22.12.24 Avyakt Bapdada Thai Murli
17.03.2003 Om Shanti Madhuban
จงอยู่ในความเคารพตนเองอยู่เสมอ ให้ความเคารพนับถือกับทุกคน
และให้ความร่วมมือกับพวกเขาเพื่อทำให้พวกเขามีพลัง
วันนี้ บัพดาดา
ผู้ประทานโชค กำลังเห็นเส้นโชคสามเส้นบนหน้าผากของลูกๆแต่ละคนในทุกหนแห่ง
หนึ่งคือเส้นโชคแห่งการหล่อเลี้ยงของพระเจ้า
สองคือเส้นโชคแห่งคำสอนอันสูงส่งของครูที่แท้จริง
สามคือเส้นของศรีมัตที่เปล่งประกาย
ทั้งสามเส้นนี้เปล่งประกายอย่างงดงามอยู่กลางหน้าผากของลูกๆทุกคนในทุกหนแห่ง
ลูกทุกคนก็เห็นเส้นโชคทั้งสามประเภทของตนเองเช่นกันใช่หรือไม่?
เนื่องจากผู้ประทานโชคเป็นพ่อของลูกๆ นอกจากลูกแล้ว
มีใครอีกไหมที่จะมีโชคที่สูงส่งเช่นนี้?
บัพดาดากำลังเห็นว่ามีดวงวิญญาณหลายๆล้านในโลก แต่จากดวงวิญญาณหลายๆล้านเหล่านั้น
นี่คือครอบครัวที่มี 600,000 มีลูกจำนวนน้อยมาก ดังนั้น
ลูกจึงเป็นเพียงหนึ่งกำมือจากหลายๆล้านใช่หรือไม่? โดยทั่วไป ทั้งสามสิ่งนี้ –
การหล่อเลี้ยง, การศึกษา และคำแนะนำและแนวทางที่สูงส่ง -
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคนในชีวิตของเขา อย่างไรก็ตาม
มีความแตกต่างของกลางวันและกลางคืนระหว่างการหล่อเลี้ยงของพระเป็นเจ้านี้กับคำแนะนำและแนวทาง,การหล่อเลี้ยงและการศึกษาที่ได้รับจากดวงวิญญาณเทพและดวงวิญญาณมนุษย์
ดังนั้น โชคของลูกจึงสูงส่งมาก ลูกไม่เคยแม้กระทั่งจินตนาการถึงสิ่งนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ หัวใจของลูกแต่ละคนร้องเพลงว่า "ฉันได้มาซึ่งการบรรลุผลแล้ว!"
ลูกบรรลุผลแล้ว หรือลูกยังคงต้องให้ได้มาซึ่งการบรรลุผลนั้นอยู่?
ลูกจะพูดว่าอย่างไร? ลูกได้มาซึ่งการบรรลุผลนั้นแล้วใช่หรือไม่?
พ่อก็พอใจเช่นกันที่ได้เห็นโชคของลูกๆเช่นนี้ ลูกๆพูดว่า: "ว้า บาบา! ว้า!" (นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ของบาบา!)
แล้วพ่อก็พูดว่า: "ว้า ลูกๆ! ว้า!" (นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ของลูกๆ!)
