30.09.24       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน มีความใส่ใจเกี่ยวกับการชาร์ตแบตเตอรี่ของลูก อย่าได้สูญเสียเวลาของลูกในการคิดเกี่ยวกับผู้อื่น บดเครื่องปรุงของตนเองและกลับมามีความซาบซึ้ง

คำถาม:
เหตุใดจึงมีความจำเป็นสำหรับพ่อที่จะอธิบายทุกสิ่งแก่ลูกในรายละเอียดและให้เวลากับลูกอย่างมาก แม้ว่าความรู้นี้จะเป็นเพียงแค่หนึ่งวินาทีก็ตาม?

คำตอบ:
เพราะพ่อเห็นว่ามีการพัฒนาขึ้นในตัวลูกหรือไม่หลังจากที่ได้ให้ความรู้นี้แก่ลูก และแล้วท่านก็ยังคงให้ความรู้เพื่อให้การปรับปรุงนั้นเกิดขึ้นในตัวลูกอย่างต่อเนื่อง ท่านให้ความรู้ของเมล็ดและทั้งต้นไม้และเป็นไปเพราะสิ่งนี้ที่ท่านถูกเรียกว่ามหาสมุทรแห่งความรู้ หากท่านจะจากไปหลังจากที่ให้มันตราของหนึ่งวินาทีแก่ลูกแล้ว ท่านก็จะไม่ได้รับสมญาว่าเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้

โอมชานติ
พ่อทางจิตนั่งที่นี่และอธิบายแก่ลูกๆทางจิต ในหนทางความเลื่อมใสศรัทธา แม้ว่าพวกเขาจะกราบไหว้บูชาพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ชีวา สติปัญญาของพวกเขาก็ตระหนักว่าท่านเคยอยู่ที่นี่และไปแล้ว ที่ไหนก็ตามที่พวกเขาเห็นลิงกัม พวกเขาก็กราบไหว้บูชาสิ่งนั้น ลูกเข้าใจว่าชีวาอาศัยอยู่ในอาณาเขตสูงสุด ท่านเคยอยู่และจากไป และเหตุนี้เองพวกเขาจึงสร้างอนุสรณ์ของท่านและกราบไหว้บูชาสิ่งนั้น เมื่อลูกจดจำท่าน สิ่งนั้นก็จะเข้าไปอยู่ในสติปัญญาของลูกอย่างแน่นอนว่าท่านคือผู้ที่ไม่มีตัวตน ท่านคือผู้อาศัยของดินแดนสูงสุด พวกเขาเรียกลิงกัมว่าชีวาและกราบไหว้บูชา พวกเขาไปที่วัดและก้มลงให้กับสิ่งนั้น พวกเขาออฟเฟอร์นม, น้ำ, ผลไม้ ฯลฯ แก่ลิงกัม แต่สิ่งนั้นไม่มีชีวิต พวกเขาเฝ้าแต่กราบไหว้บูชาสิ่งไม่มีชีวิต เวลานี้ลูกรู้ว่าผู้เดียวนั้นคือผู้มีชีวิตและสถานที่อยู่อาศัยของท่านคือดินแดนสูงสุด เมื่อผู้คนเหล่านั้นกราบไหว้บูชาท่าน สติปัญญาของพวกเขาก็สำนึกว่าท่านคือผู้อาศัยของดินแดนสูงสุด และท่านได้เคยอยู่และจากไป เหตุนี้เองสัญลักษณ์เหล่านั้นจึงถูกทำขึ้นและพวกเขากราบไหว้บูชาสิ่งเหล่านั้น สัญลักษณ์เหล่านั้นไม่ใช่ชีวา แต่เป็นเพียงสัญลักษณ์ของท่าน ในทำนองเดียวกันผู้คนกราบไหว้บูชารูปปั้นของเทพซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีชีวิต สิ่งเหล่านั้นไม่มีชีวิต อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เข้าใจว่าผู้มีชีวิตเหล่านั้นได้จากไปแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาต้องกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่และลงมา เวลานี้ลูกๆได้รับความรู้นี้ ลูกเข้าใจว่าเหล่าเทพที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาทั้งหมดนั้นได้กลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นเหมือนกัน ชื่อนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ชื่อของร่างกายเปลี่ยนแปลง แต่ละดวงวิญญาณอยู่ในร่างใดร่างหนึ่ง พวกเขาต้องกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่อย่างแน่นอน ผู้ที่เคยเป็นคนแรกที่มีร่างกายก็ได้รับการกราบไหว้บูชา(ลักษมีและนารายณ์ของยุคทอง) เวลานี้ลูกมีความคิดเกี่ยวกับความรู้นี้ที่พ่อให้ลูก ลูกเข้าใจว่าภาพลักษณ์ที่ลูกกราบไหว้บูชาคืออันดับหนึ่ง ลักษมีและนารายณ์นี้มีชีวิตอยู่ในรูปที่มีชีวิต พวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ที่นี่ในบารัต แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป ผู้คนไม่ได้เข้าใจสิ่งนั้น, ด้วยการกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่พวกเขาก็ใช้รูปและนามที่แตกต่างกันไปและเล่นบทบาทของ 84 ชาติเกิดของเขาต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีใครในพวกเขาที่คิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ พวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ในยุคทองอย่างแน่นอน แต่เวลานี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ไม่มีใครแม้กระทั่งสามารถเข้าใจสิ่งนี้ เวลานี้ลูกรู้แล้วว่าตามแผนของละครพวกเขาจะเข้ามาสู่รูปที่มีชีวิตอย่างแน่นอน ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เข้าไปสู่สติปัญญาของมนุษย์ แต่พวกเขาเข้าใจว่าพวกเขาเคยมีอยู่อย่างแน่นอน ภาพลักษณ์ที่ไม่มีชีวิตของพวกเขาเวลานี้คงอยู่ แต่มันไม่ได้เข้าไปในสติปัญญาของใครว่าผู้ที่มีชีวิตเหล่านั้นได้จากไปที่ใด ผู้คนพูดถึงกลับมาใช้ชาติเกิดและมี 8.4 ล้านชาติเกิด เพียงลูกๆเท่านั้นที่รู้ว่ามนุษย์ใช้เพียง 84 ชาติเกิดเท่านั้นและไม่ใช่ 8.4 ล้านชาติเกิด ผู้คนกราบไหว้บูชารามจันทรา แต่พวกเขาไม่รู้ว่ารามจากไปที่ไหน ลูกรู้ว่าดวงวิญญาณของศรีรามนั้นจะต้องกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่อย่างแน่นอน ดวงวิญญาณนั้นสอบตกในการสอบที่นี่ อย่างไรก็ตามเขาต้องมีชีวิตอยู่ในรูปใดรูปหนึ่งอย่างแน่นอน เป็นที่นี่ที่ลูกเฝ้าแต่ทำความเพียรพยายาม ชื่อของรามนั้นได้รับการยกย่องอย่างมาก และดังนั้นดวงวิญญาณนั้นจะมาและจะต้องรับความรู้นี้อย่างแน่นอน เวลานี้เนื่องจากผู้คนไม่รู้อะไรเลยลูกจึงต้องทิ้งเรื่องนั้นไว้ เวลาสูญเปล่าไปด้วยการเข้าไปสู่สิ่งเหล่านี้ ทำไมไม่ใช้เวลาของลูกอย่างมีค่าแทนที่จะใช้เวลาในลักษณะนั้น? ลูกแต่ละคนต้องชาร์ตแบตเตอรี่ของลูกเพื่อความก้าวหน้าของลูกเอง การคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่นๆคือการคิดเกี่ยวกับผู้อื่น เวลานี้ลูกต้องคิดเกี่ยวกับตนเองเท่านั้น ฉันควรจะจดจำพ่อ คนอื่นก็ต้องศึกษาเล่าเรียนอย่างแน่นอนเช่นกัน พวกเขาต้องชาร์ตแบตเตอรี่ของพวกเขา แต่ลูกแต่ละคนต้องชาร์ตแบตเตอรี่ของลูกเอง มีคำกล่าวว่า บดเครื่องปรุงของตนเองและลูกจะรู้สึกซาบซึ้ง พ่อได้กล่าวว่า เมื่อลูกสโตประธานสถานภาพของลูกก็สูงมาก เวลานี้ทำความเพียรพยายามอีกครั้งและจดจำพ่อและบาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้อง มีจุดหมายปลายทางนี้ ลูกจะกลับมาสโตประธานโดยคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ด้วยการคิดถึงนารายณ์เราก็จะกลายเป็นนารายณ์ ผู้ที่จดจำนารายณ์ในช่วงเวลาสุดท้าย… ลูกต้องจดจำพ่อที่จะทำให้บาปของลูกสามารถถูกตัดออกไปและแล้วลูกก็สามารถกลายเป็นนารายณ์ นี่เป็นวิธีที่สูงสุดที่จะเปลี่ยนจากคนธรรมดาไปเป็นนารายณ์ จะไม่มีเพียงบุคคลเดียวที่กลายเป็นนารายณ์ เป็นทั้งราชวงศ์ที่กลายเป็นเช่นนี้ พ่อทำให้ลูกสามารถที่จะทำความเพียรพยายามสูงสุด นี่คือความรู้ของราชาโยคะและลูกต้องกลายเป็นนายของทั้งโลก ยิ่งลูกทำความเพียรพยายามมากเท่าไรก็จะยิ่งมีคุณประโยชน์มากเท่านั้น ประการแรกมีศรัทธาว่าลูกคือดวงวิญญาณ บางคนแม้กระทั่งเขียนว่า ดวงวิญญาณนั้นๆกำลังจดจำพ่อ ดวงวิญญาณเขียนผ่านร่างกาย ดวงวิญญาณมีสายใยกับชีพบาบา ฉันดวงวิญญาณมีร่างกายที่มีรูปและนามเช่นนั้นเช่นนี้ ลูกต้องพูดเช่นนี้อย่างแน่นอนเพราะมีการให้ชื่อแก่ร่างกายที่แตกต่างกันที่ดวงวิญญาณนำมาใช้ ฉันคือดวงวิญญาณนี้เป็นลูกของท่านและชื่อของร่างกายของดวงวิญญาณนี้คือชื่อนั้นชื่อนี่ ชื่อของดวงวิญญาณไม่เคยเปลี่ยนแปลง ฉันดวงวิญญาณนี้มีร่างกายเช่นนั้นเช่นนี้ ร่างกายต้องมีชื่ออย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ ที่นี่พ่อพูดว่า พ่อเข้ามาในร่างของบราห์มานี้ชั่วคราว พ่ออธิบายแก่ดวงวิญญาณของผู้นี้ด้วยเช่นกัน พ่อได้มาเพื่อสอนลูกผ่านร่างกายนี้ นี่ไม่ใช่ร่างของพ่อ พ่อเข้ามาในร่างนี้ และแล้วพ่อก็จะกลับไปยังดินแดนของพ่อ พ่อมาเพื่อให้มันตรานี้แก่ลูกๆ ไม่ใช่ว่าพ่อจะกลับไปหลังจากที่ได้ให้มันตราแก่ลูก ไม่เลย พ่อจะต้องดูแลลูกๆเพื่อจะดูว่าลูกมีการพัฒนาที่ดีขึ้นเพียงใด และแล้วพ่อก็จะให้คำสอนเพื่อการปรับปรุงของลูกต่อไปเรื่อยๆ หากท่านจะจากไปหลังจากที่ได้ให้ความรู้ของหนึ่งวินาทีนี้แก่ลูก ท่านก็จะไม่ถูกเรียกว่าเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้ เป็นเช่นนี้มานานแล้วและท่านยังคงอธิบายแก่ลูกต่อไป มีรายละเอียดของต้นไม้และหนทางของความเลื่อมใสศรัทธาที่ต้องเข้าใจ ท่านอธิบายแก่ลูกในรายละเอียด การขายส่งหมายถึง “มานมานะบาฟ” อย่างไรก็ตามท่านไม่เพียงแต่พูดเช่นนี้แล้วจากไป ท่านต้องให้การหล่อเลี้ยงแก่ลูกเช่นกัน ลูกๆบางคนก็จดจำพ่อและแล้วก็หายไป ดวงวิญญาณนั้นๆที่มีชื่อนั้นชื่อนี้เคยศึกษาเล่าเรียนเป็นอย่างดี ท่านจะจำสิ่งนั้น ลูกเก่าๆนั้นก็ดีมาก แต่มายาก็ได้กลืนกินพวกเขาไป ผู้คนมากมายมาในตอนเริ่มต้น พวกเขามาและเข้าไปสู่ตักของพ่อและสร้างเตาอบ(บัทตี)ในทันที ทุกคนทดลองโชคของตนในสิ่งนั้น และขณะที่พวกเขานั้นกำลังทดลองโชคของพวกเขา, มายานั้นก็พัดพาพวกเขาไปอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้ และสิ่งเดียวกันจะเกิดขึ้นหลังจาก 5000 ปี ผู้คนมากมายได้จากไป ครึ่งหนึ่งของต้นไม้ต้องหายไปอย่างแน่นอน ต้นไม้โตขึ้นแล้ว แต่ต้นเก่าก็ยังหลงเหลืออยู่ ลูกสามารถเข้าใจได้ว่าบางคนจะกลับมาศึกษาเล่าเรียนที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน พวกเขาจำได้ว่าพวกเขาเคยศึกษาเล่าเรียนกับพ่อและพวกเขาก็อยู่อย่างพ่ายแพ้ในขณะที่ผู้อื่นก็ยังคงศึกษาเล่าเรียนกับพ่อต่อไป และแล้วพวกเขาก็จะเข้ามาในสนามอีกครั้งหนึ่ง บาบาจะอนุญาตให้พวกเขาเข้ามา: ให้พวกเขาเข้ามาและทำความเพียรพยายามอีกครั้ง พวกเขาจะได้รับสถานภาพที่ดีอย่างใดอย่างหนึ่ง พ่อเตือนลูกๆ: ลูกๆที่สุดแสนหวาน จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้นอย่างสม่ำเสมอและบาปของลูกจะถูกตัดออกไป ลูกจดจำท่านได้อย่างไร? ลูกคิดว่าบาบาอยู่ในดินแดนสูงสุดหรือไม่? ไม่เลย พ่อกำลังนั่งที่นี่ในพาหนะนี้ ลูกทุกคนก็รู้เกี่ยวกับพาหนะนี้ นี่คือ “พาหนะที่โชคดี” ท่านเข้ามาในผู้นี้ เมื่อลูกอยู่ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา ลูกเคยจดจำท่านในดินแดนสูงสุด แต่ลูกก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยการมีการจดจำระลึกถึงนั้น เวลานี้พ่อเองนั่งในพาหนะนี้และให้ศรีมัทแก่ลูก เหตุนี้เองลูกๆเข้าใจว่าเวลานี้บาบาอยู่ในยุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุดในดินแดนแห่งความตายนี้ ลูกรู้ว่าลูกต้องไม่จดจำบราห์มา พ่อพูดว่า จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้นอย่างสม่ำเสมอ พ่ออยู่ในพาหนะนี้และให้ความรู้นี้แก่ลูก พ่อให้คำแนะนำของพ่อเองแก่ลูกและอธิบายว่า พ่ออยู่ที่นี่ ก่อนหน้านี้ลูกเคยคิดว่าท่านคือผู้อาศัยของดินแดนสูงสุด ที่ท่านมาและจากไป แต่ลูกไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ทุกคนได้เคยอยู่และจากไป? ไม่มีใครรู้ว่าภาพลักษณ์เหล่านั้นทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นอยู่ที่ไหน และแล้วผู้ที่จากไปก็กลับมาในเวลาของตนเอง