23.09.24       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน ทั้งวันและคืนให้คิด “บาบา บาบา” อยู่ภายใน แล้วลูกจะได้สัมผัสกับความสุขที่ไร้ขีดจำกัด จะคงอยู่ในสติปัญญาของลูกว่า บาบากำลังให้สมบัติที่มีค่าของคูเบอร์ (ราชาผู้มั่งคั่งมาก) แก่ลูก

คำถาม:
ลูกคนไหนที่บาบาเรียกว่าเป็นดอกไม้ที่ซื่อสัตย์? พูดในสิ่งที่บ่งบอกถึงลูกๆ เช่นนั้น

คำตอบ:
ดอกไม้ที่ซื่อสัตย์คือผู้ที่ไม่เคยได้รับอิทธิพลจากมายา พวกเขาไม่มีความขัดแย้งใดๆกับมายา แม้ว่าดอกไม้ที่ซื่อสัตย์เช่นนั้นจะมาล่าช้า พวกเขาทำความเพียรพยายามที่จะไปอย่างรวดเร็ว พวกเขารักษาเป้าหมายของการไปข้างหน้าแม้กระทั่งผู้ที่อาวุโสกว่า พวกเขาอยู่อย่างไม่ว่างเว้นในการทำความเพียรพยายามที่จะขจัดข้อบกพร่องของพวกเขา พวกเขาไม่เห็นข้อบกพร่องของผู้อื่น

โอมชานติ
พระเจ้าชีวาพูด ท่านคือพ่อทางจิตเพราะชีวาคือผู้เป็นจิตสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ทุกวันพ่ออธิบายสิ่งใหม่ๆ แก่ลูก มีซันยาสซีมากมาย ฯลฯ ผู้ที่ถ่ายทอดกีตะ พวกเขาไม่สามารถจดจำพ่อ คำว่า“บาบา”ไม่สามารถออกจากปากของพวกเขา คำนี้เป็นไปสำหรับผู้ที่อยู่ในหนทางของครอบครัว ในขณะที่พวกเขาเป็นของหนทางของสันโดษ พวกเขาจดจำธาตุแห่งแสงเท่านั้น พวกเขาไม่เคยพูดว่า “ชีพบาบา” ลูกสามารถไปและตรวจสอบ เมื่อซันยาสซีที่มีความรู้ที่ยิ่งใหญ่ เช่น ชิมินยานันดา ฯลฯ ถ่ายทอดกีตะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาคิดว่าศรีกฤษณะเป็นพระเจ้าของกีตะหรือมีโยคะกับเขา ไม่เลย พวกเขามีโยคะกับธาตุแห่งแสงเท่านั้น พวกเขามีความรู้ของธาตุบราห์มและวัตถุธาตุ เป็นไปไม่ได้ที่ใครก็ตามจะเรียกศรีกฤษณะว่า“บาบา” ดังนั้น ศรีกฤษณะไม่ใช่บาบาผู้ถ่ายทอดกีตะ ทุกคนเรียกชีวาว่า“บาบา” เพราะท่านคือพ่อของดวงวิญญาณทั้งหมด ดวงวิญญาณทั้งหมดเรียกหาท่าน: พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ท่านคือผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งใด เพราะท่านอาศัยในอาณาเขตสูงสุด ลูกทั้งหมดก็อาศัยในอาณาเขตสูงสุดด้วยเช่นกัน แต่ท่านถูกเรียกว่าดวงวิญญาณสูงสุด ท่านไม่เคยกลับมาใช้ชาติเกิด ท่านเองนั้นพูดว่า ชาติเกิดของพ่อนั้นสูงส่งและพิเศษสุด ไม่มีใครอื่นจะสามารถเข้ามาในพาหนะและชี้หนทางที่จะกลายเป็นนายของโลกให้แก่ลูกได้ เหตุนี้เองพ่อพูดว่า ไม่มีใครรู้จักพ่ออย่างที่พ่อเป็นหรือพ่อเป็นอะไร เป็นเพียงเมื่อพ่อให้คำแนะนำของพ่อเองเท่านั้นที่ลูกสามารถมาเพื่อรู้จักพ่อ ผู้ที่เชื่อในธาตุแห่งแสงหรือวัตถุธาตุจะพิจารณาว่าศรีกฤษณะเป็นพ่อของพวกเขาได้อย่างไร? ดวงวิญญาณทั้งหมดคือลูกๆ ทุกคนจะเรียกศรีกฤษณะว่า“พ่อ”ได้อย่างไร? ไม่สามารถกล่าวว่าศรีกฤษณะเป็นพ่อของทุกคนและดังนั้นเราทั้งหมดคือพี่น้องเพศชาย หรือศรีกฤษณะอยู่ในทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่ทุกคนสามารถเป็นศรีกฤษณะ หากทุกคนเป็นศรีกฤษณะพวกเขาก็จะต้องมีพ่อด้วยเช่นกัน