26.04.25 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน เวลานี้ลูกๆ
บราห์มินที่สูงส่งที่สุดของยุคบรรจบพบกันได้เข้ามาสู่ตักของพระเจ้าแล้ว
ลูกต้องเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นเทพ ดังนั้นลูกต้องมีคุณธรรมที่สูงส่งด้วยเช่นกัน
คำถาม:
ลูกๆ
บราห์มินควรอยู่อย่างระมัดระวังมากในแง่ใดและเพราะเหตุใด?
คำตอบ:
ลูกต้องอยู่อย่างระมัดระวังอย่างมากตลอดทั้งวันที่ลูกจะไม่มีการกระทำที่เป็นบาปใดๆ
เพราะพ่อในรูปของดารามราชกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าลูก ตรวจสอบตนเองและถามว่า:
ฉันได้ทำให้ใครเป็นทุกข์หรือไม่? ฉันทำตามศรีมัทกี่เปอร์เซ็นต์?
ฉันทำตามการกำหนดของราวันหรือไม่?
เมื่อลูกเป็นของพ่อแล้วจะมีการลงโทษหนึ่งร้อยเท่าสำหรับการกระทำที่เป็นบาปทั้งหมดที่ลูกได้ทำ
โอมชานติ
พระเจ้าพูด ได้เคยมีการอธิบายแก่ลูกๆ
แล้วว่าไม่มีมนุษย์คนไหนหรือเทพใดสามารถเรียกได้ว่าเป็นพระเจ้า
ในขณะนั่งอยู่ที่นี่ได้คงอยู่ในสติปัญญาของลูกว่าลูกคือบราห์มินของยุคบรรจบพบกัน
ลูกๆ บางคนก็ไม่สามารถแม้แต่จะจดจำสิ่งนี้ได้มากอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ใช่ว่าลูกจะคิดว่าตนเองเป็นบราห์มินอย่างแท้จริง ลูกๆ
บราห์มินต้องสร้างสมคุณธรรมที่สูงส่ง เราคือบราห์มินของยุคบรรจบพบกัน
และชีพบาบากำลังทำให้เราเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด ไม่ใช่ลูกๆ
ทั้งหมดจะสามารถจดจำสิ่งนี้ได้
ลูกลืมซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าลูกคือบราห์มินที่สูงส่งที่สุดในยุคบรรจบพบกัน
ถ้าลูกจะเก็บมากเท่านี้ในสติปัญญาของลูก ก็จะเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ของลูก
ทุกสิ่งตามลำดับกันไปเสมอ ลูกแต่ละคนคือผู้ทำความเพียรพยายามตามสติปัญญาของลูก
เวลานี้ลูกเป็นของยุคบรรจบพบกัน ลูกคือผู้กำลังจะกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด
ลูกรู้ไหมว่าลูกจะกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุดเมื่อลูกจดจำอับบ้า (พ่อ)
พ่อผู้เป็นที่รักที่สุด
เพียงด้วยการมีการจดจำระลึกถึงท่านเท่านั้นที่บาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้อง
หากใครทำบาปในวันนี้ จะมีการสะสมการลงโทษถึง 100 เท่าในบัญชีของผู้นั้น
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าบาปใดก็ตามที่ลูกได้ทำลงไปลูกได้สะสม 10 เท่า
เวลานี้หลังจากได้เข้ามาสู่ตักของพระเจ้า หากลูกทำบาป ลูกจะสะสมถึง 100 เท่า ลูกๆ
รู้ว่าพ่อกำลังสอนลูกเพื่อที่จะทำให้ลูกเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุดที่ต่อมากลายเป็นเทพ
ผู้ที่จดจำสิ่งนี้อย่างสม่ำเสมอจะเฝ้าแต่ทำงานรับใช้ทางจิตอย่างมากมาย
เพื่อที่จะคงอยู่อย่างสดชื่นแจ่มใสอย่างสม่ำเสมอ จงชี้หนทางแก่ผู้อื่นด้วย
ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่ลูกไป เก็บไว้ในสติปัญญาของลูกเสมอว่าลูกอยู่ในยุคบรรจบพบกัน
