23.03.25 Avyakt Bapdada Thai Murli
02.11.2004 Om Shanti Madhuban
ยกระดับตนเองและยกระดับผู้ที่ประณามลูกด้วย เต็มไปด้วยพลังและคุณธรรมทั้งหมด
และเป็นผู้ประทานความเคารพ
วันนี้ มหาสมุทรแห่งความรักรู้สึกยินดีที่ได้เห็นลูกๆที่รักของท่านในทุกหนแห่ง
ไม่ว่าลูกจะอยู่เบื้องหน้าบาบาในรูปที่มีตัวตนหรือนั่งอยู่ห่างไกลทางกายภาพ
ความรักทำให้ลูกทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ในการนั่งใกล้ชิดกับพ่อ
ความรักของลูกแต่ละคนทำให้เขาสัมผัสได้ว่าพ่ออยู่ใกล้เขา
ลูกๆทุกคนมาที่นี่เป็นการส่วนตัวด้วยความรักที่มีต่อพ่อเช่นกัน
บัพดาดาเห็นว่าลูกทุกคนมีความรักต่อบัพดาดาหลอมรวมอยู่ในหัวใจของเขา
ลูกแต่ละคนมีบทเพลงแห่งความรัก "บาบาของฉัน" บรรเลงอยู่ในหัวใจของลูก
ความรักที่ทำให้ลูกละวางจากร่างกายและความสัมพันธ์ของร่างกายของลูก
ความรักที่ทำให้ลูกเป็นผู้เอาชนะมายา ที่ใดมีความรักในหัวใจ
มายาจะวิ่งหนีไปจากระยะไกล ลูกๆทุกคนสอบผ่านในวิชาของความรัก หนึ่งคือความรัก
และอีกหนึ่งคือสมบัติที่มีค่าของพลังทั้งหมดจากพ่อผู้ทรงอำนาจ ผู้ที่มีพลังทั้งหมด
ดังนั้น วันนี้ ในด้านหนึ่ง บัพดาดากำลังเห็นความรัก และอีกด้านหนึ่ง
ท่านกำลังเห็นพลังของกองทัพชักตี เท่าที่ลูกมีความรักหลอมรวมในตัวลูก
พลังทั้งหมดก็หลอมรวมในตัวลูกด้วยเช่นกัน
บัพดาดาได้มอบพลังทั้งหมดให้กับลูกๆอย่างเท่าเทียมกัน
ท่านได้ทำให้ลูกเป็นนายผู้ทรงอำนาจ ผู้ที่มีพลังทั้งหมด
ท่านไม่ได้ทำให้ลูกบางคนเป็นผู้ที่มีพลังทั้งหมด
และลูกคนอื่นๆเป็นผู้ที่มีพลังเพียงเล็กน้อย
ลูกทุกคนพูดว่าการเคารพตนเองของลูกอยู่ในการเป็นนายผู้ทรงอำนาจ
ผู้ซึ่งมีพลังทั้งหมด ดังนั้น บัพดาดาจึงถามลูกทุกคนในทุกหนแห่งว่า
ลูกแต่ละคนสัมผัสถึงพลังทั้งหมดในตนเองหรือไม่?
ลูกมีสิทธิ์ในพลังทั้งหมดอยู่เสมอหรือไม่? พลังทั้งหมดเป็นมรดกของลูกจากบัพดาดา
ดังนั้น ลูกมีสิทธิ์ในมรดกของลูกหรือไม่? ลูกมีสิทธิ์ไหม? ผู้เป็นครู! พูดซิ
ลูกมีสิทธิ์ไหม? พูดหลังจากที่คิดเกี่ยวกับสิ่งนี้อย่างรอบคอบแล้ว พันดาวาส
ลูกมีสิทธิ์ไหม? ลูกมีสิทธิ์อยู่เสมอหรือไม่? หรือแค่บางครั้งเท่านั้น?
ในเวลาที่ลูกต้องการพลังใดโดยเฉพาะ
พลังนั้นจะปรากฏออกมาตามคำสั่งของลูกต่อหน้าลูกในกองทัพชักตีหรือไม่?