อย่าเพียงแค่เก็บโชคนี้ไว้ในสำนึกรู้ของลูก
แต่จงอยู่อย่างเป็นตัวของสำนึกรู้นั้นอยู่เสมอ ลูกบางคนคิดได้ดีมาก
แต่ลูกต้องไม่กลายเป็นตัวของความคิด (sochna swaroop)
จงกลายเป็นตัวของการจดจำระลึกถึง (smruti swaroop)
เป็นตัวของการจดจำระลึกถึงคือเป็นตัวของพลัง (samarth swaroop)
เป็นตัวของความคิดไม่ใช่ตัวของพลัง
เมื่อเห็นเกมต่างๆของลูกๆ บัพดาดาก็ยังคงยิ้มอยู่ต่อไป
ลูกบางคนอยู่อย่างเป็นตัวของความคิด
พวกเขาไม่ได้อยู่อย่างเป็นตัวของการจดจำระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา
บางครั้งพวกเขาเป็นตัวของความคิด และบางครั้งก็เป็นตัวของการจดจำระลึกถึง
ผู้ที่อยู่อย่างเป็นตัวของการจดจำระลึกถึงนั้นอยู่ในรูปที่เป็นธรรมชาติของพวกเขาตลอดเวลา
ผู้ที่อยู่อย่างเป็นตัวของความคิดต้องใช้ความพยายาม
ยุคบรรจบพบกันนี้ไม่ใช่ยุคที่ต้องใช้ความเพียรพยายาม
แต่เป็นยุคที่จะสัมผัสกับการได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด
ลูกได้เพียรพยายามมาแล้วเป็นเวลาถึง 63 ชาติเกิด
แต่เวลานี้เป็นยุคนั่นก็คือเวลาที่จะได้มาซึ่งการบรรลุผลของความเพียรพยายามเหล่านั้นแล้ว
บัพดาดาได้เห็นว่าลูกได้มีความพยายามใดๆที่จะมีความตระหนักรู้ถึงร่างกายหรือไม่ "ฉันเป็นคนนั้น
ฉันเป็นคนนี้" ลูกได้เพียรพยายามใดๆเพื่อสิ่งนั้นหรือไม่?
นั่นมันเป็นธรรมชาติใช่หรือไม่?
จิตสำนึกที่เป็นร่างกลายเป็นธรรมชาติของลูกแล้วใช่หรือไม่?
มันกลายเป็นธรรมชาติที่แข็งแกร่งเช่นนั้นที่แม้กระทั่งตอนนี้
ในช่วงเวลาของการมีจิตสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ
จิตสำนึกที่เป็นร่างก็ดึงดูดลูกบางคนเข้าไปหาตัวมันเอง แล้วลูกจึงคิดว่า "ฉันเป็นดวงวิญญาณ
ฉันเป็นดวงวิญญาณ" อย่างไรก็ตาม จิตสำนึกที่เป็นร่างได้กลายเป็นธรรมชาติอย่างมาก
แม้จะขัดต่อความปรารถนาในจิตสำนึกของลูกก็ตาม หรือเมื่อลูกไม่ได้คิดถึงมัน
ลูกก็มีจิตสำนึกที่เป็นร่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า บัพดาดากล่าวว่า: เวลานี้
ในชาติเกิดของการตายขณะที่มีชีวิตอยู่ของลูกนี้ ให้สภาพของจิตสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณ
สำนึกรู้ของดวงวิญญาณ กลายเป็นธรรมชาติของลูกและเป็นไปโดยธรรมชาติเช่นกัน
ลูกไม่ควรที่จะต้องเพียรพยายามเช่นนั้นว่า "ฉันเป็นดวงวิญญาณ ฉันเป็นดวงวิญญาณ"
เมื่อเด็กเกิดมาและเริ่มเข้าใจ เมื่อเขาเติบโตขึ้น
เขาจะได้รับการแนะนำว่าเขาเป็นใครและเขาเป็นของใคร
ลูกๆบราห์มินได้รับการแนะนำอะไรเมื่อลูกเกิดมา? ลูกเป็นใคร
บทเรียนเรื่องดวงวิญญาณได้มีการทำให้มั่นคงสำหรับลูกแล้วใช่หรือไม่? ดังนั้น
ให้การแนะนำแรกนี้กลายเป็นธรรมชาติโดยธรรมชาติของลูก
ธรรมชาติคือเป็นธรรมชาติและสม่ำเสมอ ลูกไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะจดจำมัน
ในทำนองเดียวกัน ตามเวลาในตอนนี้
สภาพของจิตสำนึกที่เป็นดวงวิญญาณของลูกบราห์มินทุกคนควรเป็นธรรมชาติ
ลูกบางคนมีสภาพนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับมัน
พวกเขาเป็นตัวของการจดจำระลึกถึง
เวลานี้แน่นอนว่าลูกต้องกลายเป็นตัวของการจดจำระลึกถึงอย่างสม่ำเสมอและเป็นธรรมชาติ
บทสุดท้าย
ข้อสอบสุดท้ายของบราห์มินทั้งหมดคือข้อสอบเล็กๆนี้ของการกลายเป็นผู้เอาชนะความผูกพันยึดมั่นและเป็นตัวของการจดจำระลึกถึง
แล้วปีนี้ลูกจะทำอะไร?