นี่คือยุคบรรจบพบกันที่สูงส่งที่สุด ผู้อื่นก็พูดถึงเดือนหรือปีที่สูงส่งที่สุด
ลูกพูดว่าลูกคือบราห์มินที่สูงส่งที่สุดของยุคบรรจบพบกัน
ปลูกฝังสิ่งนี้อย่างดีมากในสติปัญญาของลูก
เวลานี้เราอยู่ในการจาริกแสวงบุญเพื่อที่จะกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด
แม้ว่าลูกจดจำเพียงเท่านี้ นี่คือ “มานมานะบาฟ”
ลูกกำลังจะกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุดตามความเพียรพยายามของลูกและการกระทำของลูก
ลูกต้องการคุณธรรมที่สูงส่งด้วยเช่นกันเมื่อลูกต้องทำตามศรีมัทด้วย มนุษย์อื่นๆ
ทั้งหมดทำตามกำหนดของตนเองซึ่งเป็นการกำหนดของราวัน
ไม่ใช่ว่าลูกทั้งหมดจะทำตามศรีมัท มีมากมายที่ยังคงทำตามการกำหนดของราวัน
บางคนก็ทำตามศรีมัทจำนวนเท่านี้เปอร์เซ็นต์ และคนอื่นจำนวนเท่านั้นเปอร์เซ็นต์
บางคนก็ทำตามศรีมัทเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าพวกเขานั่งที่นี่
พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในการจดจำระลึกถึงชีพบาบา
โยคะของสติปัญญาของพวกเขาก็เร่ร่อนไปที่ใดที่หนึ่ง ควรตรวจสอบตนเองทุกวัน:
ในวันนี้ฉันได้ทำการกระทำใดที่เป็นบาปหรือไม่?
ฉันได้เป็นเหตุของความทุกข์แก่ใครหรือไม่?
ลูกต้องเตือนตนเองอย่างมากเพราะดารามราชก็กำลังยืนอยู่ที่นี่ด้วย
เวลานี้คือเวลาของการชำระสะสางบัญชีทั้งหมดของลูก
จะต้องมีประสบการณ์ของการลงโทษด้วยเช่นกัน ลูกๆรู้ว่าลูกได้ทำบาปมาชาติแล้วชาติเล่า
เมื่อใดก็ตามที่ใครบางคนไปที่วัดหรือไปหากูรูของเขาหรือไปหารูปบูชาเทพซึ่งเป็นที่รักพิเศษของเขา,
เขาก็พูดว่า: ฉันเป็นคนบาปมาชาติแล้วชาติเล่า ให้อภัยฉันและเมตตาแก่ฉัน!
ไม่เคยมีการพูดคำพูดเช่นนั้นในยุคทอง บางคนพูดความจริงในขณะที่คนอื่นพูดโกหก
ก็เหมือนกับที่นี่ บาบาพูดเสมอว่า: เขียนเรื่องราวชีวิตของลูกและส่งมาให้บาบา
บางคนก็เขียนความจริงทั้งหมดในขณะที่คนอื่นซ่อนเร้นบางสิ่งเพราะพวกเขาละอายเกินกว่าที่จะเขียนสิ่งนั้น
ลูกรู้ว่าหากลูกทำสิ่งที่ไม่ดี ผลที่ลูกได้รับจากสิ่งนั้นก็จะไม่ดีด้วยเช่นกัน
นั่นเป็นเรื่องของเวลาชั่วคราว ในขณะที่ที่นี่เป็นเรื่องของช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน
หากลูกทำกรรมที่เลวร้ายเวลานี้ก็จะต้องมีประสบการณ์ของการลงโทษ
และแล้วลูกจะไปสู่สวรรค์ในเวลาท้ายที่สุดเท่านั้น
เวลานี้ลูกรู้ทุกสิ่งว่าใครบ้างที่กำลังจะกลับมาสูงส่ง
นั่นคืออาณาจักรเทพที่สูงส่งที่สุด ลูกกำลังกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด
ไม่มีที่ใดอื่นที่จะมีใครได้รับการยกย่องเช่นนี้
มนุษย์ไม่ได้รู้ถึงคุณธรรมของเหล่าเทพด้วย แม้ว่าผู้คนร้องเพลงสรรเสริญพวกเขา
แต่พวกเขาก็เป็นเหมือนนกแก้ว เหตุนี้เองบาบาจึงพูดว่า:
ให้อธิบายแก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา
เมื่อผู้เลื่อมใสศรัทธาเรียกตนเองว่าเป็นคนบาปที่ตกต่ำ จงถามพวกเขาว่า:
ท่านได้เคยทำบาปเมื่อท่านอยู่ในดินแดนแห่งความเงียบสงบหรือไม่?