พลังนั้นบอกว่า “ขอรับนายท่าน ฉันอยู่นี่” (จีฮาซูร์ ฮาซีร์)
ในเวลาที่ลูกต้องการหรือไม่? ลองคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้! ดูสิ
เมื่อใครก็ตามที่มีสิทธิ์ออกคำสั่ง พลังนั้นควรบอกว่า “นายท่าน ฉันอยู่นี่”
ลูกต้องสามารถใช้พลังใดก็ตามในเวลาที่ลูกเรียกใช้พลังนั้นตามเวลาและสถานการณ์
ลูกได้กลายเป็นดวงวิญญาณที่มีสิทธิ์ในลักษณะนี้หรือไม่?
นี่เป็นเพราะพ่อได้มอบมรดกให้กับลูก และลูกได้ทำให้มรดกนั้นเป็นของลูก
ลูกทำให้มรดกนั้นเป็นของลูกแล้วใช่หรือไม่? ดังนั้น
ลูกจึงมีสิทธิ์ในสิ่งใดก็ตามที่เป็นของลูก
เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็นต้องใช้พลังในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
ลูกต้องสามารถใช้พลังนั้นได้ ตัวอย่างเช่น
เมื่อลูกมีความจำเป็นต้องใช้พลังในการยอมรับปรับตัว
พลังนั้นเชื่อฟังคำสั่งของลูกและกล่าวว่า “ขอรับนายท่าน” หรือไม่?
อย่างน้อยก็พยักหน้าเห็นด้วย! ลูกอาจโบกมือได้หากพลังนั้นเชื่อฟังลูก
มันเชื่อฟังลูกบางครั้งหรือตลอดเวลา? พลังในการยอมรับปรับตัวปรากฏในตัวมันเอง
แต่เมื่อพลังในการยอมรับปรับตัวเข้ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปสิบครั้งแล้ว
เมื่อถึงครั้งที่สิบเอ็ดมีความแปรปรวนเล็กน้อยหรือไม่?
ปล่อยให้พลังนั้นปรากฏออกมาอยู่เสมอและอย่างง่ายดาย ไม่ใช่หลังจากเวลาผ่านไปแล้ว “ฉันต้องการทำอย่างนี้
แต่กลับกลายเป็นอย่างนั้นแทน” อย่าให้เป็นเช่นนั้น
สิ่งนี้เรียกว่ามีสิทธิ์ในพลังทั้งหมด บัพดาดาได้ให้สิทธิ์นี้แก่ลูกทุกคน
แต่จะเห็นได้ว่าลูกกลับมาตามลำดับกันไปในการกลายเป็นผู้มีสิทธิ์นี้อย่างสม่ำเสมอ
ขอให้เป็นอย่างสม่ำเสมอและอย่างง่ายดาย ขอให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ
ขอให้เป็นธรรมชาติของลูก วิธีการสำหรับสิ่งนี้คือ พ่อเรียกอีกอย่างว่าฮาซูร์ (พระผู้เป็นเจ้า)
และกล่าวว่า “ฮาซูร์ ฮาซีร์” (พระผู้เป็นเจ้าปรากฏอยู่)
พลังทั้งหมดก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าบรรดาลูกผู้เป็นเจ้านายที่ทำตามทุกศรีมัตของพระเจ้า
พวกเขากล่าวว่า "ขอรับท่านผู้เป็นนาย ฉันอยู่นี่ ฉันยอมรับ" พวกเขาจะกล่าวว่า "จี
ฮาซีร์" เสมอ (ขอรับท่าน ฉันอยู่นี่) ต่อทุกคำสั่ง พวกเขาพูด "จี ฮาซีร์"
ในทุกย่างก้าว หากลูกไม่พูดว่า "จี ฮาซีร์"
ในการทำตามทุกศรีมัตแล้วพลังทั้งหมดก็ไม่สามารถปรากฏขึ้นมาต่อหน้าลูกผู้เป็นเจ้านายในทุกช่วงเวลาได้
หากลูกทำตามศรีมัตหรือทำตามคำสั่งของพ่อในบางครั้ง
พลังก็จะทำตามคำสั่งของลูกในการปรากฏขึ้นมาต่อหน้าลูกเพียงบางครั้งเท่านั้นเช่นกัน
ในเวลานั้น แทนที่จะเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ ลูกกลับกลายเป็นผู้ที่พึ่งพิง ดังนั้น
บัพดาดาจึงตรวจสอบผลลัพธ์นี้ บาบาเห็นอะไร? ลูกตามลำดับกันไป
ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นอันดับหนึ่ง ลูกตามลำดับกันไป มันไม่ง่ายเสมอไป บางครั้งมันก็ง่าย
และบางครั้งพลังก็ปรากฏออกมาด้วยความยากลำบากเล็กน้อย
บัพดาดาต้องการที่จะเห็นลูกทุกคนทัดเทียมกับพ่อ ท่านไม่ต้องการเห็นลูกตามลำดับกันไป
เป้าหมายของลูกทุกคนคือกลับมาทัดเทียมกับพ่อ
ลูกมีเป้าหมายที่จะกลับมาทัดเทียมหรือตามลำดับกันไปหรือไม่? หากลูกถูกถามเช่นนี้
ลูกทุกคนจะพูดว่าลูกต้องการกลับมาทัดเทียม ดังนั้น ให้ตรวจสอบว่า 1)
ฉันมีพลังทั้งหมดหรือไม่? ขีดเส้นใต้คำว่า "ทั้งหมด" 2. ฉันมีคุณธรรมทั้งหมดหรือไม่?