ลูกบางคนถามว่า “ปีนี้เราควรมีเป้าหมายพิเศษอะไร?” บัพดาดากล่าวว่า
ขอให้ลูกมีจิตสำนึกเป็นดวงวิญญาณและเป็นตัวของการจดจำระลึกถึงอยู่เสมอ
ยังไงลูกก็ต้องได้รับการหลุดพ้นในชีวิตอยู่แล้ว แต่ก่อนที่ลูกจะหลุดพ้นในชีวิต
ลูกต้องเป็นอิสระจากการต้องลำบากตรากตรำ
สภาพนี้จะนำเวลาให้เข้ามาใกล้และปลดปล่อยพี่น้องชายหญิงทุกคนในโลกจากความทุกข์และความไม่สงบ
สภาพนี้ของลูกจะเปิดประตูไปสู่ดินแดนแห่งการหลุดพ้น ดังนั้น
ลูกไม่รู้สึกเมตตาต่อพี่น้องชายหญิงของลูกบ้างหรือ?
ดวงวิญญาณทุกหนแห่งกำลังร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์
ดังนั้นการหลุดพ้นของลูกจะทำให้ทุกคนได้รับการหลุดพ้น ดังนั้น
ตรวจสอบดูว่าลูกมีความตระหนักรู้ตามธรรมชาติในระดับใด
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีรูปที่ทรงพลัง
การกลายเป็นตัวของพลังหมายความว่าความไร้ประโยชน์ทั้งหมดจะจบสิ้นลงได้อย่างง่ายดาย
ลูกจะไม่ต้องเพียรพยายามเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนนี้ ในปีนี้
เนื่องจากความรักที่มีต่อลูกๆ
บัพดาดาไม่ต้องการเห็นลูกๆคนไหนต้องลำบากตรากตรำกับปัญหาใดๆอีกต่อไป
จบสิ้นปัญหาและกลายเป็นตัวของการแก้ไขปัญหาอันทรงพลัง สิ่งนี้เป็นไปได้ไหม?
สิ่งนี้เป็นไปได้ไหม? ดาดี้ พูดสิ! ผู้เป็นครู พูดสิ! เป็นไปได้ไหม
พันดาวาสสิ่งนี้เป็นไปได้ไหม? อย่าหาข้ออ้างทีหลังว่า "เพราะสิ่งนี้
เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น... ถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น สิ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น"
บัพดาดาเคยเห็นเกมมากมาย เกมที่แสนหวานมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แม้ว่ารูปแบบของปัญหาจะใหญ่กว่าหิมาลัย 100 เท่า แม้ว่าปัญหาจะมาจากร่างกาย จิตใจ
จากคนอื่น หรือจากวัตถุธาตุของธรรมชาติต่างๆ
ปัญหาที่เป็นสถานการณ์ภายนอกก็ไม่มีอะไรเลยเบื้องหน้าสภาพดั้งเดิมของลูก
วิธีที่จะสร้างสภาพดั้งเดิมของลูกคือการมีความเคารพตนเอง
ให้มีความเคารพตนเองอย่างเป็นธรรมชาติ ลูกไม่ควรจดจำสิ่งนี้
ลูกไม่ควรที่จะต้องเพียรพยายามเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่เลย จริงๆแล้ว
ฉันเป็นผู้ที่ควงกงจักรแห่งการตระหนักรู้ในตนเอง ฉันคือแสงสว่างของดวงตา
ฉันนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งหัวใจ ฉันคือสิ่งนี้” มีใครอีกไหมที่จะเป็นสิ่งนี้?
ใครเป็นสิ่งนี้ในวงจรที่แล้ว?
เป็นคนอื่นที่กลายเป็นสิ่งนี้หรือลูกที่กลายเป็นสิ่งนี้? มันคือลูก
มันคือลูกและลูกจะกลายเป็นสิ่งนี้ในทุกๆวงจร สิ่งนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว
บัพดาดากำลังเห็นใบหน้าทั้งหมด ลูกทุกคนคือคนเดิมคนเดียวกันจากวงจรที่แล้ว
ลูกเป็นคนของวงจรนี้หรือของวงจรอื่นๆก่อนหน้านี้หรือไม่?
ลูกเป็นคนเดียวกันของหลายๆวงจรใช่หรือไม่? ผู้ที่เป็นคนๆเดียวจากทุกวงจร ยกมือขึ้น!
ดังนั้นมันก็ถูกกำหนดไว้แล้วใช่หรือไม่
ลูกได้รับใบประกาศนียบัตรของการสอบผ่านแล้วใช่หรือไม่?
หรือลูกยังคงต้องประกาศสิทธิ์ในสิ่งนี้อยู่หรือไม่? ลูกได้รับสิ่งนี้แล้วใช่หรือไม่?
ลูกได้รับแล้วหรือว่าลูกยังต้องประกาศสิทธิ์ในสิ่งนี้อยู่หรือไม่?
ลูกได้รับในวงจรที่แล้ว แล้วทำไมลูกจะไม่รับในตอนนี้ล่ะ?
กลายเป็นตัวของความตระหนักรู้ในเรื่องนี้ ลูกแต่ละคนได้รับใบประกาศนียบัตรแล้ว
จะมีความแตกต่างกันระหว่างการสอบผ่านด้วยเกียรตินิยมหรือเพียงแค่สอบผ่าน
แต่ลูกเป็นคนๆเดียวกัน ลูกแน่ใจเกี่ยวกับสิ่งนี้ใช่ไหม?
หรือลูกจะลืมสิ่งนี้เมื่อเดินทางบนรถไฟ?
หรือมันจะบินหายไปเมื่อลูกขึ้นเครื่องบินหรือไม่? ไม่เลย
ตัวอย่างเช่น ปีนี้
ลูกมีความมุ่งมั่นที่จะเฉลิมฉลองวันชีพราตรีด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้นในทุกหนแห่ง
และดังนั้น ลูกจึงเฉลิมฉลองใช่หรือไม่? ด้วยความมุ่งมั่นของลูก
ความคิดใดๆก็ตามที่ลูกมีก็สำเร็จลุล่วงใช่หรือไม่? แล้วนี่คือความมหัศจรรย์ของอะไร?
ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความมุ่งมั่น ลูกคิดที่จะทำรายการ 67 โปรแกรม
แต่บัพดาดาเห็นว่าลูกหลายคนทำโปรแกรมมากกว่าจำนวนนั้น
นี่คือสิ่งชี้บอกของรูปที่ทรงพลัง
นี่เป็นข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติของความจริงจังและความกระตือรือร้น
ลูกทำสิ่งนี้โดยอัตโนมัติในทุกหนแห่งใช่หรือไม่? ในทำนองเดียวกัน
ลูกทุกคนร่วมกันให้กำลังใจซึ่งกันและกันและมีความคิดว่า "ตอนนี้เราต้องทำให้เวลาใกล้เข้ามาอย่างแน่นอน
เราต้องทำให้ดวงวิญญาณได้รับการหลุดพ้น" อย่างไรก็ตาม
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อลูกนำความคิดของลูกมาใช้ในรูปปฏิบัติจริงโดยการกลายเป็นตัวของการจดจำระลึกถึง
บัพดาดาได้ยินมาว่าผู้คนจากต่างประเทศจะมีเสน่ห์มิลันหรือมีการประชุมพิเศษ
และชาวบารัตก็มีการประชุมเช่นกัน และดังนั้นในการประชุม
อย่าเพียงแค่วางแผนสำหรับงานรับใช้ วางแผน แต่ให้มีความสมดุล
ร่วมมือกันในลักษณะเช่นนั้นที่ลูกทุกคนกลายเป็นนายผู้ทรงอำนาจและเฝ้าแต่โบยบินไปข้างหน้าต่อไป
จงเป็นผู้ประทานและให้ความร่วมมือกัน อย่าได้มองที่สถานการณ์
แต่จงให้ความร่วมมือกัน
อยู่ในความเคารพตนเองของลูกและให้ความร่วมมือกันด้วยการให้ความเคารพ
เพราะเมื่อลูกให้ความเคารพต่อดวงวิญญาณใดๆจากหัวใจของลูก
นั่นคือการทำบุญที่ยิ่งใหญ่มาก
ลูกได้ให้ความจริงจังและความกระตือรือร้นแก่ดวงวิญญาณที่อ่อนแอ
และนั่นคือบุญที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น ลูกต้องไม่ทำให้คนที่ล้มลงไปแล้วล้มลง
แต่จงโอบกอดพวกเขาไว้ - ไม่ใช่จากภายนอก
การโอบกอดพวกเขาหมายถึงการทำให้พวกเขาทัดเทียมกับพ่อ ให้ความร่วมมือแก่พวกเขา
ลูกได้ถามว่าลูกควรทำอะไรในปีนี้ใช่หรือไม่?
เพียงแค่ให้ความเคารพและรักษาความเคารพตนเองไว้ กลับมามีพลังและทำให้ผู้อื่นมีพลัง
อย่านำตนเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไร้ประโยชน์
ยังไงดวงวิญญาณที่อ่อนแอก็อ่อนแออยู่แล้ว
และหากลูกยังคงมองดูความอ่อนแอของพวกเขาต่อไป ลูกจะให้ความร่วมมือได้อย่างไร?
ให้ความร่วมมือแล้วลูกจะได้รับพร เมื่อลูกไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้
ความพยายามที่ง่ายที่สุดคือการให้พรและรับพร
ให้ความเคารพและกลายเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การได้รับการสรรเสริญ
เพียงผู้ให้ความเคารพเท่านั้นที่มีค่าควรแก่การได้รับความเคารพจากทุกคน
มากเท่าที่ลูกมีค่าควรแก่การได้รับความเคารพในตอนนี้
ลูกจะมีสิทธิ์ในอาณาจักรและกลายเป็นดวงวิญญาณที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชามากเท่านั้น
จงให้ต่อไป อย่าคิดที่จะรับ การให้เมื่อลูกได้รับนั้นเป็นงานของนักธุรกิจ
ลูกเป็นลูกของผู้ประทาน
บัพดาดารู้สึกยินดีและพอใจที่ได้เห็นงานรับใช้ของลูกๆในทุกหนแห่ง
ลูกทุกคนทำงานรับใช้ได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม เวลานี้ลูกต้องก้าวไปข้างหน้าใช่หรือไม่?