ที่นั่นเราดวงวิญญาณมีความบริสุทธิ์ พวกเขากลับมาไม่บริสุทธิ์ที่นี่
เพราะนี่คือโลกที่ตาโมประธาน เพียงผู้บริสุทธิ์เท่านั้นที่มีชีวิตอยู่ในโลกใหม่
เป็นราวันที่ทำให้ลูกไม่บริสุทธิ์
ปัจจุบันมีอาณาจักรของราวันทั่วบารัตโดยเฉพาะและทั้งโลกโดยทั่วไป
ราชาและราชินีเป็นเช่นไรปวงประชาก็เป็นเช่นนั้น สูงสุดจนถึงต่ำสุด
ทุกคนที่นี่ไม่บริสุทธิ์ บาบาพูดว่า: พ่อมาและทำให้ลูกบริสุทธิ์แล้วก็กลับบ้าน
แล้วใครทำให้ลูกไม่บริสุทธิ์? ราวัน
ด้วยการทำตามการกำหนดของพ่อเวลานี้ลูกจะกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง
และแล้วหลังจากครึ่งวงจรลูกก็กลับมาไม่บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่งด้วยการทำตามการกำหนดของราวัน
นั่นคือลูกกลับมามีสำนึกที่เป็นร่างและได้รับอิทธิพลของกิเลส
การกำหนดเหล่านั้นเรียกว่าเป็นการกำหนดที่เป็นเช่นปีศาจ
บารัตที่เคยบริสุทธิ์เวลานี้กลับมาไม่บริสุทธิ์และต้องกลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง
พ่อผู้ชำระให้บริสุทธิ์ต้องมาเพื่อชำระบารัตให้บริสุทธิ์
ดูซิว่ามีผู้คนมากมายแค่ไหนในวันนี้! แล้วจะมีมากมายแค่ไหนในวันพรุ่งนี้?
สงครามจะเกิดขึ้น ความตายกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าลูก
ผู้คนเหล่านั้นทั้งหมดจะอยู่ที่ไหนในวันพรุ่งนี้?
ร่างกายของทุกคนและโลกเก่านี้จะถูกทำลาย
นัยสำคัญของสิ่งนี้อยู่ในสติปัญญาของลูกขณะนี้ตามลำดับกันไปตามความเพียรพยายามที่ลูกทำ
เรากำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าใคร?
ผู้ไม่เข้าใจสิ่งนี้คือผู้ที่ได้รับสถานภาพที่ต่ำที่สุด
ใครจะสามารถทำอะไรได้หากตามละครไม่ได้อยู่ในโชคของใครบางคน? เวลานี้ลูกๆ
ต้องทำงานรับใช้และจดจำพ่อ ลูกคือบราห์มินของยุคบรรจบพบกัน
ลูกต้องกลายเป็นเหมือนพ่อผู้เป็นมหาสมุทรแห่งความรู้และมหาสมุทรแห่งความสุข
ลูกได้พบพ่อแล้วผู้ที่ทำให้ลูกเป็นสิ่งนี้ คำยกย่องของเหล่าเทพคือ: “เต็มไปด้วยทุกคุณธรรมฯลฯ”
ในเวลาปัจจุบันไม่มีใครมีคุณธรรมเหล่านี้ ลูกแต่ละคนควรถามตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า:
ฉันกลับมามีค่าควรแก่การประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงมากแค่ไหน?