มนุษย์ได้ลืมทุกสิ่ง เนื่องจากพวกเขาไม่รู้จักท่าน จึงกล่าวว่า มีเพียงจำนวนน้อยมากจากหลายๆล้านที่รู้จักพ่อ ใครก็ตามสามารถรับรู้ในศรีกฤษณะ ผู้คนจากต่างประเทศก็รู้จักเขาด้วยเช่นกัน พวกเขาเรียกศรีกฤษณะว่าพระผู้เป็นเจ้าหรือท่านลอร์ดกฤษณะ พวกเขามีภาพลักษณ์ของศรีกฤษณะด้วยเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงนั่นไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ถูกต้อง พวกเขาได้ยินจากผู้คนของบารัตว่าศรีกฤษณะได้รับการกราบไหว้บูชาอย่างมาก ดังนั้นจึงมีการเขียนไว้ในกีตะว่า พระเจ้าศรีกฤษณะ จะสามารถถูกเรียกพระเจ้าว่าพระผู้เป็นเจ้าหรือท่านลอร์ดได้อย่างไร? พวกเขาพูดว่า “ท่านลอร์ดศรีกฤษณะ” ในความเป็นจริงบุคคลสำคัญนั้นก็ได้รับสมญาว่า “ท่านลอร์ด” พวกเขาได้ให้สมญานี้แก่ผู้คนมากมาย สิ่งนี้ถูกเรียกว่าเมืองของความมืด พวกเขาเรียกผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ใดก็ตามว่าพระผู้เป็นเจ้า มีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ของวันนี้และชีวาและศรีกฤษณะ พ่อพูดว่า ความรู้ที่พ่อให้ลูกในขณะนี้จะหายไปในเวลาต่อมา เป็นพ่อผู้ที่มาและก่อตั้งโลกใหม่และเป็นพ่อผู้ที่ให้ความรู้นี้แก่ลูกในเวลานี้ เพียงเมื่อพ่อให้ความรู้นี้เท่านั้นที่ลูกๆ จะสามารถรับฟังได้ ไม่มีใครนอกจากพ่อสามารถถ่ายทอดความรู้ได้ ไม่มีใครแม้กระทั่งรู้สิ่งนี้ ซันยาสซีเหล่านั้นจะสามารถจดจำชีพบาบาได้หรือไม่? พวกเขาไม่สามารถแม้กระทั่งจะสามารถบอกผู้อื่นให้จดจำพระเจ้าผู้ไม่มีตัวตน ลูกเคยได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้มาก่อนหรือไม่? แม้กระทั่งผู้ที่มีการศึกษาที่ดีหลายคนก็ไม่เข้าใจสิ่งใด เวลานี้พ่ออธิบายว่าศรีกฤษณะไม่ใช่พระเจ้า แม้ว่ามนุษย์จะเฝ้าแต่เรียกเขาว่าพระเจ้าอยู่เรื่อยๆก็ตาม มีความแตกต่างอย่างมากมาย! พ่อนั่งที่นี่และสอนลูกๆ ท่านคือพ่อ ครู และกูรู ชีพบาบานั่งที่นี่และอธิบายแก่ทุกคน เนื่องจากการไม่เข้าใจสิ่งนี้พวกเขาจึงไม่ได้แสดงให้เห็นชีวาในตรีมูรติ พวกเขาได้แสดงบราห์มาที่ถูกเรียกว่าพ่อของมวลมนุษย์ ผู้ที่สร้างปวงประชา แต่เขาไม่ได้ถูกเรียกว่าพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้สร้างผู้คน ดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นลูกๆของพระเจ้า ดังนั้นท่านต้องสร้างปวงประชาผ่านใครบางคน ใครที่นำลูกมาเลี้ยงดู? พ่อนำลูกมาเลี้ยงดูผ่านบราห์มา เป็นเพียงเมื่อลูกกลายเป็นบราห์มินก่อนเท่านั้นที่ลูกจะสามารถกลายเป็นเทพได้ ลูกไม่เคยได้ยินประเด็นนี้มาก่อน พ่อของมวลมนุษย์มีบทบาทอย่างแน่นอน ท่านต้องแสดงอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วผู้คนมากมายจะมาจากไหน? พวกเขาไม่สามารถเป็นลูกๆที่ถือกำเนิดจากกิเลสได้ พราห์มเหล่านั้นที่ถือกำเนิดจากกิเลสก็พูดว่านามสกุลของพวกเขาคือ “พราห์ม” ชื่อของทุกคนแตกต่างกัน