือโลกที่ไม่บริสุทธิ์ เหตุนี้เองพวกเขาจึงเรียกหาพ่อผู้ชำระให้บริสุทธิ์ พวกเขาไม่เรียกหาท่านเมื่อพวกเขาบริสุทธิ์ พ่อเองพูดว่า ไม่มีใครจดจำพ่อในเวลาของความสุข สิ่งนี้พูดถึงบารัตเท่านั้น พ่อมาในบารัตเท่านั้น บารัตกลับมาไม่บริสุทธิ์ในเวลานี้ เป็นบารัตที่เคยบริสุทธิ์ หากลูกต้องการที่จะเห็นเทพที่บริสุทธิ์ ลูกสามารถไปที่วัดและมองดูพวกเขาได้ที่นั่น เหล่าเทพทั้งหมดนั้นบริสุทธิ์และหัวหน้า(คนสำคัญ)ของพวกเขาก็ถูกแสดงไว้ในวัด ในอาณาจักรของลักษมีและนารายณ์ทุกคนนั้นบริสุทธิ์ ราชาและราชินีเป็นเช่นไร ปวงประชาก็เป็นเช่นนั้น ในเวลานี้ทุกคนไม่บริสุทธิ์ ทุกคนเฝ้าแต่เรียกหา: โอ ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ได้โปรดมา! ซันยาสซีจะไม่มีวันยอมรับศรีกฤษณะว่าเป็นพระเจ้าหรือบราห์ม พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้านั้นเป็นผู้ไม่มีตัวตน ภาพลักษณ์ของท่านได้รับการกราบไหว้บูชาอย่างเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่มีตัวตน ชื่อที่ถูกต้องของท่านคือชีวา เมื่อลูกๆ ดวงวิญญาณมาที่นี่และนำร่างกายมาใช้ ลูกก็ได้รับชื่อ ดวงวิญญาณนั้นไม่สูญสลาย ในขณะที่ร่างกายนั้นสูญสลาย ดวงวิญญาณละร่างหนึ่งและรับอีกร่างหนึ่ง ต้องมี 84 ชาติเกิด ไม่สามารถเป็น 8.4 ล้านชาติเกิดได้ พ่ออธิบายว่า: โลกนี้ใหม่และถูกต้องตามหลักศีลธรรมในยุคทอง และโลกเดียวกันนี้ก็กลายเป็นโลกที่ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม นั่นคือดินแดนแห่งสัจจะซึ่งทุกคนพูดสัจจะ บารัตถูกเรียกว่าดินแดนแห่งสัจจะ ดินแดนของความหลอกลวงนั้นก็กลายเป็นดินแดนแห่งสัจจะ เพียงพ่อที่แท้จริงเท่านั้นที่มาและสร้างดินแดนแห่งสัจจะ ท่านถูกเรียกว่าจักรพรรดิที่แท้จริงผู้ที่เป็นสัจจะ นี่คือดินแดนแห่งความหลอกลวง ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ผู้คนพูดเป็นสิ่งที่ผิด เทพมีสติปัญญาที่รู้คิดและมนุษย์ก็กราบไหว้บูชาพวกเขา มีคำกล่าวว่า ผู้ที่มีปัญญาและผู้ที่ไม่รู้คิด พ่อบอกลูกว่าใครทำให้ลูกมีปัญญาแล้วใครทำให้ลูกไม่รู้คิด เป็นพ่อผู้ที่ทำให้ลูกมีปัญญาและเต็มไปด้วยทุกคุณธรรม ท่านเองมาและให้คำแนะนำของตัวท่านเองแก่ลูก เช่นที่ลูกคือดวงวิญญาณและลูกนำร่างกายมาใช้ที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของลูก ดังนั้นพ่อเช่นกันก็เข้ามาในผู้นี้เพียงครั้งเดียว ลูกรู้ว่าท่านคือหนึ่งเดียวเท่านั้น ท่านผู้เดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าผู้ทรงพลังอำนาจ ไม่มีมนุษย์ใดสามารถถูกเรียกว่าผู้ทรงพลังอำนาจ แม้แต่ลักษมีและนารายณ์ก็ไม่สามารถถูกเรียกเช่นนั้นได้ เพราะมีผู้เดียวที่ให้พลังแก่พวกเขาด้วยเช่นกัน มนุษย์ที่ไม่บริสุทธิ์ไม่สามารถมีพลัง พลังที่ดวงวิญญาณมีนั้นก็ค่อยๆลดลงไปทีละน้อย, นั่นคือพลังที่สโตประธานที่ดวงวิญญาณมีและแล้วก็กลายเป็นพลังที่ตโมประธาน ในทำนองเดียวกันรถยนต์ก็หยุดนิ่งเมื่อไม่มีน้ำมันอยู่ในนั้น แบตเตอรี่นี้ไม่ได้หมดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันได้รับเต็มเวลา ในเวลาสุดท้ายของยุคเหล็ก แบตเตอรี่กลับมาเย็นลง นายที่สโตประธานของโลกก็ได้สูญสิ้นพลังของเขาเพราะพวกเขากลับมาตโมประธาน พวกเขาไม่มีพลังเหลืออยู่ พวกเขากลับมามีค่าไม่กี่สตางค์ เมื่อมีศาสนาเทพในบารัต พวกเขาก็เคยมีค่าเต็มบาท มีคำกล่าวว่า ศาสนาคืออำนาจ มีพลังในศาสนาเทพ พวกเขาเป็นนายของโลก พวกเขามีพลังอะไร? พวกเขาไม่ได้มีพลังในการต่อสู้รบราฯลฯ พวกเขาได้รับพลังจากพ่อผู้ทรงอำนาจ พลังอะไร? พ่ออธิบายว่า: ลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ลูกๆ ดวงวิญญาณเคยสโตประธาน และเวลานี้ตโมประธาน แทนที่จะเป็นนายของโลก ลูกกลายเป็นทาสของโลก พ่ออธิบายว่า: ราวันกิเลสทั้งห้าได้ขโมยพละกำลังทั้งหมดของลูกไป เหตุนี้เองผู้คนของบารัตจึงได้กลับมายากจน อย่าได้คิดว่านักวิทยาศาสตร์มีพลังมากมาย นั่นไม่ใช่พลัง นี่คือพลังทางจิตที่ลูกได้รับด้วยการมีโยคะกับพ่อผู้ทรงพลังอำนาจ ราวกับว่าในเวลานี้การรบรากำลังเกิดขึ้นระหว่างวิทยาศาสตร์และความเงียบสงบ ลูกไปสู่ความเงียบสงบและลูกได้รับพลังผ่านความเงียบสงบนั้น ด้วยการรับพลังของความเงียบสงบ, ลูกก็ไปสู่โลกของความเงียบสงบ ลูกจดจำพ่อและละวางตนเองจากร่างกายของลูก ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาลูกได้เพียรพยายามอย่างหนักมากเพื่อที่จะไปหาพระเจ้า อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเรียกท่านว่าอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน ลูกจึงไม่สามารถค้นพบหนทางได้ ลูกได้กลับมาตโมประธาน ดังนั้นนี่คือการศึกษาเล่าเรียน การศึกษาไม่สามารถถูกเรียกว่าพลัง พ่อพูดว่า ก่อนอื่นใดจงกลับมาบริสุทธิ์ และแล้วทำความเข้าใจความรู้ว่าวงจรโลกหมุนไปอย่างไร พ่อผู้เดียวเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความรู้ ไม่มีเรื่องของพลังในสิ่งนั้น ลูกๆ ไม่รู้ว่าวงจรโลกหมุนไปอย่างไร ลูกนักแสดงกำลังเล่นบทบาทของลูก นี่คือละครที่ไม่มีขีดจำกัด ก่อนหน้านี้เมื่อผู้คนเคยแสดงบทบาทของเขาในละคร,นักแสดงก็สามารถถูกเปลี่ยนได้ อย่างไรก็ตามในเวลานี้พวกเขาได้ทำภาพยนตร์ เป็นสิ่งที่ง่ายดายสำหรับพ่อที่จะอธิบายโดยใช้ตัวอย่างของภาพยนตร์ ภาพยนตร์เหล่านั้นคือภาพยนตร์เล็กๆ และนี่คือภาพยนตร์ที่ใหญ่ ในการละเล่น(ละครทางโลก) สามารถเปลี่ยนตัวนักแสดงได้ ละครนี้คงอยู่ตลอดไปและเมื่อบางสิ่งได้มีการถ่ายทำแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ทั้งโลกนี้คือภาพยนตร์ที่ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีเรื่องของพลัง อัมบาถูกเรียกว่าชัคตี แต่เธอก็ยังคงมีชื่อ เหตุใดเธอจึงถูกเรียกว่าอัมบา? เธอได้ทำอะไรเมื่อเธออยู่ที่นี่? เวลานี้ลูกเข้าใจว่าอัมบาและลักษมีนั้นคือผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด และแล้วอัมบาก็กลายเป็นลักษมี ลูกๆ เท่านั้นที่เข้าใจสิ่งนี้ ลูกกลายเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้ และมีการสอนความบริสุทธิ์แก่ลูกด้วยเช่นกัน ความบริสุทธิ์นั้นดำเนินมาเป็นเวลาถึงครึ่งวงจร และแล้วพ่อก็มาและแสดงหนทางบริสุทธิ์แก่ลูก ในเวลานี้ผู้คนเรียกหาท่านให้มาและชี้หนทางแก่พวกเขาและกลายเป็นผู้นำทางด้วยเช่นกัน ท่านคือดวงวิญญาณสูงสุด ดวงวิญญาณกลับมาสูงสุดด้วยการศึกษากับผู้ที่สูงสุด บางคนผู้ที่บริสุทธิ์ก็ถูกเรียกว่าสูงสุด เวลานี้ลูกไม่บริสุทธิ์ พ่อบริสุทธิ์เสมอ มีความแตกต่าง เมื่อผู้เดียวที่บริสุทธิ์เสมอเท่านั้นมาที่นี่ท่านให้มรดกของลูกแก่ลูกและสอนลูก ท่านเข้ามาในผู้นี้และท่านบอกลูกด้วยตัวท่านเองว่าท่านคือพ่อของลูก พ่อต้องการพาหนะด้วยแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วดวงวิญญาณจะพูดได้อย่างไร? พาหนะนั้นก็มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน “พาหนะที่โชคดี” ได้รับการจดจำ ดังนั้น “พาหนะที่โชคดี” นั้นคือมนุษย์ ไม่มีเรื่องของรถม้า จำเป็นต้องมีรถม้าที่เป็นมนุษย์เพื่อที่ท่านจะสามารถนั่งในนั้นและอธิบายแก่มนุษย์ และแล้วพวกเขาก็ได้แสดงรถม้า มนุษย์ถูกเรียกว่า “พาหนะที่โชคดี” ที่นี่สัตว์บางตัวก็ได้รับการดูแลอย่างดีมาก แม้แต่มนุษย์ก็ไม่ได้รับการเอาใจใส่มากเช่นนั้น ผู้คนรักสุนัขของเขามาก! พวกเขาแม้กระทั่งรักม้าและวัว พวกเขามีนิทรรศการสุนัข ไม่มีสิ่งใดเช่นนั้นมีอยู่ที่นั่น ลักษมีและนารายณ์จะดูแลสุนัขไหม? เวลานี้ลูกๆรู้ว่ามนุษย์ทั้งหมดนี้มีสติปัญญาที่ตโมประธานในเวลานี้ และพวกเขาต้องถูกทำให้สโตประธาน ที่นั่นม้าฯลฯ ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นที่ผู้คนจะต้องรับใช้พวกมัน