จดจำยุคบรรจบพบกันเป็นอย่างดี
เราบราห์มินของยุคบรรจบพบกันคือผู้ที่กำลังจะกลายเป็นมนุษย์ที่สูงส่งที่สุด
ศรีกฤษณะคือมนุษย์ที่สูงส่งที่สุดของโลกใหม่นั้น ลูกๆ
รู้ว่าลูกกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าบาบาเป็นการส่วนตัว
ดังนั้นลูกควรจะศึกษาเล่าเรียนให้มากยิ่งขึ้น ลูกต้องสอนผู้อื่นด้วยเช่นกัน
หากลูกไม่สอนผู้อื่นก็พิสูจน์ว่าลูกเองไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนและไม่มีอะไรอยู่ในสติปัญญาของลูกเลย
ไม่แม้แต่ 5 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในสติปัญญาของลูก
ลูกไม่แม้กระทั่งจดจำว่าลูกคือบราห์มินของยุคบรรจบพบกัน
ให้มีการจดจำระลึกถึงพ่อในสติปัญญาของลูกและเฝ้าแต่ควงกงจักรด้วยเช่นกัน
คำอธิบายนั้นง่ายดายมาก พิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ
ท่านคือพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พ่อพูดว่าจดจำพ่อและและบาปของลูกจะได้รับการปลดเปลื้อง
เราเคยเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาเหล่านั้นและแล้วก็กลายเป็นผู้ที่กราบไหว้บูชา
มันตรานี้ดีมาก พวกเขาพูดว่าแต่ละดวงวิญญาณคือดวงวิญญาณสูงสุด
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พวกเขาพูดนั้นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างสมบูรณ์
เราเคยบริสุทธิ์และแล้วในขณะที่ใช้ 84 ชาติเกิด เราก็กลายเป็นเช่นนี้
เวลานี้เราจะกลับบ้าน วันนี้เราอยู่ที่นี่ วันพรุ่งนี้เราจะกลับบ้าน
เรากำลังจะไปบ้านของพ่อที่ไม่มีขีดจำกัด ละครนี้ไม่มีขีดจำกัด ซึ่งต้องซ้ำรอย
พ่อพูดว่า: ลืมศาสนาทั้งหมดของร่างกายรวมทั้งร่างกายของลูกเอง
และพิจารณาว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณ เวลานี้เรากำลังจะจากร่างนี้ของเราและกลับบ้าน
จดจำสิ่งนี้อย่างมั่นคงมาก “ฉันคือดวงวิญญาณ”
การจดจำสิ่งนี้และการจดจำบ้านของลูกเช่นกันหมายถึงสติปัญญาของลูกได้ละทิ้งทั้งโลก:
เป็นการสละละทิ้งร่างกายและการสละละทิ้งทุกสิ่ง หฐโยคีเหล่านั้นไม่ได้ละทิ้งทั้งโลก
การสละละทิ้งของพวกเขาไม่สมบูรณ์ ลูกต้องละทิ้งทั้งโลก
ผู้ที่คิดว่าตนเองเป็นร่างกาย เขาก็จะมีการกระทำตามนั้น
ด้วยการมีจิตสำนึกที่เป็นร่าง พวกเขาก็นำนิสัยเหล่านั้นทั้งหมดของการลักขโมย
การพูดโกหก การทำบาปฯลฯ มาใช้ พวกเขาสร้างนิสัยของการพูดเสียงดังเช่นกัน
แล้วพวกเขาก็พูดว่า: แต่เสียงของฉันเป็นอย่างนั้น! พวกเขาแม้กระทั่งทำบาป 25 ถึง 30
ครั้งในช่วงตลอดทั้งวัน การพูดโกหกก็เป็นบาปด้วยเช่นกัน พวกเขาสร้างนิสัยเหล่านั้น
บาบาพูดว่า: เรียนรู้ที่จะลดเสียงของลูกให้เบาลง
ไม่ได้ใช้เวลาเลยที่จะลดเสียงของลูกลง แม้แต่สุนัขก็ยังสามารถฝึกฝนให้ดีได้
ลิงก็มีความฉลาดมาก ลิงเมื่อคุ้นเคยกับบางคนและเริ่มร่ายรำฯลฯ
แม้แต่สัตว์ก็สามารถที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ มนุษย์เปลี่ยนนิสัยสัตว์ได้
และพ่อเปลี่ยนแปลงมนุษย์ พ่อพูดว่า: ลูกก็เป็นเหมือนสัตว์เช่นกัน
ดังนั้นลูกจึงพูดว่าพ่ออวตารลงมาในเต่า
กิจกรรมของลูกเป็นเช่นไรลูกก็จะแสดงให้เห็นพ่อในทางที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น
เพียงลูกเท่านั้นที่รู้สิ่งนี้ โลกไม่รู้สิ่งนี้
ในเวลาสุดท้ายลูกจะมีนิมิตของสิ่งที่ลูกทำ
ลูกจะมาเพื่อรู้ว่าจะมีประสบการณ์ของการลงโทษอย่างไรด้วยเช่นกัน
ลูกได้เคยทำความเลื่อมใสศรัทธาเป็นเวลาครึ่งวงจร เวลานี้ลูกได้พบพ่อแล้ว ท่านพูดว่า:
หากลูกไม่ทำตามการชี้นำของพ่อการลงโทษของลูกก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นหยุดทำบาปมากไปกว่านี้