เพียงหลังจากที่ชีพบาบาเข้ามาในตัวเขาเท่านั้นจึงถูกเรียกว่าถูกเรียกประชาบิดาบราห์มาตามนั้น นี่คือประเด็นใหม่ พ่อเองพูดว่า ไม่มีใครรู้จักพ่อ ไม่มีใครรู้จักวงจรโลกเช่นกัน เหตุนี้เองฤาษีและมุนีทั้งหมดจึงพูดว่า เนติ เนติ พวกเขาไม่รู้จักทั้งดวงวิญญาณสูงสุดและสิ่งสร้างของดวงวิญญาณสูงสุด พ่อพูดว่า เพียงเมื่อพ่อมาและให้คำแนะนำของพ่อเองเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถรู้จักพ่อได้ เทพเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเขาได้รับอาณาจักรของพวกเขาอย่างไร พวกเขาไม่มีความรู้นี้เลย เมื่อพวกเขาได้มาซึ่งสถานภาพของเขาแล้วก็ไม่มีความจำเป็นสำหรับความรู้นี้ จำเป็นต้องมีความรู้นี้เพื่อการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ พวกเขาจะได้มาซึ่งการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์แล้ว ประเด็นเหล่านี้ลึกล้ำมากที่จะต้องเข้าใจ เพียงผู้ที่รู้คิดเท่านั้นที่จะเข้าใจ อย่างไรก็ตามผู้เป็นแม่ที่แก่ชราก็ไม่ได้มีปัญญามากนัก ลูกแต่ละคนมีบทบาทของตนเองตามแผนของละคร พวกเขาจะไม่พูดว่า โอ้! พระเจ้า ให้สติปัญญาที่ดีแก่ฉัน! หากพ่อจะให้สติปัญญาเดียวกันกับทุกคน ทุกคนก็จะกลายเป็นนารายณ์ ทุกคนจะนั่งทับกันอยู่บนบัลลังก์หรือ? ใช่ เป้าหมายและวัตถุประสงค์คือการกลายเป็นเช่นนั้น ทุกคนกำลังทำความเพียรพยายามเพื่อจะเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาไปเป็นนารายณ์ พวกเขาจะกลายเป็นเช่นนั้นตามความเพียรพยายามของพวกเขา หากทุกคนยกมือเพื่อพูดว่าเขาจะกลายเป็นนารายณ์ พ่อก็จะหัวเราะอยู่ภายใน ทุกคนจะสามารถกลายเป็นเช่นเดียวกันได้อย่างไร? พวกเขาทั้งหมดจะตามลำดับกันไป มีนารายณ์ที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม เช่นที่มีเอ็ดเวิร์ดที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ถึงแม้ว่าลูกมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เดียวกัน ลูกแต่ละคนก็สามารถเข้าใจด้วยตนเองว่าลูกจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพใดหากกิจกรรมของลูกยังคงเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็น ลูกต้องทำความเพียรพยายามอย่างแน่นอน บาบานำดอกไม้มาตามลำดับกันไป และท่านก็สามารถแจกดอกไม้เหล่านั้นตามลำดับกันไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะลูกบางคนก็จะสูญเสียความหวัง บาบารู้และมองดูเช่นกันว่าลูกคนไหนที่ทำงานรับใช้มากกว่ากัน ลูกคนไหนเป็นดอกไม้ที่ดี และแล้วที่เหลือทั้งหมดนั้นก็ตามลำดับกันไป มีผู้ที่สูงอายุอยู่มากมายที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ แต่ก็จะมีดอกไม้ใหม่ที่ดีบางดอกด้วยเช่นกัน ท่านก็จะพูดว่า ผู้นี้เป็นดอกไม้ที่ซื่อสัตย์อันดับหนึ่ง เขาไม่มีความขัดแย้งหรือความอิจฉาใดๆ ฯลฯ หลายคนก็ยังมีข้อบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีใครสามารถถูกเรียกว่าสมบูรณ์พร้อม ลูกจำเป็นต้องทำความเพียรพยายามอย่างมากมายเพื่อที่จะกลับมาเต็ม 