พวกเขายังคงเล่นบทบาทที่แตกต่างกันต่อไป ยังไม่มีใครสามารถไปสวรรค์ พ่อได้อธิบายว่า ลูกต้องทำความเพียรพยายามที่จะไปสวรรค์และต้องมีตอนสิ้นสุดของโลกเก่าและตอนเริ่มต้นของโลกใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งถูกเรียกว่ายุคบรรจบพบกันที่เป็นสิริมงคลที่สุด เวลานี้ลูกมีความรู้นี้ ผู้คนไม่รู้สิ่งใดเลย พวกเขารู้ว่าร่างกายนั้นถูกเผาและดวงวิญญาณก็จากไป เวลานี้คือยุคเหล็กและดังนั้นดวงวิญญาณก็จะกลับมาใช้ชาติเกิดใหม่ในยุคเหล็กอย่างแน่นอน เมื่อลูกอยู่ในยุคทองลูกก็กลับมาใช้ชาติเกิดในยุคทอง ลูกรู้ด้วยเช่นกันว่าสต็อกทั้งหมดของดวงวิญญาณคงอยู่ในโลกที่ไม่มีตัวตน สิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูก และแล้วเราก็มาจากที่นั่นนำร่างกายมาใช้ที่นี่และกลายเป็นมนุษย์ ทุกคนต้องมาที่นี่และกลายเป็นมนุษย์ และแล้วก็กลับไปบ้านตามลำดับกันไป ท่านจะไม่พาทุกคนกลับไป เพราะในกรณีนั้นก็จะมีการทำลายล้าง พวกเขาแสดงให้เห็นว่าการทำลายล้างอย่างสิ้นซากได้เกิดขึ้นแต่พวกเขาไม่ได้แสดงให้เห็นผลลัพธ์ของสิ่งนั้น ลูกรู้ว่าโลกนี้ไม่สามารถกลับมาว่างเปล่าได้ มีเพลงที่ร้องว่า รามจากไป ราวันผู้ที่มีครอบครัวใหญ่ก็จากไป มีชุมนุมของราวันทั่วทั้งโลก มีชุมนุมที่เล็กมากของราม ชุมนุมของรามมีอยู่ในยุคทองและยุคเงิน มีความแตกต่างอย่างมากมาย ภายหลังกิ่งก้านสาขาอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้น เวลานี้ลูกรู้จักเมล็ดและต้นไม้เช่นกัน พ่อรู้ทุกสิ่ง และเหตุนี้เองท่านจึงเฝ้าแต่บอกทุกสิ่งแก่ลูก เหตุนี้เองท่านจึงถูกเรียกว่ามหาสมุทรแห่งความรู้ หากจะมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น(สำหรับท่านที่จะบอก) คัมภีร์ฯลฯ ก็ไม่สามารถถูกเขียนขึ้นมาได้ ท่านเฝ้าแต่อธิบายแก่ลูกถึงรายละเอียดของต้นไม้ด้วยเช่นกัน วิชาหลักอันดับหนึ่งคือการจดจำพ่อ เป็นสิ่งนี้ที่ต้องใช้ความเพียรพยายาม ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ อย่างไรก็ตามเวลานี้ลูกรู้จักต้นไม้ด้วยเช่นกัน ไม่มีใครในโลกรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ ลูกได้แสดงเวลาและวันที่ฯลฯของศาสนาอื่นๆทั้งหมด พวกเขาทั้งหมดนั้นรวมอยู่ในครึ่งหนึ่งของวงจร แต่ก็มีผู้คนของสุริยวงศ์และจันทราวงศ์ ไม่ได้มีหลายต่อหลายยุคสำหรับพวกเขา มีเพียงสองยุค มีมนุษย์จำนวนน้อยมากที่นั่น ที่นั่นไม่สามารถมี 8.4 ล้านชาติเกิด ผู้คนได้สูญสิ้นความเข้าใจทั้งหมด และเหตุนี้เองพ่อจึงมาและอธิบาย พ่อผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างนั่งที่นี่และท่านให้ความรู้ของตัวท่านเอง,ของผู้สร้างและตอนเริ่ม ตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้างแก่ลูก ผู้คนของบารัตไม่รู้สิ่งใดเลย พวกเขาเฝ้าแต่กราบไหว้บูชาทุกคน พวกเขาเริ่มที่จะกราบไหว้บูชาใครก็ตามที่มา ชาวมุสลิม, ชาวพาสี ฯลฯ เนื่องจากพวกเขาได้ลืมศาสนาของพวกเขาเองและผู้ก่อตั้งศาสนาของพวกเขา ผู้อื่นทั้งหมดรู้เกี่ยวกับศาสนาของตนเอง พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าเมื่อใดที่ได้มีการก่อตั้งศาสนานั้นๆ และโดยใคร แต่ไม่มีใครรู้ถึงประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของยุคทองและยุคเงิน พวกเขามองดูที่ภาพลักษณ์และคิดว่า นี่คือรูปของชีพบาบา ท่านผู้เดียวเท่านั้นคือพ่อสูงสุดเหนือสิ่งใด ดังนั้นลูกต้องจดจำท่าน ผู้คนกราบไหว้บูชาศรีกฤษณะมากที่สุดเพราะเขาอยู่ถัดจากผู้เดียวนั้น พวกเขาก็รักกฤษณะ และคิดว่าเขาเป็นพระเจ้าแห่งกีตะด้วยเช่นกัน ต้องมีใครบางคนผู้ที่พูดความรู้นี้และแล้วเมื่อนั้นลูกก็จะได้รับมรดกของลูก พ่อผู้เดียวเท่านั้นที่ให้ความรู้นี้แก่ลูก ไม่สามารถเป็นใครนอกจากพ่อผู้เดียวผู้ที่สามารถก่อตั้งโลกใหม่และดลใจให้เกิดการทำลายล้างโลกเก่า พวกเขาแม้กระทั่งเขียนว่า การก่อตั้งผ่านบราห์มา การหล่อเลี้ยงผ่านวิษณุ และการทำลายล้างผ่านชางก้า สิ่งนี้หมายถึงเวลานี้ แต่พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งนี้ ลูกรู้ว่านั่นคือโลกที่ไม่มีตัวตนในขณะที่นี่คือโลกที่มีตัวตน โลกนี้เหมือนกัน-อาณาจักรของรามและอาณาจักรของราวันคงอยู่ที่นี่ คำยกย่องทั้งหมดเป็นของเวลานี้ อย่างไรก็ตามอาณาเขตที่ละเอียดอ่อนนั้นเป็นเพียงการมีนิมิต ดวงวิญญาณอาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีตัวตนและแล้วดวงวิญญาณก็มาที่นี่เพื่อเล่นบทบาทของพวกเขา พวกเขาก็เพียงแต่สร้างภาพลักษณ์ของผู้ที่อยู่ในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อนซึ่งพ่ออธิบายสิ่งเหล่านี้ให้แก่ลูก ลูกๆต้องกลายเป็นเทวดานางฟ้าเหล่านั้นผู้ที่เป็นผู้อาศัยของอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน เทวดานางฟ้าไม่ได้มีเนื้อหนังและกระดูก พวกเขาพูดว่า ดาดี้จีริชชี่แม้กระทั่งให้กระดูกของเขา แต่ไม่มีการพูดถึงชางก้าที่ใดๆ มีวัดที่สร้างให้แก่บราห์มาและวิษณุ ไม่มีสิ่งใดเลยสำหรับชางก้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้แสดงชางก้าสำหรับการทำลายล้าง อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเขาจะทำลายล้างด้วยการเปิดตาของเขา เทพจะสามารถทำความก้าวร้าวรุนแรงได้อย่างไร? พวกเขาไม่ทำเช่นนั้นและชีพบาบาก็ไม่ได้ให้แนวทางเช่นนั้น และแล้วทุกสิ่งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับผู้ที่ให้แนวทางนั้น