3. สภาพของฉันทัดเทียมกับของพ่อหรือไม่? 4. สภาพของฉันเองได้รับชัยชนะ
หรือบางครั้งสถานการณ์ที่เลวร้ายได้รับชัยชนะเหนือฉันหรือไม่?
หากสถานการณ์ที่เลวร้ายได้รับชัยชนะ ลูกก็รู้ถึงเหตุผลสำหรับสิ่งนั้นแล้วใช่หรือไม่?
เมื่อสภาพของลูกอ่อนแอ สถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นก็สามารถจู่โจมได้
เพื่อให้สภาพดั้งเดิมของลูกได้รับชัยชนะอย่างสม่ำเสมอ
วิธีการคือการรักษาสมดุลของความเคารพตนเองและความเคารพผู้อื่นอยู่เสมอ
ดวงวิญญาณที่มีความเคารพตนเองคือผู้ประทานที่ให้ความเคารพอยู่เสมอ แท้จริงแล้ว
การให้ความเคารพแก่ใครก็ตามไม่ใช่การให้อย่างแท้จริง
การให้ความเคารพคือการได้รับความเคารพ
ผู้ที่ให้ความเคารพจะกลายเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การได้รับความเคารพในหัวใจของทุกคนโดยอัตโนมัติ
ลูกได้เห็นพ่อบราห์มาแล้ว แม้ว่าท่านจะเป็นอดิเทพ
แม้ว่าท่านจะเป็นดวงวิญญาณแรกในละคร แต่ท่านก็ยังให้ความเคารพต่อลูกๆอยู่เสมอ
ท่านทำให้ลูกๆได้รับความเคารพจากดวงวิญญาณทั้งหลายมากกว่าที่ท่านเองได้รับด้วยซ้ำ
นี่คือเหตุผลที่พ่อบราห์มากลายเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การได้รับความเคารพในหัวใจของลูกทุกคน
ดังนั้นท่านให้ความเคารพหรือท่านได้รับความเคารพ?
การให้ความเคารพหมายถึงการหว่านเมล็ดแห่งความรักจากหัวใจลงในหัวใจของผู้อื่น
เบื้องหน้าโลก ลูกก็เป็นดวงวิญญาณที่ให้คุณประโยชน์ต่อโลกเช่นกัน
เมื่อลูกให้ความเคารพต่อดวงวิญญาณด้วยความรักเท่านั้น ลูกจึงสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้
ดังนั้น ในเวลาปัจจุบัน
บัพดาดาเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกัน
มีเพียงผู้ให้ความเคารพเท่านั้นที่ถูกมองว่าเป็นดวงวิญญาณผู้ประทาน
มีเพียงผู้ที่ให้ความเคารพเท่านั้นที่เป็นลูกที่เชื่อฟังและทำตามศรีมัตของบัพดาดาในการมีความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์
การให้ความเคารพคือการมีความรักในหัวใจต่อครอบครัวของพระเจ้า
ผู้ที่ให้ความเคารพผู้อื่นสามารถรักษาความมั่นคงในสภาพของความเคารพตนเองได้อย่างง่ายดาย
เพราะเหตุใด?