16 องศา แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถกลับมาสมบูรณ์พร้อมได้ แม้แต่เวลานี้ลูกๆ ที่ดีก็มีความอิจฉาอย่างมากในพวกเขา พวกเขามีข้อบกพร่อง พ่อรู้ว่าลูกแต่ละคนกำลังทำความเพียรพยายามประเภทใด ผู้คนในโลกรู้อะไร? พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใดเลย ผู้คนน้อยมากที่เข้าใจ ผู้ที่ยากจนก็เข้าใจได้อย่างเร็ว พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดมาเพื่อสอนลูก ด้วยการจดจำพ่อนั้นบาปของลูกจะถูกตัดออกไป เรามาหาพ่อแล้ว เราจะได้รับมรดกของโลกใหม่จากบาบาอย่างแน่นอน ตามลำดับกันไปจาก 100 ถึง 1 แต่เมื่อลูกได้รู้จักพ่อ เมื่อลูกได้ฟังความรู้นี้เพียงเล็กน้อยลูกก็จะไปสวรรค์อย่างแน่นอน ไม่ใช่เรื่องเล็กที่จะไปสวรรค์ถึง 21 ชาติเกิด มันไม่เหมือนกับที่พวกเขาพูดว่าเมื่อใครบางคนตายเขาก็ไปสวรรค์ถึง 21 ชาติเกิด สวรรค์อยู่ที่ไหน? มีความเข้าใจผิดอยู่มากมาย แม้แต่บุคคลที่ดีและเป็นบุคคลสำคัญก็พูดว่าผู้นั้นผู้นี้ได้จากไปสู่สวรรค์ พวกเขาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่พวกเขาอ้างถึงเมื่อพวกเขาพูดถึงคำว่า “สวรรค์” เพียงลูกเท่านั้นที่รู้สิ่งนี้ ลูกเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน แต่ลูกได้กลายเป็นบราห์มิน ลูกเรียกตนเองว่าบราห์มิน ลูกๆบราห์มินมีบัพดาดาเดียว ดังนั้นลูกสามารถที่จะถามซันยาสซีว่า: คำพูดที่ยิ่งใหญ่ที่พูดโดยพระเจ้าที่พูดว่า “ลืมร่างกายและศาสนาของร่างกายและจดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้น” เป็นศรีกฤษณะหรือที่พูดว่า “จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้น”? เป็นศรีกฤษณะหรือที่พวกท่านจดจำ? พวกเขาจะไม่พูดว่า “ใช่” และแล้วก็จะมีการเปิดเผย ผู้ที่ไร้เดียงสาและน่าสงสารที่ไปหาพวกเขาก็ไม่รู้สิ่งใดเลย พวกเขากลับมาโกรธต่อหน้าสาวกของพวกเขา ชื่อดูวาชา(ผู้เคร่งศาสนาที่รู้ถึงความโกรธของเขา)ก็ได้รับการจดจำ พวกเขามีความหยิ่งยโสอย่างมาก พวกเขามีสาวกมากมาย เป็นอาณาจักรของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ไม่มีใครมีพลังที่จะถามพวกเขา ไม่เช่นนั้นลูกก็สามารถถามพวกเขาว่า: พวกท่านกราบไหว้บูชาชีพบาบาแล้วท่านเรียกใครว่าพระเจ้า? พระเจ้าอยู่ในก้อนกรวดและก้อนหินหรือไม่? ภายหลังพวกเขาจะมาเพื่อเข้าใจสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เวลานี้พวกเขามีความซาบซึ้งอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดคือผู้กราบไหว้บูชา พวกเขาไม่สามารถถูกเรียกว่าผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา พ่อพูดว่า แทบจะไม่มีใครรู้จักพ่อ ในบรรดาลูกๆเช่นกันก็มีเพียงน้อยนิดที่รู้จักพ่ออย่างถูกต้องแม่นยำอย่างที่พ่อเป็นและพ่อเป็นใคร ภายในลูกก็ประสบกับความสุขมากมาย ลูกเข้าใจว่าบาบากำลังให้อาณาจักรแห่งสวรรค์แก่ลูก ลูกได้รับความมั่งคั่งของคูเบอร์ การละเล่นเกี่ยวกับตะเกียงอาลาดินก็ได้มีการแสดงไว้ด้วยเช่นกัน เมื่อตะเกียงถูกถูสมบัติมากมายก็ปรากฏออกมา การละเล่นมากมายเช่นนั้นได้มีการแสดงไว้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่จักรพรรดิซึ่งเป็นเพื่อนของพระเจ้าทำด้วยเช่นกัน เขาจะให้อาณาจักรของเขาเป็นเวลาหนึ่งวันแก่คนแรกที่เข้ามาที่สะพาน ทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องราว เวลานี้พ่ออธิบายว่าพระเจ้าคือเพื่อนของลูกๆ ท่านเข้ามาในผู้นี้และรับประทาน ดื่ม และเล่นกับลูก พาหนะของชีพบาบาและบราห์มาบาบาเป็นพาหนะเดียวกันและเหมือนกัน ดังนั้นชีพบาบาจึงต้องเล่นกับลูกอย่างแน่นอน เมื่อลูกจดจำพ่อในขณะที่กำลังเล่น นั่นก็หมายความว่าทั้งสองนั้นอยู่ในผู้นี้ มีทั้งสอง: บัพและดาดา อย่างไรก็ตามไม่มีใครเข้าใจสิ่งนี้ พวกเขาพูดว่าท่านเข้ามาในพาหนะ และดังนั้นพวกเขาจึงได้แสดงพาหนะที่เป็นม้า ไม่สามารถกล่าวว่าชีพบาบานั่งในศรีกฤษณะและให้ความรู้ และแล้วพวกเขาก็พูดว่า พระเจ้าศรีกฤษณะพูด พวกเขาไม่ได้พูดว่า พระเจ้าบราห์มาพูด ไม่เลย นี่คือพาหนะ มีคำกล่าวว่า พระเจ้าชีวาพูด พ่อนั่งที่นี่และให้คำแนะนำของพ่อเองแก่ลูกและบอกลูกถึงตอนเริ่ม ตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้างและช่วงระยะเวลาของวงจร ไม่มีใครอื่นรู้สิ่งเหล่านี้ ผู้ที่รู้คิดก็จะใช้สติปัญญาของพวกเขา ซันยาสซีต้องละทิ้งทุกสิ่ง ลูกก็ได้ละทิ้งทั้งโลกรวมทั้งร่างกายของลูกด้วยเช่นกัน ลูกเข้าใจว่านั่นคือหนังเก่าของลูกและลูกต้องไปสู่โลกใหม่ เราดวงวิญญาณไม่ได้เป็นผู้อาศัยของสถานที่นี้ เรามาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของเราเท่านั้น ดั้งเดิมแล้วเราเป็นผู้อาศัยในดินแดนสูงสุด ลูกๆรู้ด้วยเช่นกันว่าต้นไม้ที่ไม่มีตัวตนที่อยู่บนนั้นเป็นเช่นไร ดวงวิญญาณทั้งหมดอาศัยอยู่ที่นั่น ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว มีดวงวิญญาณมนุษย์หลายพันล้าน พวกเขาทั้งหมดอาศัยอยู่ที่ไหน? ในโลกที่ไม่มีตัวตน อย่างไรก็ตามดวงดาวในท้องฟ้าไม่ใช่ดวงวิญญาณ ผู้คนแม้กระทั่งเรียกดวงดาวเหล่านั้นว่าเทพ แต่ดาวเหล่านั้นไม่ใช่เทพ เราเรียกชีพบาบาว่าพระอาทิตย์แห่งความรู้ ดวงดาวเหล่านั้นไม่สามารถถูกเรียกว่าเทพ มีการเขียนสิ่งที่ผิดๆมากมายในคัมภีร์ ทั้งหมดนั้นคือเครื่องประกอบของหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาที่ทำให้ลูกลงมา ลูกจะลงมาอย่างแน่นอนหากลูกใช้ 84 ชาติเกิด นี่คือโลกยุคเหล็ก สัตยุคถูกเรียกว่าโลกยุคทอง ใครอาศัยอยู่ที่นั่น? เหล่าเทพ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน? ลูกเข้าใจว่าพวกเขาได้กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ พ่อได้อธิบายแล้วว่า ขณะที่ใช้กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ พวกเขาก็เปลี่ยนจากเทพเป็นฮินดู