ลูกทุกคนทำงานรับใช้ได้ดีมากด้วยคำพูด
ลูกยังได้รับผลลัพธ์ที่ดีในการทำงานรับใช้ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเช่นกัน
ลูกได้จบสิ้นการพร่ำบ่นของดวงวิญญาณมากมาย นอกจากนั้น เมื่อเห็นความเร็วของเวลา
บัพดาดาไม่ต้องการให้ลูกรับใช้แค่ดวงวิญญาณเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านั้น
เพราะลูกเป็นเครื่องมือในการประทานการหลุดพ้นให้กับดวงวิญญาณทั้งโลก
เพราะลูกเป็นมิตรร่วมทางของพ่อ ดังนั้น ตามความเร็วของเวลา
ตอนนี้ลูกต้องทำงานรับใช้สามประเภทในเวลาเดียวกัน ประเภทที่หนึ่งคือด้วยคำพูดของลูก
จากนั้นด้วยสภาพที่ทรงพลังของลูก
และประเภทที่สามคือกระแสทางจิตวิญญาณที่สูงส่งของลูก
ไม่ว่าลูกจะรับใช้ที่ใดให้แผ่กระแสทางจิตวิญญาณเช่นนั้นออกไปเพื่อให้ทุกคนถูกดึงดูดโดยอิทธิพลของกระแสจิตเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
ดูสิว่าแม้แต่ในชาติเกิดสุดท้ายของลูก
ภาพลักษณ์ที่ไม่มีชีวิตของลูกก็กำลังรับใช้เพียงใด พวกเขาพูดอะไรเป็นคำพูดหรือไม่?
กระแสจิตของพวกเขาทำให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้รับผลจากความเลื่อมใสศรัทธาได้อย่างง่ายดาย
ด้วยวิธีนี้ ทำให้กระแสจิตมีพลัง
ให้รังสีของพลังทั้งหมดแผ่กระจายโดยผ่านกระแสจิตเพื่อให้กระแสจิตนั้นเปลี่ยนแปลงบรรยากาศ
กระแสจิตเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดรอยประทับลงในหัวใจของลูก
ลูกทุกคนคงเคยสัมผัสประสบการณ์มาแล้วว่าผลกระทบจะคงอยู่นานแค่ไหนเมื่อลูกมีรอยประทับของกระแสจิตที่ดีหรือไม่ดีของใครบางคนในหัวใจของลูก
มันคงอยู่เป็นเวลานานใช่หรือไม่?
ไม่สามารถขจัดออกไปได้แม้เมื่อลูกต้องการที่จะขจัดมันออกไป
เมื่อกระแสจิตที่ไม่ดีของใครบางคนฝังอยู่ในหัวใจของลูก
ลูกสามารถขจัดมันออกไปได้อย่างง่ายดายหรือไม่? ดังนั้น
กระแสจิตของรังสีของพลังทั้งหมดของลูกจะทำงานเหมือนรอยประทับ คำพูดสามารถถูกลืมได้
แต่รอยประทับที่สร้างขึ้นจากกระแสจิตไม่สามารถขจัดออกไปได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น
ลูกเคยมีประสบการณ์กับสิ่งนี้แล้วใช่หรือไม่? ลูกมีประสบการณ์นี้แล้วใช่หรือไม่?
บัพดาดาขอแสดงความยินดีกับคุชราตและบอมเบย์เป็นหลายล้านเท่าสำหรับความจริงจังและความกระตือรือร้นที่พวกเขาแสดงออกมา
เพราะเหตุใด? คุณสมบัติพิเศษของลูกคืออะไร? ทำไมบาบาจึงแสดงความยินดีกับลูก?
ลูกยังคงดำเนินงานที่ใหญ่ต่อไป แต่ทำไมบาบาจึงแสดงความยินดีกับลูกเป็นพิเศษ?
คุณสมบัติพิเศษของทั้งสองสิ่งนี้ก็คือความเป็นหนึ่งเดียวกันและความมุ่งมั่น
ที่ใดมีความเป็นหนึ่งเดียวกันและความมุ่งมั่น แทนที่จะใช้เวลาหนึ่งปี
งานหนึ่งปีก็จะสำเร็จลุล่วงภายในเวลาหนึ่งเดือน
ผู้ที่มาจากคุชราตและบอมเบย์ได้ยินหรือไม่?