สมบัติแห่งพรที่ลูกได้รับจากหัวใจของผู้ที่ลูกให้ความเคารพนั้นเตือนลูกถึงความเคารพตนเองของลูกได้อย่างง่ายดายและโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น บัพดาดาจึงเน้นย้ำสิ่งนี้เป็นพิเศษสำหรับลูกทุกคนในทุกหนแห่ง:
จงกลายเป็นผู้ประทานความเคารพ
ลูกคนใดก็ตามที่มาหาบาบา ไม่ว่าจะเป็นลูกที่อ่อนแอ
ผู้ที่ได้รับอิทธิพลจากซันสการ์ของเขา ผู้ที่มาพร้อมกับภาระของบาป
หรือผู้ที่มาพร้อมกับซันสการ์ที่แข็งแกร่ง - บัพดาดามองเห็นลูกทุกคนด้วยสายตาใด?
นั่นคือสายตาของการเป็นลูกที่รักของฉันที่จากหายไปนานและเวลานี้ได้พบแล้ว
เขาเป็นลูกของครอบครัวของพระเจ้า ดังนั้น
ท่านจึงให้ความเคารพพวกเขาและพวกเขาก็กลายเป็นผู้ที่มีความเคารพตนเอง
ลูกต้องทำตามพ่อ หากลูกต้องการที่จะกลับมาเต็มไปด้วยคุณธรรมทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
จงกลายเป็นผู้ให้ความเคารพ ลูกเข้าใจไหม? สิ่งนี้ง่ายใช่ไหม? ง่ายหรือยาก?
ผู้เป็นครูคิดว่าอย่างไร สิ่งนี้ง่ายไหม? การให้ความเคารพบางคนเป็นเรื่องง่าย
แต่การให้ความเคารพคนอื่นเป็นเรื่องยากไหม? หรือการให้ความเคารพทุกคนเป็นเรื่องง่าย?
สมญาของลูกคือ ผู้ที่ยกระดับทุกคน ลูกคือผู้ที่ยกระดับแม้กระทั่งผู้ที่ประณามลูก
ดังนั้นตรวจสอบดูว่า! ลูกมีสายตา ทัศนคติ
และสำนึกรู้ในการเป็นผู้ยกระดับทุกคนหรือไม่?
การยกระดับผู้อื่นก็คือการยกระดับตนเอง แล้วลูกจะทำอย่างไร?
ลูกต้องให้ความเคารพใช่ไหม?
แล้วลูกจะหลุดพ้นจากการต้องเพียรพยายามที่จะซึมซับสิ่งต่างๆทีละอย่าง
นี่เป็นเพราะว่าบัพดาดาเห็นว่าความเร็วของเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เวลากำลังรออยู่ ดังนั้นลูกทุกคนต้องเตรียมการ ลูกต้องไม่ปล่อยให้เวลารออีกต่อไป
ลูกต้องเตรียมการอะไร? เพิ่มความเร็วในการกลับมาสมบูรณ์พร้อมและทัดเทียม
อย่าพูดว่าลูกกำลังทำอยู่ ตรวจสอบว่าความเร็วของลูกเร็วแค่ไหน
ความเร็วของลูกเร็วไหม?
ลูกใหม่ก็มาถึงที่นี่ด้วยความรักเช่นกัน บัพดาดายินดีที่ได้พบลูกใหม่
ผู้ที่มาเป็นครั้งแรก ยกมือขึ้น! มีมากมายหลายคน ยินดีต้อนรับสู่บ้านของพ่อ
บ้านของลูก ขอแสดงความยินดี! อัจชะ
คาร์นาตากะดูแลงานงานรับใช้ในรอบนี้:
ผู้ที่มาจากคาร์นาตากะ ยืนขึ้น!
ขอแสดงความยินดีสำหรับโอกาสทองของลูกในการทำงานรับใช้ ดูสิ ลูกได้อันดับแรกแล้ว
ดังนั้น ลูกต้องการอยู่อย่างเป็นอันดับแรกใช่หรือไม่?
ลูกคือผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในความพยายามของลูกในการได้รับชัยชนะในทุกสิ่ง
อย่าได้อันดับสอง ให้ได้อันดับแรก ลูกมีความกล้าหาญนี้หรือไม่?
ลูกมีความกล้าหาญหรือไม่? ด้วยความกล้าหาญของลูก
ลูกจะได้รับความช่วยเหลือจากพ่อเป็นพันเท่า ลูกได้รับโอกาสที่ดีมาก
ลูกได้สะสมบัญชีบุญของลูกไว้มากมาย อัจชะ ลูกมีโปรแกรมใหญ่ในคาร์นาตากะหรือไม่?
ลูกไม่มีหรือ? เพราะเหตุใด? ทำไมลูกถึงไม่มีโปรแกรมใหญ่?
คาร์นาตากะควรได้อันดับแรกในทุกสิ่ง (พวกเขาจะมีโปรแกรมนั้นในบังกาลอร์) อัจชะ
ผู้ที่จัดโปรแกรมใหญ่ ยืนขึ้น! จนถึงตอนนี้มีโปรแกรมใหญ่เกิดขึ้นกี่โปรแกรมแล้ว? (แปดถึงสิบโปรแกรมและอีกหนึ่งโปรแกรมจะจัดขึ้น)
ดังนั้นบัพดาดาจึงขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับโปรแกรมใหญ่ มีกี่โซน?
ทุกโซนควรจัดโปรแกรมใหญ่
เพราะจะทำให้ผู้คนในเมืองของลูกที่พร่ำบ่นจะได้ไม่พร่ำบ่นอีก เมื่อลูกมีโปรแกรมใหญ่
ลูกก็จะมีการโฆษณาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะผ่านสื่อ โปสเตอร์ ป้ายโฆษณา
หรือวิธีการอื่นๆมากมาย การพร่ำบ่นก็จะลดลง บัพดาดาชอบงานรับใช้นี้ แต่... มีแต่
ลูกมีโปรแกรมขนาดใหญ่และลูกก็ได้รับการแสดงความยินดีสำหรับโปรแกรมนั้นแล้ว
แต่จากทุกโปรแกรม อย่างน้อยให้มีลูกประคำของ 108 ที่เตรียมไว้ ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น
อย่างน้อยก็ให้เตรียมลูกประคำ 108 ไว้ให้พร้อม และอย่างมากที่สุดก็ 16,000
ลูกได้ใช้พลังงานและเงินไปเป็นอย่างมาก ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด
บัพดาดาต้องการเห็นลูกประคำ 108 พร้อม ลูกต้องเก็บที่อยู่ของทุกคนที่มา
ลูกมีการแนะนำผู้ที่นำคนอื่นๆเข้าสู่โปรแกรมใหญ่
ดังนั้นให้นำพวกเขาเข้ามาใกล้อีกครั้ง อย่าคิดว่า "เราได้ทำในส่วนของเราแล้ว"
งานใดที่ดำเนินการไปจะต้องให้ผลบางอย่าง
ดังนั้นทุกคนที่เข้าร่วมโปรแกรมใหญ่ต้องให้ผลลัพธ์กับบัพดาดา
ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากศูนย์ต่างๆหรือมาจากเมืองอื่นๆ ก็ต้องมีผลลัพธ์ สิ่งนี้โอเคไหม?
สิ่งนี้สามารถทำได้ใช่ไหม? หากลูกให้ความใส่ใจเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะปรากฏออกมา;
108 ไม่มีอะไรเลย อย่างไรก็ตาม บัพดาดาต้องการที่จะเห็นผลลัพธ์
อย่างน้อยพวกเขาควรเป็นนักเรียน พวกเขาควรออกมาข้างหน้าเพื่อให้ความร่วมมือ
บัพดาดาต้องการเห็นผลลัพธ์ในฤดูกาลนี้ว่าลูกทำให้ใครปรากฏออกมาได้มากเท่าไหร่
สิ่งนี้โอเคไหม? พันดาวาส สิ่งนี้โอเคไหม?