พวกเขากลายเป็นผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่มีศาสนาของใครอื่นเปลี่ยนไปในลักษณะนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดศาสนาของพวกเขาจึงเปลี่ยนไป พ่อพูดว่า พวกเขาได้กลายเป็นผู้ที่เลวทรามต่ำช้าในศาสนาของตนและพฤติกรรมของเขาเอง เมื่อพวกเขาเป็นเทพ พวกเขาเป็นคู่ที่บริสุทธิ์ และแล้วพวกเขาก็กลับมาไม่บริสุทธิ์ในอาณาจักรของราวัน และดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถถูกเรียกว่าเทพได้อีกต่อไป นั่นคือเหตุผลที่ได้รับชื่อว่าฮินดู พระเจ้าศรีกฤษณะไม่ได้ก่อตั้งศาสนาเทพ แน่นอนว่าต้องเป็นชีพบาบาผู้ที่มาและก่อตั้งศาสนานั้น ผู้คนเฉลิมฉลองการเกิดของชีวาหรือกลางคืนของชีวา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าท่านทำอะไรเมื่อท่านมา มีคัมภีร์ “ชีวา ปูรานา” ด้วยเช่นกัน ในความเป็นจริงมีเพียงกีตะเดียวเท่านั้นของชีวาที่ชีพบาบาพูด ไม่มีคัมภีร์อื่นใด ลูกไม่ได้ใช้ความก้าวร้าวรุนแรงใดๆ ไม่มีคัมภีร์ใดของลูกที่ถูกสร้างขึ้นมา ลูกไปสู่โลกใหม่ ไม่มีคัมภีร์หรือกีตะฯลฯ ในยุคทอง ใครจะศึกษาสิ่งเหล่านั้นที่นั่นหรือ? ผู้คนพูดว่า พระเวทย์และคัมภีร์ฯลฯ คงอยู่มาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นของเวลา พวกเขาไม่รู้สิ่งใดเลย ไม่มีคัมภีร์ใดฯลฯ ในสวรรค์ พ่อสร้างเหล่าเทพ พวกเขาทั้งหมดได้มาซึ่งการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์ และดังนั้นจึงไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาที่จะศึกษาคัมภีร์ ไม่มีคัมภีร์ที่นั่น เวลานี้พ่อได้ให้กุญแจของความรู้นี้กับลูกแต่ละคนเพื่อที่จะเปิดล็อคของสติปัญญาของลูก ก่อนหน้านี้ล็อคเหล่านั้นถูกปิดล็อคอย่างสมบูรณ์ และดังนั้นลูกจึงไม่เข้าใจสิ่งใดเลย อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. อย่าได้อิจฉาริษยาใคร ขจัดข้อบกพร่องของลูกออกไปและเพียรพยายามที่จะกลับมาสมบูรณ์พร้อม ประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงด้วยการศึกษาเล่าเรียน

2. ละทิ้งทุกสิ่งรวมทั้งร่างกายของลูกเอง อย่าได้ทำความก้าวร้าวรุนแรงประเภทใด อย่าได้มีความหยิ่งยโสใดๆ

พร:
ขอให้ลูกมีความสุขและความซาบซึ้งของสิทธิ์ที่ไม่สูญสลายและไม่มีขีดจำกัด ด้วยวิธีนั้นจึงกลับมาไร้กังวลอย่างสม่ำเสมอ

ผู้คนในโลกเรียกร้องสิทธิ์ของพวกเขาด้วยความพยายามมากมาย ในขณะที่ลูกได้รับสิทธิ์ของลูกโดยไม่ต้องทำความพยายามใดๆ การกลายเป็นลูกหมายถึงการประกาศสิทธิ์ "ว้า! ฉัน ดวงวิญญาณที่สูงส่งที่มีสิทธิ์ทั้งหมด" อยู่ในความซาบซึ้งและความสุขของสิทธิ์ที่ไม่มีขีดจำกัดนี้ และลูกจะไร้กังวลอย่างสม่ำเสมอ สิทธิ์ที่ไม่สูญสลายเหล่านี้ได้รับประกันไว้แล้ว เมื่อบางสิ่งได้รับการรับประกัน ลูกจึงอยู่อย่างไร้กังวล มอบความรับผิดชอบทั้งหมดของลูกแก่พ่อ และลูกจะเป็นอิสระจากความกังวลทั้งหมด

คติพจน์:
ผู้ที่มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่และมีหัวใจที่กว้างใหญ่ เป็นรากฐานของความเป็นหนึ่งเดียวกัน