ตอนนี้
จงกลับมามั่นคงในสภาพของพระอาทิตย์แห่งความรู้ในหนึ่งวินาทีและแผ่รังสีของพลังทั้งหมดไปยังดวงวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในความหวาดกลัวและความปั่นป่วน
พวกเขาหวาดกลัวมาก ให้พลังแก่พวกเขา แผ่กระแสจิต อัจชะ (บัพดาดาทำการฝึกดริล)
บัพดาดาได้รับจดหมายและอีเมล์มากมายจากลูกๆในทุกหนแห่ง แต่ละคนพูดว่า:
มอบความทรงจำระลึกถึงของฉันให้แก่บาบาด้วย
มอบความทรงจำระลึกถึงของฉันให้แก่บาบาด้วย บัพดาดาพูดว่า:
ความรักและความทรงจำระลึกถึงของลูกที่รักทุกคนได้ไปถึงบัพดาดาแล้ว
แม้กระทั่งในขณะที่นั่งอยู่ในที่ห่างไกล ลูกก็นั่งอยู่ในหัวใจของบัพดาดา ดังนั้น
ลูกทุกคนที่กล่าวว่า "มอบความทรงจำระลึกถึงของฉัน มอบความทรงจำระลึกถึงของฉัน"
คำพูดนั้นได้ไปถึงบาบาแล้ว ความรักของลูกๆและความรักของพ่อนี้กำลังทำให้ลูกๆโบยบิน
อัจชะ
ถึงลูกๆผู้มีโชคอย่างยิ่งทุกคนในทุกหนแห่ง
ถึงดวงวิญญาณพิเศษจำนวนหนึ่งกำมือจากหลายๆล้าน
ถึงลูกๆที่เป็นประโยชน์ในงานรับใช้ซึ่งอยู่ในความเคารพตนเองและความเคารพผู้อื่นอยู่เสมอ
ถึงดวงวิญญาณที่เป็นตัวของการจดจำระลึกถึงและเป็นตัวของพลังอยู่เสมอ
ถึงลูกๆที่เป็นตัวของพลังทั้งหมดและนั่งอยู่บนที่นั่งที่ไม่ไหวหวั่นสั่นคลอนอยู่เสมอ
รัก ระลึกถึง และนมัสเต จากบัพดาดา
ถึง ดาดี้จี:
บัพดาดาพอใจในตัวลูกเป็นพิเศษ ทำไมท่านจึงพอใจ?
ท่านพอใจเป็นพิเศษที่เหมือนกับที่พ่อบราห์มาเคยสั่งทุกคนว่า "ลูกต้องทำสิ่งนี้
และลูกต้องทำตอนนี้" ดังนั้นลูกจึงทำตามพ่อบราห์มาในสิ่งนั้น (ลูกก็อยู่กับพ่อด้วย)
นั่นเป็นเรื่องจริง แต่ลูกได้กลายเป็นเครื่องมือแล้วใช่หรือไม่?
ลูกมีความมุ่งมั่นเช่นนั้นที่ประสบความสำเร็จในทุกหนแห่ง
เหตุนี้เองลูกจึงเต็มไปด้วยพลังทางจิตมากมายอย่างแฝงตัว สุขภาพของลูกก็ดี
ลูกเต็มไปด้วยพลังทางจิตมากมายที่สุขภาพของลูกเทียบไม่ได้เลย
เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใช่ไหม?