ดังนั้นเราจะได้เห็นว่าใครเป็นอันดับหนึ่ง
ไม่ว่าลูกจะทำให้ใครปรากฏออกมาได้มากเท่าไหร่
จงทำให้พวกเขาปรากฏออกมาได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อโปรแกรมจบลง
ความใส่ใจในการติดต่อพวกเขาในอนาคตมีน้อยลง
การทำให้พวกเขาปรากฏออกมาไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อเห็นความกล้าหาญของลูกๆ
บัพดาดาก็รู้สึกพอใจ ลูกเข้าใจไหม อัจช
ตอนนี้ ลูกทุกคน ในหนึ่งวินาที ไม่ใช่แม้กระทั่งหนึ่งนาที แต่หนึ่งวินาที
จงสัมผัสกับการฝึกซ้อมของจิตใจนี้ “ฉันคือเทวดานางฟ้าและกำลังกลายเป็นเทพ”
ฝึกซ้อมสิ่งนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดทั้งวัน
เช่นที่การฝึกซ้อมทางร่างกายทำให้ร่างกายของลูกแข็งแรง
การฝึกซ้อมของจิตใจก็จะทำให้จิตใจของลูกทรงพลังเช่นกัน “ฉันคือเทวดานางฟ้า
ฉันคือดวงวิญญาณเทวดานางฟ้าที่ละวางจากโลกเก่านี้ ร่างเก่านี้
และซันสการ์ของร่างเก่านี้” อัจชะ
ถึงลูกๆที่รักยิ่งทั้งหลายในทุกหนแห่ง
ถึงดวงวิญญาณที่หลอมรวมในความรักกับมหาสมุทรแห่งความรักอยู่เสมอ
ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งซึ่งมีสิทธิ์ในพลังทั้งหมดอยู่เสมอ
ถึงดวงวิญญาณที่เป็นที่รักของพ่อและทัดเทียมกับพ่อ
ถึงทุกดวงวิญญาณที่อยู่ในความเคารพตนเองอยู่เสมอและให้ความเคารพต่อทุกดวงวิญญาณ
ถึงดวงวิญญาณที่มีค่าควรแก่การได้รับความเคารพจากทุกคน
ถึงดวงวิญญาณที่ยกระดับทุกคนเสมอ โปรดรับความรัก ความระลึกถึง
และพรจากหัวใจของบัพดาดา พร้อมกันนั้น นมัสเตแด่ดวงวิญญาณที่เป็นนายของโลก
ถึง ดาดี้จี:
ลูกได้สอบผ่านเป็นอันดับหนึ่งในการให้ความเคารพ นี่เป็นสิ่งที่ดี
ความงามของมธุบันเป็นเพราะดาดี้ทั้งหมด (ถึงผู้ที่มาในชุมนุม)
ลูกทุกคนชอบความงามและความเปล่งประกายของดาดี้
เช่นเดียวกับที่มีความเปล่งประกายและความงามในมธุบันเพราะดาดี้ ในทำนองเดียวกัน
ลูกทุกคนไม่ใช่ดาดี้ แต่ลูกเป็นดีดี้และดาด้า ดังนั้น
ลูกผู้เป็นดีดี้และดาด้าทุกคนต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้และทำสิ่งนี้
ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน ให้มีความงามและความเปล่งประกายที่นั่น
เช่นเดียวกับที่ดาดี้เหล่านี้เป็นความงามและความเปล่งประกาย ในทำนองเดียวกัน
ให้มีความงามและความเปล่งประกายในทุกสถานที่ เพราะเบื้องหลังดาดี้คือดีดี้
ลูกไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย มีดาด้าและดีดี้ ดังนั้น
ที่ศูนย์ต้องไม่มีความแห้งแล้งใดๆ ให้มีความงามและความเปล่งประกาย
ลูกดวงวิญญาณแต่ละคนคือผู้ที่นำความงามและความเปล่งประกายมาสู่โลก ดังนั้น
ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ให้มองเห็นว่าสถานที่นั้นเป็นสถานที่ที่งดงามและมีความเปล่งประกาย สิ่งนี้โอเคไหม?
ในโลกนี้ มีความงามและความเปล่งประกายที่มีขีดจำกัด
ในขณะที่จากลูกแต่ละคนมีความงามและความเปล่งประกายที่ไม่มีขีดจำกัด
หากตัวลูกเองมีความงามและความเปล่งประกายของความสุข ความสงบ
และความสุขที่เหนือประสาทสัมผัสแล้วสถานที่แห่งนั้นเองก็จะเต็มไปด้วยความงามและความเปล่งประกาย
เพราะบรรยากาศแผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่งโดยผ่านสภาพของลูก ดังนั้น
ลูกแต่ละคนต้องตรวจสอบว่ามีความงามและความเปล่งประกายในที่ที่ลูกอาศัยอยู่หรือไม่และไม่มีความเศร้าโศกใดๆ
ทุกคนร่ายรำอย่างมีความสุขหรือไม่? เป็นเช่นนั้นใช่ไหม?
นี่คืองานของเหล่าดาดี้ทุกคนใช่หรือไม่? ทำตามดีดี้และดาด้า อัจชะ
ลูกๆที่รักทุกคนจากทุกหนแห่งที่กำลังจดจำระลึกถึงบัพดาดาในหัวใจของพวกเขา
และผู้ที่ส่งความทรงจำระลึกถึงโดยผ่านจดหมายและอีเมล์
บัพดาดาไม่ได้มองเห็นพวกเขาทั้งหมดว่าเป็นลูกๆที่อยู่ห่างไกล
แต่อยู่บนบัลลังก์หัวใจของท่าน สิ่งที่ใกล้ชิดที่สุดคือหัวใจ
ผู้ที่ส่งความทรงจำระลึกถึงด้วยหัวใจของพวกเขาและผู้ที่ไม่ได้ส่งความทรงจำระลึกถึงแต่อยู่ในความทรงจำระลึกถึง
บัพดาดามองเห็นพวกเขาทั้งหมดนั่งอยู่บนบัลลังก์หัวใจของท่าน ท่านกำลังตอบรับลูก
ในขณะที่ลูกนั่งอยู่ห่างไกล
ขอให้ลูกเป็นผู้ที่เพียรพยายามอย่างรวดเร็วเป็นอันดับหนึ่ง
พร:
ขอให้ลูกละทิ้งการนอนหลับใหลของความไม่ระมัดระวัง และกลายเป็นผู้เอาชนะการนอนหลับ
และด้วยเหตุนี้จึงเป็นผู้ปกครองโลก
เพื่อที่จะกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ให้นิมิตและให้นิมิตกับผู้เลื่อมใสศรัทธา
และด้วยเหตุนี้จึงเป็นผู้ปกครองโลก ให้กลายเป็นผู้เอาชนะการหลับใหล
เมื่อลูกลืมไปว่านี่คือเวลาของการทำลายล้าง
ลูกก็นอนหลับใหลในความหลับใหลของความไม่ระมัดระวัง
เมื่อลูกได้ยินเสียงเรียกของผู้เลื่อมใสศรัทธา
เสียงร้องไห้แห่งความทุกข์ของดวงวิญญาณที่ไม่มีความสุข
เสียงสวดมนต์ของดวงวิญญาณที่กระหาย
ลูกจะไม่นอนหลับใหลในความหลับใหลของความไม่ระมัดระวังอีกต่อไป เวลานี้
จงกลายเป็นแสงสว่างที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา ละทิ้งการนอนหลับใหลของความไม่ระมัดระวัง
และกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ให้นิมิต
คติพจน์:
ให้ความร่วมมือในทุกวิถีทางที่ลูกสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยร่างกาย จิตใจ
ทรัพย์สมบัติ และด้วยความคิด คำพูด และการกระทำของลูก
แล้วลูกจะกลายเป็นโยคีที่ง่ายดาย
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน:
การนำวัฒนธรรมแห่งสัจจะและมารยาทอันดีงามมาใช้
พ่อพูดว่า "พระเจ้าคือสัจจะ"
และพ่อรักสัจจะ พระเจ้าพอใจกับหัวใจที่ซื่อสัตย์
ในลูกที่เฝ้าแต่ทำงานรับใช้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์หัวใจ ในความสัมพันธ์และในสายใย
ในทุกความคิดและคำพูดของพวกเขา ความซื่อสัตย์และความสะอาดจะปรากฏให้เห็น
ทุกความคิดและทุกคำพูดของพวกเขาจะเป็นสัจจะความจริง