พ่ออธิบายว่า: ดูว่าสภาพของลูกเป็นเช่นไร! ราวันทำให้สภาพของลูกเป็นเช่นนั้น เขาคือศัตรูของลูก อย่างไรก็ตามลูกไม่รู้ว่าศัตรูนี้เกิดมาเมื่อไหร่ ลูกไม่รู้เกี่ยวกับการเกิดของชีวาหรือแม้กระทั่งเกี่ยวกับการเกิดของราวัน พ่อบอกลูกว่าราวันมาในตอนสิ้นสุดของยุคเงินและตอนเริ่มต้นของยุคทองแดง ทำไมเขาถึงได้แสดงราวันมี 10 หัว? เหตุใดผู้คนจึงเผาหุ่นจำลองของราวันทุกปี? ไม่มีใครรู้สิ่งนั้น เวลานี้ลูกกำลังศึกษาเล่าเรียนเพื่อเปลี่ยนจากมนุษย์ไปเป็นเทพ ผู้ที่ไม่ศึกษาเล่าเรียนก็ไม่สามารถกลายเป็นเทพได้ และแล้วพวกเขาก็จะมาเมื่ออาณาจักรของราวันเริ่มขึ้น เวลานี้ลูกรู้ว่าลูกเป็นของศาสนาเทพและต้นอ่อนนั้นกำลังมีการเพาะหว่านขึ้นในเวลานี้ พ่อพูดว่า พ่อมาทุกๆ 5000 ปีและสอนลูกในลักษณะนี้ เวลานี้ต้นไม้ของทั้งโลกได้กลับมาเก่า เมื่อต้นไม้ใหม่ก็มีเพียงศาสนาเทพเดียว และแล้วพวกเขาก็ค่อยๆ ลงมาทีละน้อย พ่อกำลังบอกลูกถึงบัญชีของ 84 ชาติเกิด เพราะว่าท่านนั้นเต็มไปด้วยความรู้ อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. สะสมพลังแห่งความเงียบสงบ ลูกต้องไปสู่โลกแห่งความเงียบสงบด้วยพลังแห่งความเงียบสงบ รับพลังด้วยการมีการจดจำระลึกถึงพ่อและกลายเป็นนาย ปลดปล่อยตนเองจากความเป็นทาส

2. ด้วยการศึกษากับสิ่งสูงสุด ลูกดวงวิญญาณจึงกลับมาสูงสุด ทำตามหนทางของความบริสุทธิ์เท่านั้น กลับมาบริสุทธิ์และทำให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ กลายเป็นผู้นำทาง

พร:
ขอให้ลูกเป็นดวงวิญญาณพิเศษผู้ที่มีความรู้อัลฟ่า (พระเจ้า) และทำตามศาสนาดั้งเดิมของความบริสุทธิ์

บัพดาดามีความพอใจที่ลูกๆแต่ละคนของท่านเป็นดวงวิญญาณที่พิเศษ ไม่ว่าเขาเป็นคนแก่, ไม่ได้รับการศึกษา, เด็กเล็ก, เยาวชนหรือผู้ครองเรือน ถูกเปรียบเทียบเบื้องหน้าของโลกเขาก็มีความพิเศษ ในโลกบางคนอาจเป็นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่, นักแสดง หรือนักวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าพวกเขาไม่รู้จักพระเจ้า พวกเขารู้อะไร? สติปัญญาของลูกมีศรัทธาและลูกพูดด้วยความซาบซึ้งทางจิตว่าพวกเขาสามารถแสวงหาต่อไป แต่ลูกได้บรรลุถึงท่านแล้ว ในขณะที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนของลูก ลูกนำศาสนาดั้งเดิมของความบริสุทธิ์มาปฏิบัติ และดังนั้นลูกจึงกลายเป็นดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ดวงวิญญาณพิเศษ

คติพจน์:
ผู้ที่หัวใจมีความสุขอย่างสม่ำเสมอเป็นที่รักของตนเองและของทุกคนอื่น