เก็บบันทึกชาร์ทของตัวลูกเองและซึมซับความรู้นี้ด้วยเช่นกัน
ลูกจำเป็นต้องฝึกฝนที่จะอธิบายแก่ผู้อื่นด้วย
คิดเกี่ยวกับภาพของนิทรรศการและวิธีที่ลูกจะสามารถอธิบายภาพเหล่านั้นให้แก่ผู้อื่นได้
ก่อนอื่นใดใช้หัวข้อว่า “ใครคือพระเจ้าของกีตะ?” เพียงผู้ชำระให้บริสุทธิ์
พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด เท่านั้นสามารถเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้
พ่อคือพ่อของทุกดวงวิญญาณ คำแนะนำของพ่อเป็นที่ต้องการของทุกคน ฤๅษีและมุนีฯลฯ
ไม่มีคำแนะนำตัวของพ่อ และของตอนเริ่ม ตอนกลางและตอนจบของสิ่งสร้าง
ดังนั้นก่อนอื่นใดจงอธิบายเพื่อทำให้พวกเขาเข้าใจเพื่อที่พวกเขาจะเขียนว่า: “มีพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นไม่สามารถมีใครอื่นเป็นพระเจ้า”
มนุษย์ไม่สามารถเรียกตนเองว่าพระเจ้า เวลานี้ลูกมีศรัทธาว่าพระเจ้าไม่มีตัวตน
พ่อกำลังสอนเราและเราคือนักเรียนของท่าน พร้อมกับพ่อ,
ท่านก็เป็นครูและสัตกูรูด้วยเช่นกัน เมื่อลูกจดจำพ่อผู้เดียว
ลูกก็จะได้รับการเตือนให้ระลึกถึงครูและกูรูด้วย สติปัญญาของลูกต้องไม่เร่ร่อน
อย่าเพียงแต่พูดว่า“ชีวา”อยู่เรื่อยๆ ท่านคือพ่อของเรา, ครูสูงสุดของเรา
ท่านจะพาเรากลับไปกับท่าน มีคำยกย่องผู้เดียวนั้นมากมาย เราต้องจดจำผู้เดียวนั้น
ผู้คนพูดว่าพวกเขาได้ทำให้บราห์มากุมารีเป็นกูรูของพวกเขา
ลูกกลายเป็นกูรูของเขาใช่หรือไม่? อย่างไรก็ตามลูกจะไม่ถูกเรียกว่าเป็นพ่อ
ลูกอาจถูกเรียกว่าครูหรือกูรูแต่ไม่ใช่พ่อ
เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าเป็นทั้งสามสิ่งนี้
ท่านคือพ่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้กระทั่งเหนือผู้นี้ (อะแวค บราห์มา)
คือผู้เดียวนั้น ลูกต้องอธิบายสิ่งนี้อย่างชัดเจนมาก
ลูกต้องใช้ปัญญาเพื่ออธิบายที่นิทรรศการด้วยเช่นกัน ลูกคิดว่าลูกไม่มีความกล้าหาญ
เมื่อมีนิทรรศการที่ใหญ่โต
ผู้ที่เป็นลูกๆที่ดีที่สามารถทำงานรับใช้ได้เป็นอย่างดีควรจะไปที่นั่นและทำงานรับใช้
บาบาไม่ได้ห้ามลูก เมื่อลูกทำความก้าวหน้า
ลูกก็จะเฝ้าแต่ยิงธนูของความรู้นี้ไปยังผู้รู้และผู้เคร่งศาสนา
พวกเขาจะไปที่ใดอื่นได้? มีเพียงร้านเดียวเท่านั้น
ทุกคนจะได้รับการหลุดพ้นจากบาปและความไม่บริสุทธิ์จากร้านเดียวนี้
ร้านนี้เป็นเช่นนั้นที่สามารถทำให้ลูกแสดงหนทางที่จะกลับมาบริสุทธิ์แก่ทุกคน
จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาว่าพวกเขาจะกลายเป็นเช่นนี้หรือไม่ ลูกๆ
ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการทำงานรับใช้ แม้ว่าลูกจะรู้คิด
ลูกก็ยังไม่ได้ทำงานรับใช้อย่างเต็มที่
ดังนั้นบาบาจึงเข้าใจว่ามีลางร้ายเกิดขึ้นกับลูก มีลางบอกเหตุอยู่เหนือทุกคน
บางคนก็ถูกบดบังด้วยเงามืดของมายา และหลังจากนั้นสองวันพวกเขาก็กลับมาปกติดี
ลูกๆควรมีประสบการณ์ของงานรับใช้แล้วกลับมาที่นี่
ลูกยังคงต้องจัดนิทรรศการต่อไปเรื่อยๆ
ทำไมผู้คนถึงไม่เข้าใจเพียงพอที่จะเขียนในทันทีว่าพระเจ้าชีวาเป็นผู้พูดกีตะอย่างแท้จริง
ไม่ใช่กฤษณะ? บางคนก็เพียงแค่พูดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีมาก,
เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากต่อมนุษย์และควรจะมีการแสดงสิ่งนี้ให้ทุกคนได้เห็น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครในบรรดาพวกเขาที่พูดว่า: ฉันจะประกาศสิทธิ์ในมรดกนี้ด้วย อัจชะ
ถึง ลูกๆ
ที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก
ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1.