เมื่อเห็นดาดี้พบกับบาบา ทุกคนรู้สึกว่า ถ้าฉันเป็นดาดี้
ฉันก็จะพบในลักษณะเดียวกันเช่นกัน ลูกก็จะกลายเป็นดาดี้เช่นกัน
บัพดาดาได้สร้างแผนขึ้นมาในหัวใจของท่าน ท่านยังไม่ได้ให้สิ่งนั้นแก่ลูก ดังนั้น
ชุมนุมของผู้ที่เป็นเพชรพลอยดั้งเดิมของการรับใช้ตั้งแต่สมัยสะคาร์ของบราห์มาบาบา
จะต้องทำให้เข้มแข็งขึ้น (ลูกจะทำสิ่งนี้เมื่อใด?) เมื่อลูกทำ นี่คือหน้าที่ของลูก
(ถึง ดาดี้จางกี) ลูกก็มีความคิดนี้อยู่ในหัวใจเช่นกันใช่หรือไม่?
เช่นเดียวกับที่ชุมนุมของความเป็นหนึ่งเดียวกันและความมุ่งมั่นของลูกดาดี้นั้นแข็งแกร่ง
ในทำนองเดียวกัน ชุมนุมของเพชรพลอยดั้งเดิมของการรับใช้ก็ต้องแข็งแกร่งเช่นกัน
มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับสิ่งนี้ เพราะงานรับใช้ต้องเพิ่มขึ้น ดังนั้น
พลังของชุมนุมจึงสามารถทำทุกสิ่งที่ต้องการได้
พันดาวาสทั้งห้าเป็นสัญลักษณ์ของอนุสรณ์ของชุมนุม
มีห้าพันดาวาสแต่พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของชุมนุม อัจชะ
ผู้ที่ข้องแวะอยู่กับการทำงานรับใช้ที่ศูนย์ตั้งแต่สมัยของสะคาร์บราห์มาเป็นต้นมา
จงยืนขึ้น ผู้ที่อยู่ที่ศูนย์ก็มีบราเธอร์ในกลุ่มนี้ด้วย
จะไม่มีการรอดพ้นได้หากไม่มีพันดาวาส มีอยู่ไม่กี่คนที่นี่ แต่มีมากกว่านั้น
เป็นหน้าที่ของบุคคลนี้ (ดาดี้ จางกี) ที่จะนำชุมนุมมารวมกัน บุคคลนี้ (ดาดี้จี)
เป็นกระดูกสันหลัง พวกเขาเป็นเพชรพลอยที่ดีมาก อัจชะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี
ไม่ว่าลูกจะทำอะไรต่อไปก็ตาม ก็มีความยิ่งใหญ่ในชุมนุมของลูก
ป้อมปราการของลูกแข็งแกร่ง
พร:
ขอให้ลูกมีชัยชนะอย่างสม่ำเสมอในทุกสถานการณ์ที่เลวร้ายด้วยการนั่งบนที่นั่งของความเคารพตนเองของลูก
คงนั่งอยู่บนที่นั่งของความเคารพตนเองของลูกอยู่เสมอ: ฉันเป็นเพชรพลอยแห่งชัยชนะ
ฉันเป็นนายผู้ทรงอำนาจ ที่นั่งของลูกเป็นเช่นไร
ลูกก็จะพัฒนาคุณสมบัติสำหรับที่นั่งนั้นเช่นนั้น
เมื่อสถานการณ์ที่เลวร้ายใดๆมาอยู่เบื้องหน้าลูก
ให้ตั้งตนเองให้อยู่บนที่นั่งนี้ในหนึ่งวินาที
คำสั่งเดียวที่ต้องเชื่อฟังคือคำสั่งของผู้ที่นั่งอยู่บนที่นั่งของตน (ของตำแหน่งของตน)
เท่านั้น จงนั่งบนที่นั่งของลูก และลูกจะได้รับชัยชนะ
ยุคบรรจบพบกันคือยุคที่มีชัยชนะอย่างสม่ำเสมอ ยุคนี้ได้รับพร
ดังนั้นจงได้รับพรและกลายเป็นผู้มีชัยชนะ
คติพจน์:
ผู้ที่ได้รับชัยชนะเหนือความอ่อนแอทั้งหมดของพวกเขาคือกองทัพชีพชักตีพันดาฟ