ผู้ที่พูดสิ่งใดก็จะได้รับการตำหนิ ผู้คนเหล่านั้นพูดว่าชีวาและชางก้าเป็นหนึ่งเดียวกันและเป็นเช่นเดียวกัน เวลานี้พ่อพูดว่า จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้น จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้นอย่างสม่ำเสมอ ท่านไม่ได้พูดว่า จดจำชีวาและชางก้า เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าผู้ชำระให้บริสุทธิ์ พระเจ้านั่งที่และอธิบายความหมายของทุกสิ่ง ไม่มีใครรู้สิ่งเหล่านี้ และดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นรูปภาพเหล่านี้พวกเขาก็สับสน พวกเขาต้องบอกความหมายของภาพเหล่านั้นอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่ใช้เวลาสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใจ เพียงกำมือเดียวจากหลายล้านที่ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่ว่าพ่อจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าพ่อจะเป็นอย่างไร เพียงกำมือเดียวจากหลายล้านเท่านั้นที่ตระหนักรู้จักพ่อได้ อัจชะ

ถึงลูกๆ ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1 อย่าได้สูญเสียเวลาของลูกในการคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่นใด อยู่อย่างซาบซึ้งกับตัวลูกเอง คิดเกี่ยวกับตนเองและทำให้ดวงวิญญาณของลูกสโตประธาน

2 เพื่อที่จะเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาไปเป็นนารายณ์ ลูกต้องจดจำระลึกถึงพ่อผู้เดียวในช่วงเวลาสุดท้ายของลูกเท่านั้น เก็บวิธีที่สูงสุดนี้ไว้เบื้องหน้าลูกและทำความเพียรพยายาม: ฉันคือดวงวิญญาณ ฉันต้องลืมร่างนี้

พร:
ขอให้ลูกกลับมาเป็นอิสระจากการถูกดึงดูด และเป็นอิสระจากความผูกพันยึดมั่นทั้งหมด โดยการอยู่อย่างตระหนักรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคือของขวัญพิเศษที่ลูกได้รับจากผู้ประทาน

ลูกบางคนพูดว่าพวกเขาไม่มีความผูกพันยึดมั่นใดๆต่อใคร แต่พวกเขาชอบคุณธรรมโดยเฉพาะของบุคคลนั้นอย่างมาก หรือที่เขาหรือเธอมีคุณสมบัติพิเศษมากมายในการทำงานรับใช้ อย่างไรก็ตาม สำหรับความคิดของลูกถูกดูดดึงไปที่บุคคลหรือวัตถุใดๆนั่นคือการถูกดึงดูด ขณะที่เห็นคุณสมบัติพิเศษของผู้อื่น คุณธรรมของพวกเขาและงานรับใช้ของพวกเขาแล้วอย่าลืมผู้ประทาน สิ่งเหล่านั้นคือของขวัญพิเศษจากผู้ประทาน สำนึกรู้นี้จะทำให้ลูกเป็นอิสระจากความผูกพันยึดมั่นและภาพลักษณ์ที่ดึงดูดทั้งหมด ลูกจะไม่ได้รับอิทธิพลจากใครๆ

คติพจน์:
กลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ทางจิตเช่นนั้นที่ลูกแสดงจุดหมายปลายทางให้แก่ดวงวิญญาณเร่ร่อนและทำให้พวกเขาได้พบกับพระเจ้า