อย่าได้กลับมามีสำนึกที่เป็นร่างและพูดเสียงดัง จบสิ้นนิสัยนั้น การขโมย การพูดโกหก
ฯลฯ ทั้งหมดนั้นเป็นบาป
เพื่อที่จะได้รับการปกป้องจากสิ่งนั้นจงอยู่ในสำนึกเป็นดวงวิญญาณ
2.
ความตายกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าลูก ดังนั้นทำตามศรีมัทของพ่อและกลับมาบริสุทธิ์
หลังจากที่เป็นของพ่อแล้วอย่าได้ทำสิ่งใดที่เป็นบาป
ทำความเพียรพยายามที่จะได้รับการรอดพ้นจากการถูกลงโทษ
พร:
ขอให้ลูกมีสิทธิ์ในบัลลังก์ของอาณาจักรโดยการจองตั๋วสำหรับโลกปสันต์สภา lok-pasand
sabha (การชุมนุมสาธารณะ)
เมื่อลูกมีความคิด(thought)หรือความคิดเห็น(idea)ใด
ก่อนอื่นให้ตรวจสอบว่าความคิดหรือความคิดเห็นนั้นเป็นสิ่งที่พ่อชอบหรือไม่
สิ่งที่พ่อชอบจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนโดยอัตโนมัติ
หากมีความเห็นแก่ตัวอยู่ในความคิดก็จะกล่าวได้ว่าเป็นที่ชื่นชอบของตนเอง
ในขณะที่หากเป็นไปเพื่อประโยชน์ของโลกก็จะกล่าวได้ว่าเป็นที่รักของผู้คนและพระเจ้า
การเป็นสมาชิกของ“โลกปาสันต์สภา”
หมายถึงการได้รับสิทธิต่อบัลลังก์ของอาณาจักรแห่งกฎเกณฑ์และระเบียบวินัย
คติพจน์:
สัมผัสกับความเป็นมิตรร่วมทางชีวิตของพระเจ้าแล้วลูกจะปลอดภัยและพบว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
สัญญาณที่ละเอียดอ่อน:
คงอยู่อย่างมีชัยชนะอย่างสม่ำเสมอด้วยสำนึกรู้ของรูปรวม
เช่นที่ชีพชัคตีอยู่ในรูปรวม ในทำนองเดียวกัน พันดาบปติ (พระเจ้าของพันดาฟ)
และพันดาฟได้อยู่ในรูปรวมกันเสมอมา พันดาบปติ ไม่สามารถทำสิ่งใดโดยไม่มีพันดาวาส
สำหรับผู้ที่อยู่ในรูปรวมนี้อย่างสม่ำเสมอ
จะเป็นราวกับว่าบัพดาดาอยู่เบื้องหน้าพวกเขาในรูปที่มีตัวตนในทุกความสัมพันธ์
ไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหน เมื่อลูกเรียกหาท่าน ท่านจะปรากฏในหนึ่งวินาที
และเหตุนี้เองจึงกล่าวว่า "พระเจ้าปรากฏอยู่ตลอดเวลา"